ระทึก!!ไฟไหม้ชั้น 50 ตึกทรัมป์ทาวเวอร์ในนิวยอร์ก ที่ผู้นำสหรัฐฯอาศัย ดับ 1 ดับเพลิงเจ็บ 6 สุดอึ้ง ชั้นบนไม่มีระบบสปริงเกอร์ดับไฟ

Loading

เอเจนซีส์ – เกิดเหตุเพลิงไหม้อพาทเมนต์ชั้น 50 ตึกทรัมป์ทาวเวอร์ นิวยอร์ก วันเสาร์(7 เม.ย)เมื่อเวลา 17.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น มีผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นผู้ที่อาศัยอยู่บนอพาทเมนต์วัย 67 ปี และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงบาดเจ็บอีก 6 นาย ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงร่วม 200 นายเข้าสู่พระเพลิง สุดอึ้งชั้นบนของตัวตึกไม่มีระบบสปริงเกอร์ดับเพลิง ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้อยู่ที่สำนักงานและเพนต์เฮาส์ ชั้นบนของอาคารขณะเกิดเหตุ แต่ส่งเสียงชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ผ่านทวีตเตอร์  CNN สื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้(7 เม.ย)ว่า อ้างอิงจากสำนักงานดับเพลิงนิวยอร์ก พบมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงบาดเจ็บอีก 6 นาย แต่อยู่ในขั้นเล็กน้อย แต่ทว่าในรายงานสื่ออื่นๆ เป็นต้นว่า หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส และรอยเตอร์รายชี้ว่า มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงบาดเจ็บเล็กน้อย 4 นาย  แองเจลิกา คอนรอย (Angelica Conroy) โฆษกหญิงสำนักงานดับเพลิงนิวยอร์กให้ข้อมูลกับ CNN ว่า ผู้ตายเป็นผู้ที่พักในอพาทเมนต์ชั้น…

‘สนามบินหัวหิน’ จะฟื้นหรือไม่? ‘แอร์เอเชีย’ บินตรงจากกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย

Loading

โดย: กิตตินันท์ นาคทอง เมื่อไม่นานมานี้ สายการบินแอร์เอเชียมาเลเซีย ประกาศว่าจะเปิดเส้นทางใหม่ ‘กัวลาลัมเปอร์ – หัวหิน’ ไป-กลับ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป ทุกวันอาทิตย์ จันทร์ พุธ และศุกร์ รวม 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แต่กว่าจะผ่านจุดนี้ไปได้ ก็ต่อรองกันเยอะพอสมควร เหมือนไปซื้อของที่จีนแล้วต้องต่อราคาให้มากกว่าครึ่งหนึ่ง ย้อนกลับไปเมื่อ 18 กรกฎาคม 2560 สายการบินแอร์เอเชียมาเลเซีย แจ้งความประสงค์ขอเปิดเส้นทางบิน กัวลาลัมเปอร์ – หัวหิน ในตอนนั้น แอร์เอเชียก็ขอโน่นขอนี่ไปพอสมควร ทั้งขอเพิ่มเคาน์เตอร์ ขออินเตอร์เน็ตความเร็วสูง และยังกล่าวอีกว่า อีก 2 ปีข้างหน้า มีแผนจะเปิดทำการบินภายในประเทศ และระหว่างประเทศมาที่หัวหินเพิ่มเติม เช่น เชียงใหม่ มาเก๊า สิงคโปร์ ปีนัง จาการ์ตา ฯลฯ ต่อมา 13 กันยายน 2560 ที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน…

เอสโตเนียตรวจสุขภาพถึงระดับดีเอ็นเอให้ประชาชนฟรีแห่งแรกของโลก

Loading

รัฐบาลเอสโตเนียเริ่มดำเนินโครงการดูแลสุขภาพพลเมือง โดยให้บริการตรวจวิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุกรรมฟรีแล้วในเดือนนี้ ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะทำให้ประชาชนทุกคนได้รับการตรวจดีเอ็นเอโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และจะได้รับคำแนะนำในการดูแลรักษาสุขภาพจากผลวิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุกรรมของตนเองอย่างละเอียดด้วย โครงการนำร่องในระยะแรกจะให้บริการตรวจดีเอ็นเอฟรีกับประชาชน 1 แสนคน หรือราว 1 ใน 10 ของประชากรทั้งประเทศที่มีอยู่ 1.3 ล้านคน โดยถือเป็นชาติแรกของโลกที่ให้บริการสาธารณสุขในลักษณะนี้กับพลเมืองอย่างถ้วนหน้า ข้อมูลทางพันธุกรรมของชาวเอสโตเนียแต่ละคน จะถูกนำไปวิเคราะห์เปรียบเทียบกับฐานข้อมูลยีนกลายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคหลายแสนตัว เพื่อให้ทราบว่าแต่ละคนมีความเสี่ยงทางสุขภาพในด้านใดบ้าง จากนั้นข้อมูลนี้จะถูกบันทึกไว้ในแฟ้มรายงานข้อมูลพันธุกรรมส่วนบุคคล ซึ่งจะเชื่อมโยงกับระบบสารสนเทศสุขภาพแห่งชาติเอสโตเนีย (ENHIS) ในอนาคต ชาวเอสโตเนียที่ผ่านการตรวจวิเคราะห์ดีเอ็นเอแล้ว สามารถนำข้อมูลที่ได้เข้าปรึกษากับแพทย์ประจำครอบครัว เพื่อขอคำแนะนำเรื่องสุขภาพและวิถีการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคที่ตนมีความเสี่ยงสูงตามที่ข้อมูลพันธุกรรมได้บ่งชี้เอาไว้ เช่นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคอัลไซเมอร์ ในขณะเดียวกัน แพทย์ผู้ทำการรักษาบุคคลดังกล่าวในอนาคต ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลพันธุกรรมนี้ได้โดยสะดวกจากระบบสารสนเทศกลาง ซึ่งจะช่วยในการวินิจฉัยและรักษาโรคได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก นับแต่ปี 2000 เป็นต้นมา เอสโตเนียได้เริ่มเก็บข้อมูลพันธุกรรมของประชาชนเข้าใน “ธนาคารชีวภาพ” (Biobank) ไปแล้ว 50,000 ราย ทางการหวังว่าโครงการนำร่องตรวจวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมของพลเมืองในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มทรัพยากรข้อมูลพันธุกรรมในธนาคารชีวภาพขึ้นอีกอย่างน้อย 3 เท่า และสามารถเก็บข้อมูลพันธุกรรมของประชากรทั้งประเทศได้ในอีกหลายปีข้างหน้า ก่อนหน้านี้เอสโตเนียเป็นประเทศขนาดเล็กในแถบยุโรปเหนือที่ขึ้นชื่อเรื่องความก้าวล้ำนำสมัยของนโยบายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และมุ่งพัฒนาตนเองให้เป็นสังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โครงการล่าสุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการยกเครื่องระบบสาธารณสุขให้มีความทันสมัย และสามารถให้การดูแลรักษาสุขภาพที่เหมาะสมที่สุดกับแต่ละบุคคลได้ มีหลายประเทศที่รัฐให้บริการตรวจดีเอ็นเอฟรีแก่ประชาชนเช่นกัน โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบประกันสุขภาพหรือโครงการธนาคารชีวภาพ เช่นในสหราชอาณาจักร ไอซ์แลนด์…