Facebook Smart Glasses

Loading

  เมื่อรูปแบบของการใช้เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลง อาจมีโอกาสที่จะเกิดความขัดแย้งกันระหว่างกฎหมายกับการใช้เทคโนโลยีขึ้นมาได้ ตัวอย่างเกิดขึ้นแล้วจากกรณีของสินค้า smart glasses กับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แว่นตาอาจถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์พกพาชนิดหนึ่งที่อยู่คู่กับหลาย ๆ คนมานาน ในยุคที่ทุกๆ อย่างถูกทำให้อัจฉริยะมากขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีฝังเข้าไปในอุปกรณ์เพื่อให้มีความเป็น smart devices และสามารถตอบสนองต่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ หลากหลายมากขึ้น และสามารถเชื่อมต่อในระบบเครือข่ายอัจฉริยะของ IoT เจ้าแว่นตาก็เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่หลายๆ บริษัทได้พยายามปรับปรุงให้เป็น smart glasses   Google เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่ได้พัฒนา smart glasses ของตนเอง ภายใต้ชื่อ Google Glass ขึ้นมาและนำออกจำหน่ายในช่วงปี 2013 และยุติการจำหน่ายเป็นการทั่วไปในปี 2015 เนื่องจากราคาที่ค่อนข้างสูง (1,500 USD) และไม่ได้รับการตอบรับจากตลาดเท่าที่ควร และดูเหมือนว่ากระแสของ smart glasses ก็จะดูแผ่วเงียบเบาไปจนกระทั่ง Facebook ร่วมมือกับ Ray-Ban ในการพัฒนา Facebook smart glasses ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อทำตลาดกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่มีความสนใจในแฟชั่นและเทคโนโลยี   แต่ไม่ทันที่…

วิธีตั้งค่าไม่ให้เว็บไซต์ติดตามตำแหน่งคุณ

Loading

วิธีตั้งค่าไม่ให้เว็บไซต์ติดตามตำแหน่งคุณ เชื่อว่าคุณและผู้คนมากมายประมาณสองในสามคนทั่วโลกใช้อินเทอร์เน็ตทุกวัน กิจกรรมในลักษณะการผิดกฎหมายอาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงการแฮ็กและการก่อการร้าย เป็นต้น แม้แต่เว็บจำนวนมากก็สามารถติดตามตำแหน่งของคุณได้ด้วย ดังนั้น เพื่อให้มั่นใจถึงความเป็นส่วนตัวของคุณ คุณต้องซ่อนตำแหน่งของคุณ นั่นเป็นเหตุผลที่มาบอกวิธีการป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ติดตามตำแหน่งของคุณ ด้วยขั้นตอนดังนี้   วิธีตั้งค่าไม่ให้เว็บไซต์ติดตามตำแหน่งคุณ สำหรับ Chrome เวอร์ชั่นคอม     คลิกจุดสามจุด … มุมขวาบนของ Chrome แล้วเลือกที่ การตั้งค่า     เลือกด้านซ้ายที่ ข้อมูลส่วนบุคคลและความปลอดภัย แล้วคลิกที่ การตั้งค่าเว็บไซต์     คลิกที่ ตำแหน่ง >>     แล้วเลือกที่ ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ดูตำแหน่งคุณ แค่นี้ Chrome จะดำเนินการไม่ให้เว็บไซต์อื่นๆมาติดตามตำแหน่งคุณได้   สำหรับผู้ใช้ Edge บน Windows10 หรือ Windows11 ให้เปิดหน้า Settings ของ Windows10 หรือ Windows…

เตือนภัยเกมเมอร์ Kaspersky พบโทรจันตัวใหม่ BloodyStealer จ้องขโมยบัญชีเกมบน Steam, GOG และ Epic

Loading

  เกมเมอร์ต้องระวัง เนื่องจากบัญชีของเกมเมอร์กำลังเป็นที่ต้องการของโลกใต้ดิน โดยมีโทรจัน (Trojan) ที่มีชื่อว่า BloodyStealer จ้องขโมยบัญชีเกมบนแพลตฟอร์มดัง นักวิจัยของแคสเปอร์สกี้ (Kaspersky) เปิดเผยว่า ทีมวิจัยได้พบโทรจันตัวใหม่ที่มีชื่อว่า BloodyStealer ที่น่าตกใจ มัลแวร์ตัวนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อขโมยบัญชีเกมบนทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็นสตีม (Steam), อีเอ ออริจิน (EA Origin) และเอพิค เกม สโตร์ (Epic Game Store) เพื่อขายต่อบนดาร์กเว็บ (Dark web) แคสเปอร์สกี้ ค้นพบมัลแวร์ตัวดังกล่าวในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเป็นมัลแวร์ที่ถูกโพสต์ขายบนฟอรัมตามดาร์กเว็บ มูลค่าของชุดเครื่องมือสำหรับทำมัลแวร์อยู่ที่ 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือสมัครเป็นสมาชิกเดือนละ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทีมวิจัยของแคสเปอร์สกี้ กล่าวต่อไปว่า อันที่จริงแล้วเป้าหมายของแฮกเกอร์ ไม่ได้ต้องการแค่บัญชีของเกมเมอร์เพียงอย่างเดียว แต่การขโมยบัญชีต่างๆ เพื่อนำมาขายต่อบนดาร์กเว็บ ถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีลูกค้าบนเว็บเถื่อนให้ความสนใจไม่น้อย ดังนั้นแล้ว เพื่อไม่ให้บัญชีของเกมเมอร์ หรือบัญชีอื่นของคุณต้องตกไปเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ และมัลแวร์เหล่านี้ อย่างแรกควรซื้อคีย์ต่างๆ จากร้านค้าปลีกที่ได้รับอนุญาต อย่างที่สองติดตั้ง two-factor authentication…

Shopee ปฏิเสธกรณีมีรายงานว่าข้อมูลลูกค้ารั่วไหล

Loading

  สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้เข้าดำเนินการสืบสวนกรณีที่มีรายงานว่าข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ากว่า 15 ล้านรายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Shopee รั่วไหล เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (22 กันยายน) มีผู้ใช้รายหนึ่งในเว็บไซต์ raidforums.com ซึ่งเป็นแหล่งแบ่งปันและซื้อขายข้อมูล ได้ประกาศขายข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า Shopee ที่มีทั้งชื่อ อีเมล ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ ลงบนเว็บไซต์ฯ ดังกล่าว น.อ. อมร ชมเชย รักษาการณ์เลขาธิการ สกมช. ระบุว่าทางหน่วยอยู่ระหว่างการประสานความร่วมมือกับทีมงานของ Shopee เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการรั่วไหลของข้อมูลหรือไม่ และยังระบุด้วยว่าพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีผลใช้บังคับในเดือนมิถุนายนปีหน้า น่าจะมีประโยชน์ในการลงโทษปรับผู้ที่ปล่อยข้อมูลส่วนบุคคล ล่าสุด ทาง Shopee ได้ออกมาแถลงว่าจากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลที่มีผู้อ้างนำมาขายนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับฐานข้อมูลใด ๆ ของ Shopee พร้อมยืนยันว่าทางบริษัทให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลอย่างถึงที่สุด และเว็บ raidforums ก็ได้บล็อกผู้ใช้ที่เอาข้อมูล Shopee มาปล่อย เพราะตรวจพบว่าเป็นการย้อมแมวเอาข้อมูลปลอมมาขาย (อาจจะเป็นข้อมูลเก่าที่เคยหลุด แล้วมาขายซ้ำ) ที่มา Bangkok Post   ————————————————————————————————————————— ที่มา :…

หลุดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ยื่นวีซ่าฝรั่งเศสกว่า 8,700 ราย

Loading

  กระทรวงกิจการภายในของฝรั่งเศสยอมรับว่ามีการโจมตีทางไซเบอร์ต่อระบบให้บริการวีซ่าในวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่รัฐบาลสามารถยับยั้งการโจมตีดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ และมีการตั้งทีมสอบสวนขึ้นแล้ว อย่างไรก็ดี ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ยื่นวีซ่ามากกว่า 8,700 ราย ได้แก่ เลขที่หนังสืิอเดินทาง วันเกิด และที่อยู่ ได้หลุดรั่วออกไป และบางส่วนอาจถูกขโมย โดยทางกระทรวงกิจการภายในยืนยันว่าข้อมูลที่แฮกเกอร์ได้ไปไม่มีข้อมูลทางการเงินและข้อมูลละเอียดอ่อนแน่นอน เนื่องจากไม่ได้จัดเก็บไว้ในระบบ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (General Data Protection Regulation – GDPR) ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการโจมตีดังกล่าวจะได้รับข้อความจากทางเว็บไซต์ยื่นวีซ่าเพื่อแจ้งเตือนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และแนะนำวิธีการปฏิบัติเพื่อการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล จากการรายงานของสำนักข่าว RFI ระบุว่า ในห้วงปีที่ผ่านมา ฝรั่งเศสเผชิญกับภัยคุกคามทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ แอมานุแอล มาครง (Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้เสนอลงทุนในด้านการป้องกันภัยทางไซเบอร์เป็นเงินกว่า 1,400 ล้านยูโร (ประมาณ 45,850 ล้านบาท) ที่มา Siliconrepublic   —————————————————————————————————————————————- ที่มา : Beartai     …

ผอ.รพ.สถาบันไตภูมิฯ แจ้งจับแฮกเกอร์เจาะข้อมูลคนไข้นับหมื่นราย

Loading

  เมื่อวันที่ 8 กันยายน ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ธีรชัย ฉันทโรจน์ศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ นำหลักฐานและคลิปเสียงแฮกเกอร์เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเรขา ผกก.สน.พญาไท เพื่อให้ดำเนินคดีกับแฮกเกอร์ที่ลักลอบเจาะข้อมูลคนไข้ของโรงพยาบาลกว่า 4 หมื่นรายชื่อ ทำให้โรงพยาบาลได้รับความเสียหาย ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ธีรชัยเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย.​ที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลพบว่าไม่สามารถเข้าระบบฐานข้อมูลคนไข้ของโรงพยาบาลได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00 น. เมื่อตรวจสอบก็พบว่าแฮกเกอร์ได้เจาะระบบนำข้อมูลคนไข้ไป เช่น ข้อมูลส่วนตัวคนไข้ ประวัติการฟอกไต และประวัติการรักษาและผลเอกซเรย์ของคนไข้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่เข้ามารับการรักษา จากนั้นแฮกเกอร์ซึ่งเป็นชายพูดภาษาอังกฤษก็โทรศัพท์มาที่โรงพยาบาลขอเจรจาต่อรองกับผู้มีอำนาจ พร้อมบอกว่าขณะนี้ยังไม่มีบุคคลภายนอกรู้เรื่องนี้ และนัดโทรมาอีกครั้งในเวลา 09.00 น.วันที่ 7 ก.ย.​ แต่สุดท้ายก็ไม่มีการติดต่อเข้ามา ทางโรงพยาบาลจึงเข้าแจ้งความ ทั้งนี้ ส่วนตัวสันนิษฐานว่าแฮกเกอร์อาศัยช่วงที่ทางโรงพยาบาลติดต่อซื้อโปรแกรมตัวใหม่จากบริษัทเอกชนมาติดตั้ง โดยมีการควบคุมคอมพิวเตอร์ระยะไกลเข้ามาติดตั้งโปรแกรม ทำให้ระบบป้องกันของโรงพยาบาลเกิดช่องโหว่ แฮกเกอร์จึงฉวยโอกาสแฮกเข้ามาพอดี แต่เชื่อว่าแฮกเกอร์ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทผู้ผลิตโปรแกรมดังกล่าว เพราะเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือ อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลและหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขหลายแห่งที่ถูกแฮกเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แม้โรงพยาบาลจะได้รับผลกระทบ ทำให้แพทย์ไม่สามารถตรวจประวัติการรักษาคนไข้หรือผลเอกซเรย์ในอดีตได้ และระบบจ่ายยาต้องใช้การคีย์ข้อมูลด้วยตนเองแทน แต่เจ้าหน้าที่ไอทีกำลังเร่งกู้ข้อมูลทั้งหมด และยืนยันว่าโรงพยาบาลมีการแบ๊กอัพข้อมูลประวัติการรักษาคนไข้ไว้อยู่แล้ว และคนไข้ยังสามารถมาใช้บริการได้แต่อาจเกิดความล่าช้ากว่าปกติ ด้าน พ.ต.อ.บวรภพเปิดเผยว่า แม้ตำรวจจะยังไม่มีเบาะแสผู้ต้องสงสัย…