ยูเอ็น เรียกร้องพักแผนการจำหน่าย-ใช้งานปัญญาประดิษฐ์

Loading

  ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้มีการประกาศพักแผนจำหน่ายและใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI – Artificial Intelligence) ทั้งหลายไว้ชั่วคราว เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงรุนแรงด้านสิทธิมนุษยชน ในรายงานล่าสุดที่จะนำเสนอต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ มิเชลล์ แบเชเลท์ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ รวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยีล้ำสมัยต่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งชี้ว่า AI นั้น อาจเป็นวิวัฒนาการที่ดี แต่ก็อาจล่วงล้ำและมีผลกระทบเลวร้ายรุนแรงต่อสิทธิ์ของผู้คน รวมทั้งความเป็นส่วนตัวของประชาชนได้ ขณะเดียวกัน เพ็กกี ฮิคส์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวด้วยว่า ระบบ AI อาจมีข้อผิดพลาดและมาพร้อมกับความเอนเอียงที่ฝังตัวอยู่ในระบบ ซึ่งอาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติและทำลายโอกาสการหางานหรือการได้รับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์จากระบบประกันสังคมได้ รายงานฉบับนี้ยังชี้ด้วยว่า ปัจจุบัน รัฐบาล องค์กรระหว่างประเทศ และบริษัทเทคโนโลยีทั้งหลายเริ่มนำเทคโนโลยีไบโอเมตริกมาใช้งานกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อช่วยในการระบุอัตลักษณ์ของบุคคล ซึ่งเปิดทางให้มีการใช้งานเพื่อติดตามตัวบุคคลได้อย่างไม่จำกัดได้ด้วย เพ็กกี ฮิคส์ กล่าวเสริมว่า ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติแนะนำให้มีการประกาศพักการใช้งานเทคโนโลยีจดจำใบหน้าไบโอเมตริกในพื้นที่สาธารณะด้วย เนื่องจากการใช้งานระบบนี้อาจเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อเสรีภาพของประชาชนได้   ——————————————————————————————————————————————————————– ที่มา : VOA Thai      / วันที่เผยแพร่  17 ก.ย.2564 Link :…

“กมธ.ดีอีเอส” ห่วงระบบไอที “สธ.” อ่อนแอ หวั่นประชาชนถูกละเมิดสิทธิ

Loading

  กมธ.ดีอีเอส สภาฯ ห่วงระบบไอที “สธ.” อ่อนแอ หวั่นประชาชนถูกละเมิดสิทธิ ด้าน “สธ.” ยอมรับจุดอ่อน ด้านการดูแลข้อมูล เผย ข้อมูลคนไข้โควิด-19 ยังไร้คนดูแล ห่วงเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่มีหน่วยงานรับช่วงต่อ เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 64 คณะกรรมาธิการการสื่อสารโทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน กมธ. ได้นัดประชุมเพื่อพิจารณา เรื่อง กรณีภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของโรงพยาบาลในระบบสาธารณสุข โดยเชิญตัวแทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง   โดย นายอนันต์ กนกศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข ชี้แจง โดยยอมรับว่าการกำกับและดูแลจะมีกฎหมายเพื่อกำกับดูแลโรงพยาบาลเอกชน อย่างไรก็ดี ยังมีความกังวล ต่อกรณีดิจิทัล เฮลท์ ที่ไม่มีกฎหมายกำกับ ดังนั้น แนวทางดูแลเบื้องต้น คือ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแล หรือให้กลุ่มเฮลท์แทคขึ้นทะเบียน ทั้งนี้…

ผู้นำองค์กรต้องเพิ่มกลยุทธ์ป้องกันการปลอมแปลงอัตลักษณ์บุคคล (Deep-Fake)

Loading

  เดือนมีนาคม 2562 ซีอีโอของบริษัทพลังงานแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษได้รับสายด่วนจากเจ้านายซึ่งเป็นผู้บริหารของบริษัทแม่ที่เยอรมนี โดยเจ้านายชาวเยอรมันสั่งให้ลูกน้องของเขาโอนเงินจำนวน 220,000 ยูโร (ประมาณ 8.5 ล้านบาท) ให้กับตัวแทนซัพพลายเออร์ในฮังการี ซึ่งต้องโอนเงินเป็นกรณีเร่งด่วนและต้องแล้วเสร็จภายใน 1 ชั่วโมง เนื่องจากซีอีโอชาวอังกฤษจำสำเนียงเยอรมันที่โดดเด่นของเจ้านายได้ดี เขาจึงรีบอนุมัติการโอนเงินในทันที ทว่าโชคร้ายที่ซีอีโอชาวอังกฤษไม่ได้คุยกับเจ้านายของเขา แต่กลับคุยกับปัญญาประดิษฐ์ที่เลียนเสียงและแอบอ้างตัวเป็นเจ้านายชาวเยอรมัน   องค์กรธุรกิจควรต้องตระหนกกับเหตุการณ์นี้หรือไม่? คำตอบคือทั้งใช่และไม่ใช่ ที่ธุรกิจต้องกังวลคือรูปแบบความซับซ้อนในการหลอกลวงที่ดูแนบเนียนและที่สำคัญเป็นการโจมตีที่ประสบความสำเร็จ แต่ที่ยังเบาใจได้คือมันยังต้องใช้ความพยายามและทรัพยากรอย่างมากในการจู่โจมรูปแบบนี้และเป้าหมายใหญ่อย่างบริษัทข้ามชาติ ซึ่งสิ่งนี้กำลังจะเปลี่ยนไป โดยเครื่องมือที่ใช้บิดเบือนข้อมูลสามารถขยายเป็นสองทางอย่างน่าทึ่ง อย่างแรก คือ มันทำให้ผู้ที่ไม่หวังดีใช้วิธีนี้จู่โจมได้ง่ายมากขึ้น แม้จะมีเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จน้อยแต่สิ่งที่ได้มาก็คุ้ม อย่างที่สองเมื่อเทคโนโลยี Deep-Fake หรือการปลอมแปลงอัตลักษณ์ของบุคคลด้วยปัญญาประดิษฐ์ที่ทรงพลังและใช้ง่ายตกอยู่ในมือคนจำนวนมากที่ทำให้ใครก็ได้สามารถโจมตีเป้าหมายที่ต้องการไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม   เทคโนโลยีเอไอ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิ่ง (Machine Learning) แทรกซึมอยู่ในธุรกิจและการสื่อสารสมัยใหม่ ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่จะมีการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ไปในทางที่ผิดกฎหมาย การล่อลวงแบบดีปเฟก (Deepfakes) สามารถเป็นได้ทั้งเสียง รูปภาพ และวิดีโอที่ดูเสมือนจริงแต่กลับเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สร้างขึ้นด้วยเอไอ เหล่านี้เป็นปรากฏการณ์ครั้งล่าสุดของการบิดเบือนข้อมูลในแบบที่ RAND Corporation หน่วยงานด้านนโยบายระดับโลกของอเมริกา ได้อธิบายไว้ว่าเป็น “วัฒนธรรมการเสื่อมสลายของความจริง” (หรือ Truth Decay) เป็นพลวัตที่มีการถกเถียงอย่างมากถึงขอบเขตในด้านการเมืองและทฤษฎีสมคบคิด…

สหรัฐฯ UK ออสเตรเลีย ประกาศสนธิสัญญาความมั่นคง ‘Aukus’ คานอำนาจจีน

Loading

  รบ.สหรัฐฯ UK และออสเตรเลีย ประกาศสนธิสัญญาความมั่นคงครั้งประวัติศาสตร์ Aukus หวังคานอำนาจจีน โดยสหรัฐฯ และ UK จะช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีการสร้างเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ให้กับออสเตรเลียเป็นลำแรก เมื่อ 16 ก.ย. 64 บีบีซีรายงาน รัฐบาลสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร (UK) จับมือออสเตรเลีย ผนึกกำลังสร้างความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ประกาศสนธิสัญญาความมั่นคงครั้งประวัติศาสตร์ ภายใต้ชื่อ ‘Aukus’ เพื่อคานอำนาจจีน ภายใต้สนธิสัญญานี้ สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรจะครอบคลุมทั้งในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีต่างๆ ด้านการทหาร การป้องกันทางไซเบอร์ และการคำนวณควอนตัม โดยเฉพาะสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร จะช่วยเหลือออสเตรเลียในเรื่องเทคโนโลยีในการสร้างเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์เป็นลำแรกของประเทศออสเตรเลีย เพื่อสร้างกองเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ ที่จะประกอบด้วยเรือดำน้ำอย่างน้อย 8 ลำ สำหรับการประกาศจับมือในสนธิสัญญาประวัติศาสตร์ ‘Aukus’ ของ 3 ประเทศผ่านการประชุมทางไกล เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งสหราชอาณาจักร และนายสกอตต์ มอร์ริสัน…

อัยการเฮติห้ามนายกฯออกนอกประเทศ มั่นใจพัวพันคดีลอบสังหารประธานาธิบดี

Loading

  อัยการห้ามนายกฯเดินทางออกนอกประเทศ จนกว่าจะตอบข้อซักถามของคณะอัยการแล้วเสร็จ เชื่อพัวพันคดีลอบสังหารประธานาธิบดีเฮติ หัวหน้าคณะอัยการของเฮติเปิดเผยว่า มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า นายอาเรียล อองรี รักษาการนายกรัฐมนตรีเฮติมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารนายโฌเวแนล โมอิส ประธานาธิบดีเฮติ พร้อมกับมีคำสั่งห้ามไม่ให้นายอองรีเดินทางออกนอกประเทศจนกว่าเขาจะสามารถตอบข้อซักถามของคณะอัยการแล้วเสร็จ คณะอัยการได้ขอหมายเรียกจากตำรวจเพื่อเชิญนายอองรีเข้าให้ปากคำกรณีที่เขาได้ติดต่อกับผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งที่มีส่วนพัวพันกับการลอบสังหารประธานาธิบดี โดยบันทึกการโทรศัพท์แสดงให้เห็นว่า นายอองรีได้พูดคุยกับผู้ต้องสงสัยชื่อนายโจเซฟ บาดิโอ อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเฮติในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ปธน.โมอิสถูกลอบสังหารที่บ้านพักในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา รายงานระบุว่า ขณะนี้นายอองรีได้กลายเป็นผู้ถูกสงสัยมากที่สุดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารปธน.โมอิส ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยมากกว่า 40 คน แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานมากพอที่จะโยงไปถึงตัวผู้ที่ออกคำสั่งและจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้ที่ลงมือสังหาร รวมทั้งแรงจูงใจในการสั่งการให้สังหาร ด้านสำนักนายกรัฐมนตรีเฮติได้ปฏิเสธคำสั่งที่อัยการห้ามไม่ให้นายกรัฐมนตรีอองรีเดินทางออกนอกประเทศ โดยกล่าวว่า เป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมายและเป็นการคุกคามทางการเมือง ขณะที่สื่อมวลชนได้พยายามโทรศัพท์ถึงนายอองรีเพื่อขอสัมภาษณ์ความคิดเห็น แต่จนถึงขณะนี้นายฮองรียังไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ทั้งนี้ กฎหมายของเฮติกำหนดว่า ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายดำเนินคดีกับข้าราชการระดับอาวุโสโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้นำประเทศ ซึ่งผู้นำของเฮติในขณะนี้ก็คือนายอองรี เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายพร้อมด้วยอาวุธได้บุกเข้าไปลอบสังหารปธน.โมอิสในบ้านพัก ซึ่งส่งผลให้ทั้งปธน.โมอิส และนางมาร์ติน โมอิสผู้เป็นภรรยา เสียชีวิต โดยเหตุลอบสังหารปธน.เฮติเกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง และภาวะไร้เสถียรภาพในเฮติ รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของการก่อเหตุรุนแรงของขบวนการอาชญากรรม   ———————————————————————————————————————————————– ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ        / วันที่เผยแพร่   15…

MEA ลงพื้นที่ตรวจสอบความมั่นคงระบบไฟฟ้าอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ เตรียมพร้อมสถานการณ์อุทกภัย 2564

Loading

  MEA ลงพื้นที่ตรวจสอบความมั่นคงระบบไฟฟ้าอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ เตรียมพร้อมสถานการณ์อุทกภัย 2564 วันนี้ (15 กันยายน 2564) นายวิลาศ เฉลยสัตย์ รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบความพร้อมระบบไฟฟ้าอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ ทั้งนี้ MEA ได้บำรุงรักษาและติดตั้งอุปกรณ์เสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าสถานีสูบน้ำ อีกทั้งมีการเตรียมความพร้อมและซักซ้อมแผนเพื่อบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมให้การสนับสนุนร่วมกันแก้ไขปัญหาในทุกภาคส่วน ตามที่ประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) สอดรับกับนโยบายมหาดไทย ณ สถานีสูบน้ำเกียกกาย อุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ และสถานีสูบน้ำสามเสน กรุงเทพมหานคร รองผู้ว่าการ กล่าวว่า MEA ในฐานะหน่วยงานด้านระบบจำหน่ายไฟฟ้า รัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงมหาดไทยตระหนักถึงความสำคัญกับคุณภาพการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพรวมถึงการรองรับเหตุฉุกเฉินและขัดข้องต่างๆ ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ สำหรับระบบจ่ายไฟฟ้าของสถานีสูบน้ำนั้น MEA มีการเชื่อมโยงระบบด้านการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าของ MEA ได้ใช้เทคโนโลยีควบคุมระบบไฟฟ้า SCADA และระบบ DMS เพื่อสั่งการจ่ายไฟ อัตโนมัติ จะช่วยในการบริหารจัดการ ตรวจสอบ วิเคราะห์ข้อมูลและการทำงานของระบบควบคุมแรงดัน เพื่อให้การจ่ายกระแสไฟฟ้ามีประสิทธิภาพและปลอดภัย อีกทั้ง มีการเตรียมความพร้อมโดยจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูแลระบบไฟฟ้าประจำ…