สิงคโปร์ชวนแฮกเกอร์เจาะระบบ

Loading

กลาโหมสิงค์โปร์เชิญแฮกเกอร์ 300 รายเจาะระบบรัฐบาล ทดสอบช่องโหว่ความมั่นคง สเตรทไทมส์รายงานว่า – กระทรวงกลาโหมของสิงคโปร์ จะเชิญชวนแฮกเกอร์จากทั่วโลกรวมทั้งในประเทศราว 300 คน เข้าร่วมกันเจาะระบบอินเตอร์เน็ตของรัฐบาลจำนวน 8 เว็บไซต์ ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม ถึง 4 กุมภาพันธ์ปีหน้าเพื่อทดสอบระบบเว็บไซต์ของรัฐบาลว่ามีช่องโหว่จนสามารถเข้ามาล้วงข้อมูลของรัฐบาลได้หรือไม่โดยหากสามารถแฮกได้สำเร็จกระทรวงจะมอบเงินราว 150 – 20,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ขึ้นอยู่กับความสามารถและความยากง่ายในการเจาะระบบ โครงการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมพบว่า แฮกเกอร์ได้เจาะข้อมูลขโมยหมายเลขโทรศัพท์และวันเกิดของบุคลากรในรัฐบาลจำนวน 854 ราย โดยนับเป็นโครงการแรกที่รัฐบาลสิงคโปร์ระดมสมองแฮกเกอร์เพื่อป้องกันรูรั่วของระบบอินเตอร์เน็ตรัฐบาล ที่มา :โพสต์ทูเดย์ ลิงค์ : https://m.posttoday.com/world/news/530314?refer=http%3A%2F%2Fm.facebook.com

‘ส่งพลาด… ลบได้’ Line เพิ่มฟีเจอร์ Unsend ลบข้อความที่ส่งพลาดภายใน 24 ชม.

Loading

ใครที่ ‘มือลั่น’ เผลอส่งข้อความใน Line แบบไม่ตั้งใจ พิมพ์ผิดกรุ๊ป ทักผิดคน หรือแม้แต่กดส่งไปแล้วแต่อยากแก้ไข ต่อไปนี้จะสามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่ ‘Unsend’ เพื่อลบข้อความที่ส่งไปแล้วได้ภายใน 24 ชั่วโมง โดยฟีเจอร์ใหม่ของ Line ที่เปิดตัวในวันนี้ (13 ธ.ค.) คิดค้นมาเพื่อเพิ่มทางเลือกสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการจะลบข้อความที่ไม่พึงปรารถนา หากต้องการลบข้อความที่ส่งไปแล้ว สามารถกดที่ข้อความค้างไว้แล้วเลือก ‘Unsend’ จากเมนูที่ปรากฏขึ้น จากนั้นข้อความที่เลือกจะถูกนำออกจากแชตของทั้งผู้ส่งและผู้รับ แต่จะมีการแจ้งเตือนในแชตว่ามีข้อความถูกลบออกไป โดยสามารถใช้กับ Line เวอร์ชันล่าสุดเท่านั้น สำหรับข้อความที่จะสามารถลบได้ภายใน 24 ชั่วโมงยังรวมถึงข้อความเสียง สติกเกอร์ รูปภาพ วิดีโอ ลิงก์เว็บไซต์ รายชื่อผู้ติดต่อ สถานที่ ไฟล์ และประวัติการโทร ใช้ได้ทั้งในโทรศัพท์มือถือและเดสก์ท็อป สามารถใช้ในการแชตแบบ 1 ต่อ 1 รวมถึงแชตกลุ่มได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ไม่สามารถลบการแจ้งเตือนของระบบปฏิบัติการต่างๆ ในสมาร์ทโฟนได้ ————————————————————– ที่มา : THE STANDARD / 13 ธันวาคม…

เกิดเหตุระเบิดใกล้ย่านไทม์สแควร์ในนิวยอร์ก! เชื่อก่อการร้าย

Loading

Police and firefighters work in front of Port Authority Bus Terminal as police respond to a report of an explosion near Times Square on Monday, Dec. 11, 2017, in New York. (AP Photo/Andres Kudacki) NEW YORK – เกิดเหตุระเบิดบริเวณสถานีรถโดยสารแห่งหนึ่งใกล้ย่านไทม์สแควร์ ในนครแมนฮัตตัน นิวยอร์ก ในช่วงเช้าวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อว่าเป็นความพยายามก่อการร้าย ชายผู้หนึ่งได้จุดระเบิดแบบท่อ หรือ pipe bomb ซึ่งติดอยู่กับตัวของเขา บริเวณทางเดินใต้ดิน ซึ่งเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟใต้ดินกับสถานีรถโดยสารในย่านไทม์สแควร์ ส่งผลให้มือระเบิดได้รับบาดเจ็บ ขณะที่มีประชาชนบาดเจ็บเล็กน้อยอีกสามคน รายงานระบุว่า ผู้ก่อเหตุมีชื่อว่า อาคายัด อัลลาห์ วัย 27…

เคล็ดลับความสำเร็จของ Phishing Attack และวิธีการป้องกันตัว

Loading

จะเห็นได้ว่าข่าวภัยคุกคามในปัจจุบันจำนวนมากได้เริ่มต้นจากการหลอกล่อผู้ใช้งานก่อนเป็นอันดับแรก วันนี้เราจึงขอสรุปวิธีการของ Phishing Attack ซึ่งเป็นการโจมตีที่ไม่มีเครื่องมือใดป้องกันได้ 100% นอกจากนี้ยังมีวิธีการป้องกันตัวให้ผู้อ่านได้เข้าใจและสามารถแนะนำคนรอบข้างได้ ผู้ร้ายได้ข้อมูลจากเหยื่อมาด้วยความเต็มใจ เทคนิคที่ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมมากในการหลอกลวงคือการใช้ Spear Phishing โดยแฮ็กเกอร์มีข้อมูลของเหยื่อและทำการหลอกล่อบางอย่างเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อยอมให้ข้อมูลสำคัญเพิ่มเติม มีผลวิจัยพบว่าในรอบ 12 ปีที่ผ่านมาเทคนิคนี้ถูกใช้เพิ่มขึ้นถึง 5,753% นอกจากนี้เทคนิคอื่นๆ ที่สามารถได้รับข้อมูลของเหยื่อเช่น Pretexting หรือการสร้างสถานการณ์เพื่อให้เหยื่อหลงเช่น ปลอมตัวเป็นคนมาทำผลสำรวจ เจ้าหน้าที่จากสรรพากรหรืออื่นๆ วิธีการ Dumpster Diving หรือการหาข้อมูลเอกสารจากถังขยะของเหยื่อก็สามารถใช้ได้เช่นกัน ผู้ร้ายเก็บข้อมูลลูกจ้างในองค์กรได้อย่างไร ก่อนที่จะเจาะจงเหยื่อภายในองค์กรได้สักคนต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับเหยื่อก่อน ดังนั้นวิธีการหาข้อมูลว่าใครทำงานในองค์กรดังกล่าวมีหลายวิธีดังนี้ Social Media เช่น Facebook หรือ LinkedIn และอื่นๆ โดยข้อมูลพื้นฐานที่จะได้คือ ที่ทำงานในอดีต การศึกษา ข้อมูลครอบครัว การคอมเม้นและลิ้งที่เข้าไป วันที่และเหตุการณ์สำคัญในชีวิต สิ่งที่ชอบ สถานที่ๆ เคยไป รูปภาพ และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอื่นที่ผู้ร้ายสามารถวิเคราะห์ได้เช่น การโพสต์ว่าเหยื่อน่าจะนอนหรืออยู่ในเวลาไหน สถานการณ์ของความสัมพันธ์ แนวความคิด หรือเป็นคนอย่างไรเพื่อหาเทคนิคหลอกล่อต่อไป Search Engine มีฐานข้อมูลในการค้นหาคนอย่างเช่น Pipl, Spoken และ ZabaSearch โดยไซต์เหล่านี้ได้รวบรวมโปรไฟล์ของคนจากหลายๆ แหล่งเอาไว้…

จัดระเบียบเข้ม! สายการบินอเมริกันลงดาบ ‘กระเป๋าเดินทางอัจฉริยะ’

Loading

  กระเป๋าเดินทางอัจฉริยะอาจขึ้นเครื่องบินไม่ได้ ถ้าไม่สามารถถอดแบตเตอรี่ออก ในภาพเป็นกระเป๋าเดินทางอัจฉริยะแบรนด์ Bluesmart ที่มีแหล่งพลังงานสำรองให้เจ้าของชาร์จอุปกรณ์ได้ ไม่แน่ ปีหน้าโลกอาจได้เห็นการปูพรมประกาศห้ามใช้ ‘กระเป๋าเดินทางอัจฉริยะ’ หรือ smart bag ที่สามารถเคลื่อนตัวเองตามเจ้าของกระเป๋าได้ ล่าสุดสายการบินอเมริกันเดินหน้าประกาศกฏควบคุมการใช้ เนื่องจากกระเป๋าเหล่านี้มีแบตเตอรี่ในตัว อาจเป็นอันตรายหากนำขึ้นเครื่องบิน กระเป๋าเดินทางอัจฉริยะหรือที่บางสื่อเรียกว่า smart luggage นั้นกลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในหลายเดือนที่ผ่านมา คาดว่าจะเป็นของขวัญที่ได้รับความนิยมในช่วงเทศกาลจับจ่ายปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม สายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ (American Airlines) หรือ AAL มองว่าการที่ smart bag เหล่านี้มักมีแหล่งพลังงานสำรองให้เจ้าของชาร์จอุปกรณ์ได้ อาจเป็นความเสี่ยงให้เกิดเหตุร้ายหากมีการนำกระเป๋าขึ้นเครื่อง นอกจากจะมีพอร์ต USB ติดพาวเวอร์แบงก์ที่บรรจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนไว้ภายใน กระเป๋าอัจฉริยะหลายรุ่นยังมีระบบ GPS เพื่อติดตามตำแหน่งกระเป๋าสำหรับป้องกันกระเป๋าสูญหาย ที่น่าสนใจคือระบบล็อกไฟฟ้า รวมถึงระบบแสดงน้ำหนักอัตโนมัติเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ถูกปรับเงินเพราะน้ำหนักสัมภาระเกิน กระเป๋าอัจฉริยะบางรุ่นยังมีเครื่องยนต์ขับเคลื่อน ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้นั่งบนกระเป๋าสไตล์สกูตเตอร์ ขณะที่บางรุ่นมีเฉพาะระบบขับเคลื่อนตัวเอง เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ต้องเหนื่อยกับการลากกระเป๋าทั่วสนามบิน ความอัจฉริยะเหล่านี้ไม่ใช่พิษภัย แต่เพราะแบตเตอรี่ภายในทำให้บริษัทสายการบินกังวลว่าแบตเตอรี่อาจเสี่ยงระเบิดขณะถูกเก็บใต้ท้องเครื่องบิน ทำให้สายการบินเริ่มหาทางบังคับผู้ใช้ให้ต้องถอดแบตเตอรี่ออกจากกระเป๋าแล้วพกพาขึ้นเครื่องบินด้วยตัวเอง แม้ว่ากระเป๋าอัจฉริยะส่วนใหญ่ จะไม่สามารถถอดแบตเตอรี่ออก AAL ถือเป็นสายการบินแรกที่ประกาศขอตรวจสอบกระเป๋าอัจฉริยะของผู้โดยสาร ซึ่งผู้โดยสารจะต้องนำแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนออกจากกระเป๋า และจะถูกห้ามใช้งานตลอดการเดินทาง ล่าสุด สายการบินเดลต้าแอร์ไลน์…

สหรัฐฯ ผลักดันระบบคนเข้าเมืองเเบบเน้น ‘คุณสมบัติ’ เเทนระบบครอบครัว

Loading

ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีนโยบายที่บรรดานักวิจารณ์เรียกว่า “การย้ายถิ่นระบบห่วงโซ่” หรือ chain immigration เเต่คนที่เห็นด้วยเรียกว่า “การย้ายถิ่นระบบครอบครัว” หรือ family-based immigration ระบบคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับระบบสนับสนุนหรือ sponsorship ที่ผู้ถือสัญชาติอเมริกันเเละผู้มีสิทธิ์อาศัยอยู่ถาวรอย่างถูกกฏหมาย หรือผู้ถือใบเขียว สามารถสนับสนุนให้ญาติของตนจากประเทศบ้านเกิด ย้ายเข้ามาอาศัยในสหรัฐฯ ได้ คู่สมรสเเละบุตรที่ยังอายุไม่ครบวัยเบญจเพศตามกฏหมาย มีสิทธิ์ในการสมัครในฐานะสมาชิกครอบครัวที่ใกล้ชิด เเละไม่จำเป็นต้องรอให้ได้หมายเลขวีซ่าเสียก่อน และสำหรับสมาชิกครอบครัวในกลุ่มนี้ ไม่มีการจำกัดจำนวนโควต้าว่าได้กี่คน โดยผู้ถือสัญชาติเพียงเเค่ยื่นใบสมัครเพื่อร้องขอเท่านั้น เเต่สำหรับสมาชิกครอบครัวในฐานะพี่ชายหรือน้องชาย พี่สาวหรือน้องสาว เเละบุตรที่โตเป็นผู้ใหญ่เเล้ว ขั้นตอนการพิจารณาอาจจะนานกว่าเเละยากมากขึ้น Naomi Tsu รองประธานด้านกฏหมายแห่ง Southern Poverty Law Center กล่าวว่า การขอวีซ่าย้ายมาอยู่สหรัฐฯ ให้กับพี่น้อง เป็นเรื่องยากมาก เพราะถือว่าเป็นสมาชิกครอบครัวอันดับท้ายๆ เเละจะยากขึ้นไปอีกหากเป็นประชาชนจากประเทศที่มีคนย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยูในสหรัฐฯ เป็นจำนวนมากเเล้ว Stephen Lee อาจารย์ด้านกฏหมายคนเข้าเมืองเเละการจัดการ ที่มหาวิทยาลัยเเคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเออร์ไวน์ กล่าวกับรายการวิทยุเอ็นพีอาร์ว่า มีหลายกรณีที่ญาติอาจถูกตัดสิทธิ์ เขายกตัวอย่างว่า หากผู้สมัครเป็นผู้ก่อการร้าย เเม้ว่าจะเป็นคู่สมรสของผู้ถือสัญชาติ ก็ไม่มีสิทธิ์ย้ายเข้ามาอยู่ในสหรัฐฯ…