Edge 88 สามารถช่วยสร้างรหัสผ่านและตรวจการรั่วไหลของรหัสผ่านได้

Loading

Microsoft ได้เพิ่ม 2 ฟีเจอร์ใหม่เกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยของรหัสผ่านใน Edge 88     Password Generator – หากผู้ใช้คลิกช่องรหัสผ่าน Edge จะแนะนำรหัสผ่านที่สร้างขึ้นมาให้ได้ นอกจากนี้ยังเก็บรหัสผ่านอย่างอัตโนมัติไว้ให้ และสามารถซิงค์โครไนซ์ข้ามกับอุปกรณ์อื่นได้ Password Monitor – สามารถแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อเกิดเหตุพบ Password Breach ในเหตุการณ์ Breach ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ที่ผู้ใช้มีบัญชี อย่างไรก็ดีฟีเจอร์นี้มีอยู่ใน Chrome และ Firefox มาสักพักใหญ่แล้ว ซึ่ง Edge จาก Microsoft ที่ไส้ในคือ Chromium เช่นกัน ข้อมูลจาก : https://www.bleepingcomputer.com/news/security/microsoft-edge-gets-a-password-generator-leaked-credentials-monitor/   ———————————————————————————————————— ที่มา : techtalkthai   / วันเผยแพร่ : 22 ม.ค.64 Link : https://www.techtalkthai.com/microsoft-edge-88-password-gen-and-brech-detect-function/

2020 ปีแห่งการทำข้อมูลหลุด

Loading

  ปี 2020 ถือเป็น “ปีแห่งการทำข้อมูลหลุด” บริษัทยักษ์ใหญ่ในไทยอย่าง AIS, true, Eatigo, Wongnai, Lazada หรือในต่างประเทศอย่าง Microsoft, Zoom, Capcom, Razer, Nintendo ฯลฯ ต่างก็ตกเป็นข่าวเรื่องการทำข้อมูลหลุด เดือนมกราคม Microsoft ทำข้อมูลการซัพพอร์ตลูกค้า (Customer Service and Support – CSS) ระหว่างปี 2005-2019 จำนวนกว่า 250 ล้านรายการ หลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ เดือนมีนาคม บริษัทเดินเรือระดับโลก Princess Cruises และ Holland America ออกมาประกาศยอมรับว่ามีข้อมูลส่วนตัวของ พนักงาน ผู้เข้าพัก ลูกเรือ รั่วไหลจากการโดนแฮก เดือนเมษายน ผู้ให้บริการประชุมออนไลน์ อย่าง Zoom โดนโจรมือดี แฮกบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่านกว่า 5 แสนชื่อ มาวางขายในขายในตลาดมืด…

เจาะแอปพลิเคชันโควิดสิงคโปร์ ติดตามตัวโดยบลูทูธ ย้ำไม่ละเมิดข้อมูลส่วนตัว

Loading

  แอปพลิเคชันรายงานสถานการณ์โควิด-19 และติดตามผู้ป่วย ‘เทรซ ทูเกตเตอร์’ มีชาวสิงคโปร์ใช้มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ กลายเป็นแอปฯสู้โควิด-19 ที่ถูกยกให้เป็นแอปฯ ที่ประสบความสำเร็จที่สุด นอกจากนี้ยังมี โทเคน หรืออุปกรณ์พกพาเป็นทางเลือกสำหรับผู้สูงอายุและเด็กที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ส่วนประชาชนที่ไม่อยากดาวน์โหลดแอปฯให้หนักเครื่องก็สามารถใช้ โทเคน ได้เช่นกัน ส่วนแอปฯของญี่ปุ่น และฮ่องกง กลับสวนทางประชาชนไม่เลือกใช้เพราะความซับซ้อนของวิธีใช้งาน และกังวลการละเมิดข้อมูลส่วนตัว นักวิเคราะห์ชี้ ความเชื่อมั่นในรัฐบาลของประเทศนั้นๆ ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดว่าประชาชนนั้นจะใช้แอปพลิเคชันได้อย่างสนิทใจหรือไม่   สัปดาห์ที่ผ่านมาสิงคโปร์ประกาศว่า แอปพลิเคชัน ‘เทรซ ทูเกตเตอร์’ (TraceTogether) ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ติดตามตัวประชาชนต่อสู้กับโรคโควิด-19 มีผู้สมัครใช้กว่า 5.7 ล้านคน หลังจากการรณรงค์ของรัฐบาลสิงคโปร์ ที่ระบุชัดว่าถึงแม้จะไม่มีการประกาศบังคับใช้ประชาชนโหลดแอปพลิเคชันดังกล่าว แต่ผู้ที่ไม่มีแอปฯอาจถูกปฏิเสธให้เข้าสถานที่ต่างๆ รวมไปถึงร้านอาหาร ส่งผลให้มีประชาชนสมัครใช้งานเพิ่มเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีหลายฝ่ายกังวลเกี่ยวกับการละเมิดข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ทำให้มีการแก้ไขปรับปรุงจุดด้อย ซึ่งแอปพลิเคชัน ดังกล่าวยังเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะนำพาสิงคโปร์เข้าสู่การผ่อนคลายมาตรการป้องกนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเฟส 3 ก่อนปีใหม่นี้ รู้จัก เซฟเอ็นทรี และเทรซ ทูเกตเตอร์ รัฐบาลสิงคโปร์ได้ใช้การเช็กอิน ผ่านระบบดิจิทัลหรือเรียกว่า ‘เซฟเอ็นทรี’ ซึ่งคล้ายคลึงกับ…

กรณีศึกษา Shopify ทำข้อมูลลูกค้ารั่วไหลเพราะคนในแอบขโมยข้อมูล (insider threat)

Loading

Shopify เป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ รองรับทั้งการแสดงผลร้านค้าและการชำระเงิน เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2563 บริษัท Shopify ได้ประกาศแจ้งสถานการณ์ข้อมูลรั่วไหล โดยสาเหตุเกิดจากพนักงานฝ่ายสนับสนุนจำนวน 2 คนเข้าถึงข้อมูลบันทึกการชำระเงินของลูกค้ากว่า 200 รายโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากที่ตรวจพบเหตุการณ์ดังกล่าวทางบริษัทได้ตัดสิทธิ์พนักงานทั้ง 2 คนออกจากระบบและสั่งดำเนินการสอบสวนทางกฎหมายทันที ทั้งนี้ ทาง Shopify แจ้งว่าอยู่ระหว่างการรวบรวมรายชื่อลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ แต่ก็ยืนยันว่าข้อมูลที่พนักงานสามารถเข้าถึงได้นั้นมีเฉพาะข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อ อีเมล ที่อยู่ และประวัติการซื้อขายสินค้า แต่ไม่มีข้อมูลทางการเงินหลุดออกไปแต่อย่างใด กรณีศึกษานี้เป็นตัวอย่างเหตุการณ์ภัยคุกคามจากคนใน (insider threat) ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกองค์กร เป้าหมายมีได้ตั้งแต่การฉ้อฉล ขโมยทรัพย์สินทางปัญญา ไปจนถึงสร้างความเสียหาย สาเหตุของการเกิดนั้นมีได้ทั้งจากตัวพนักงานและจากปัญหาภายในองค์กร ทั้งนี้ ภัยคุกคามจากคนในนั้นไม่ได้หมายถึงแค่คนในเป็นคนก่อเหตุ แต่ยังหมายรวมถึงเหตุการณ์ที่คนในกระทำผิดโดยไม่เจตนา หรือถูกข่มขู่บังคับเพื่อให้กระทำการทุจริตได้ด้วย ทาง Software Engineering Institute ของ Carnegie Mellon University ได้ให้ข้อแนะนำในการป้องกันภัยคุกคามจากคนในไว้ดังนี้ จัดทำทะเบียนสินทรัพย์ และกำหนดมาตรการป้องกันตามระดับความสำคัญของสินทรัพย์นั้น ๆ จัดให้มีมาตรการและทีมงานเพื่อตรวจสอบ ป้องกัน…

ข้อมูลส่วนตัวของประชาชนในสหรัฐฯ กว่า 80 ล้านรายรั่วไหล

Loading

เป็นข่าวพาดหัวไม่เว้นแต่ละวันสำหรับเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหล โดยครั้งนี้มีทีมนักวิจัยได้ค้นพบฐานข้อมูลบนคลาวด์ที่ไม่มีระบบป้องกัน ซึ่งภายในบรรจุข้อมูลทั้งข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินของประชาชนในสหรัฐฯ มากกว่า 80 ล้านครัวเรือน เทียบกับที่เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันนี้อีก 2 ครั้งก่อนหน้า ที่กระทบกับประชากรกว่า 200 ล้าน และ 82 ล้านรายของอเมริกาเช่นกัน แต่เหตุการณ์ล่าสุดนี้ นักวิจัยจาก vpMentor พบฐานข้อมูลขนาด 24 GB โฮสต์บนเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ของไมโครซอฟท์ ข้อมูลดังกล่าวประกอบด้วยจำนวนคนที่อาศัยในบ้านแต่ละหลัง พร้อมชื่อนามสกุลเต็ม, สถานการณ์แต่งงาน, รายได้, อายุ, ที่อยู่, รัฐ, ประเทศ, เมือง, รหัสไปรษณีย์, เพศ, วันเดือนปีเกิด ไปจนถึงตำแหน่งที่ตั้งที่ละเอียดระดับพิกัดละติจูด ลองติจูด vpnMentor ระบุผ่านบล็อกของตัวเองว่า ฐานข้อมูลดังกล่าวถูกค้นพบระหว่างการทำโปรเจ็กต์แผนที่เว็บขนาดใหญ่ของบริษัท แม้กรณีทำนองนี้โดยปกติแล้วนักวิจัยจะสามารถระบุหาต้นตอและเจ้าของฐานข้อมูลได้ง่าย แต่เคสนี้จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนเอามาเปิดเผยบนโลกออนไลน์แบบที่ไม่มีระบบยืนยันตัวตนใดๆ ป้องกันไว้ ——————————————— ที่มา : EnterpriseITPro / 8 พฤษภาคม 2562 Link : https://www.enterpriseitpro.net/sensitive-data-of-80-million-us-households-exposed-online/

Secure delete: ลบไฟล์อย่างไรให้ปลอดภัยจากการกู้คืน

Loading

  ยุคสมัยที่เทคโนโลยีก้าวเข้ามามีบทบาทต่อการใช้ชีวิตประจำวันบนโลกออนไลน์ ผู้คนส่วนมากใช้งานคอมพิวเตอร์เพื่อการสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล รวมถึงเพื่อการทำธุรกรรมออนไลน์ ข้อมูลสำคัญถูกสร้างและเก็บอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ รูปถ่าย หรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ที่อาจสร้างความเสียหายกับเจ้าของข้อมูลได้หากมีการรั่วไหลออกไป สาเหตุของการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านี้ ที่เป็นที่รู้กันดีอย่างหนึ่งก็คือ การนำเครื่องคอมพิวเตอร์ไปซ่อมที่ร้าน อย่างที่จะเห็นได้จากข้อมูลตามรูปที่ 1 เป็นผลการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด “ภาพหลุดจากร้านซ่อมคอม” โดย Google ซึ่งจะพบคลิปหรือรูปภาพที่อ้างว่าหลุดมาจากร้านที่รับซ่อมคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมากกว่า 100 รายการ ถึงแม้ว่าบางส่วนอาจเป็นการแอบอ้างเท่านั้น แต่ถ้าลองพิจารณาถึงเหตุผลก็คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ข้อมูลเหล่านี้สามารถถูกขโมยออกมาได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างไม่ยาก และเชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากที่ผู้ใช้งานไม่ได้สนใจที่จะลบข้อมูลสำคัญเหล่านั้นออกก่อน ซึ่งในกรณีนี้ คงต้องโทษเจ้าของข้อมูลส่วนหนึ่งที่ไม่เอาใจใส่ในการป้องกันข้อมูลของตัวเองอย่างเพียงพอ     แต่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่ง ที่ทราบถึงความสำคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนตัว ถึงขนาดลบข้อมูลออกก่อนที่จะส่งไปให้ร้านซ่อมแล้ว แต่ข้อมูลก็ยังรั่วไหลออกไปได้ จะมีคำอธิบายอย่างไร? ในกรณีนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือแปลกหูสำหรับคนไอทีมากนัก เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่า มีโปรแกรมหลายตัวที่มีความสามารถในการกู้คืนไฟล์ที่ถูกลบไปแล้ว ให้กลับมาในสภาพเดิมได้อย่างไม่ยากเย็น ดังนั้น บทความในครั้งนี้จะกล่าวถึงแนวทางการป้องกันข้อมูลสำคัญ จากการถูกกู้คืนโดยโปรแกรมดังกล่าว พร้อมตัวอย่างเพื่อให้ผู้อ่านสามารถนำไปปรับใช้ได้ด้วยตนเอง ลบข้อมูลแล้ว กู้ได้จริงหรือ ในความเข้าใจของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปแล้ว หากต้องการทำการลบข้อมูลโดยที่ไม่ให้สามารถกู้คืนได้อีก เช่น ในระบบปฏิบัติการวินโดวส์ จะใช้คำสั่ง Delete เพื่อลบข้อมูลทิ้ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว…