พบแอป Zoom บนวินโดวส์แปลงลิงก์แชร์ไฟล์ให้คลิกได้ เปิดทางแฮกเกอร์ล่อเอาค่าแฮชรหัสผ่าน

Loading

ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @_g0dmode นักวิจัยด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์รายงานถึงพฤติกรรมพิเศษของแอป Zoom บนวินโดวส์ที่จะแปลง UNC หรือ Universal Naming Convention ที่เป็นระบบอ้างอิงไฟล์แชร์ของวินโดวส์ ให้กลายเป็นลิงก์ที่คลิกได้ ทำให้หากผู้ใช้ได้รับลิงก์และเพียงแค่คลิกลิงก์นั้น วินโดวส์ก็จะพยายามเปิดไฟล์แชร์ตามโปรโตคอล SMB พร้อมกับพยายามล็อกอิน แฮกเกอร์ที่เปิดเซิร์ฟเวอร์ SMB รอไว้จะได้รับข้อมูลชื่อล็อกอินและค่าแฮชของรหัสผ่าน ซึ่งหากรหัสผ่านผู้ใช้ไม่แข็งแกร่งพอก็อาจจะทำให้แฮกเกอร์สามารถหาค่ารหัสผ่านกลับมาได้ นอกจากการดึงข้อมูลล็อกอินแล้ว ช่องโหว่นี้หากอ้างอิงถึงไฟล์ executable บนเครื่องของเหยื่อเองก็อาจจะรันไฟล์ได้ อย่างไรก็ดีวินโดวส์จะแจ้งเตือนผู้ใช้ก่อนรันโปรแกรมขึ้นมาจริงๆ Matthew Hickey นักวิจัยความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อีกรายระบุว่า Zoom ไม่ควรแปลง UNC เป็นลิงก์ให้คลิกได้เช่นนี้ และเขาได้พยายามติดต่อ Zoom แล้วแต่ยังไม่มีการตอบกลับ พฤติกรรมการส่งข้อมูลล็อกอินไปยังงเซิร์ฟเวอร์แชร์ไฟล์เป็นค่าคอนฟิกเริ่มต้นของวินโดวส์แต่สามารถปิดการทำงานได้จาก Group Policy Editor หรือการแก้ค่า registry โดยตรง ——————————————————————— ที่มา : Blognone / 1 เมษายน 2563 Link : https://www.blognone.com/node/115583

กรณีศึกษา ข้อควรพิจารณาก่อนโพสต์ภาพการประชุม video conference ออกสู่อินเทอร์เน็ต

Loading

จากกรณีไวรัสโคโรน่าหรือ COVID-19 แพร่ระบาด ทำให้หลายองค์กรได้มีมาตรการ work from home เพื่อให้พนักงานทำงานจากที่บ้านได้ โดยอาจมีการประชุมออนไลน์แบบ video conference เป็นระยะๆ อย่างไรก็ตาม การนำภาพในขณะที่มีการประชุมออนไลน์มาเผยแพร่ออกสู่อินเทอร์เน็ตนั้นอาจมีความเสี่ยงทั้งด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวได้ โดยตัวอย่างนี้จะเป็นการยกกรณีศึกษาการประชุมรัฐสภาของประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 นายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษได้โพสต์ภาพในบัญชี Twitter (https://twitter.com/BorisJohnson/status/1244985949534199808) ซึ่งเป็นภาพที่ใช้กล้องถ่ายหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดโปรแกรม Zoom เพื่อใช้ในการทำ video conference เหตุการณ์ดังกล่าวผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์หลายรายได้แสดงความเห็นว่าในหน้าจอนั้นมีข้อมูลหลายอย่างที่ผู้ไม่หวังดีอาจนำไปใช้เพื่อการโจมตีได้ ตัวอย่างเช่น ใน title bar ของโปรแกรม Zoom ได้มีการระบุหมายเลข ID ของห้องประชุม ซึ่งผู้ประสงค์ร้ายอาจเชื่อมต่อเข้าไปยังห้องประชุมนี้ได้หากไม่ได้มีการตั้งรหัสผ่านที่ปลอดภัยเพียงพอ ในหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ใช้ประชุม แสดงให้เห็นว่าระบบปฏิบัติการที่ใช้งานคือ Windows 10 ที่ติดตั้ง Google Chrome, Microsoft Powerpoint, และ Microsoft Outlook ซึ่งผู้ประสงค์ร้ายอาจโจมตีผ่านช่องโหว่ของโปรแกรมเหล่านั้นได้ (หากมี) หรืออาจใช้วิธีโจมตีแบบ social engineering…

7 ข้อต้องรู้ ปลอดภัยจาก ‘อาชญากรไซเบอร์’ ช่วงวิกฤติโควิด-19

Loading

สถานการณ์ความตื่นกลัวจากการระบาดโควิด-19 ได้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้แฮกเกอร์และการหลอกลวงจากผู้ไม่หวังดีในโลกออนไลน์ ฉวยโอกาสนี้สร้างความเสียหายสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานออนไลน์ของไทย ทั้งนี้เห็นได้จาก หลายองค์กรได้รายงานถึงภัยอินเทอร์เน็ตในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นกลัวกับการระบาดของโรคโควิด อาทิ อาชญากรไซเบอร์แอบอ้างเป็นองค์การอนามัยโลก หรือ หน่วยงานจากภาครัฐเพื่อทำการฉ้อโกง จัดตั้งเว็บไซต์ปลอม และ ฟิชชิ่ง (Phishing) หรือเผยแพร่ข้อมูลปลอมในรูปแบบภัยอินเทอร์เน็ต (Fake news) โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ระบาดหนักต้องระวังมิจฉาชีพปลอมเว็บ www.เราไม่ทิ้งกัน.com เพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวคนลงทะเบียนรับมาตรการเยียวยา 5,000 บาท จากภาครัฐในกรณีได้รับผลกระทบโควิด-19 ไปสร้างความเสียหาย นายประเทศ ตันกุรานันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเทคโนโลยี บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ระบุว่า สิ่งสำคัญในการใช้งานออนไลน์ในขณะนี้ คือ ทุกฝ่ายและคนใช้งานทุกคนต้องช่วยกันระวังภัยคุกคามจากอาชญากรไซเบอร์ที่กำลังเพิ่มเป็นอย่างมาก ซึ่งทุกประเทศจำเป็นต้องร่วมมือกันในการแก้ปัญหาภัยทางอินเทอร์เน็ตทั่วโลก สำหรับในต่างประเทศ เช่น หน่วยงานเอฟบีไอ (FBI) และหน่วยงานตำรวจยุโรป (Europol) ได้ออกมาเตือนถึงภัยคุกคามของอาชญกรรมไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังตี่นตระหนกกับโรคโควิด-19 สำหรับในประเทศไทยหน่วยงานภาครัฐได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสกัดโรคโควิด-19 รวมทั้งกำหนดโทษในการเผยแพร่ข่าวปลอมผ่านทางออนไลน์ “คนที่จะป้องกันได้ดีที่สุดก็คือตัวของพวกเราเอง โดยเราจะต้องสังเกตและรู้จักรูปแบบการหลอกลวงต่างๆ ในโลกออนไลน์ สำหรับช่วงนี้ต้องระวังมิจฉาชีพปลอมเว็บไซต์โครงการเราไม่ทิ้งกันระบาดหนัก ซึ่งจะหลอกเอาข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลบัญชีธนาคารจากคนลงทะเบียนไปฉ้อโกงได้”…

โค้งสุดท้ายก่อน พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเริ่มบังคับใช้ กับ Microsoft

Loading

By  Kornpipat นี่เป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA (Personal Data Protection Act) จะเริ่มมีผลบังคับใช้จริงในวันที่ 27 พฤษภาคม 63 ล่าสุด Microsoft แนะแนวทางให้องค์กรทั่วไทยเตรียมตัวให้พร้อม โดย ดร. นิพนธ์ นาชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอซิส โปรเฟสชั่นนัล เซ็นเตอร์ จำกัด ให้ข้อมูลว่าทีมงานแบไต๋ว่า พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีรากฐานมาจาก GDPR ที่เริ่มบังคับใช้ในสหภาพยุโรปไปเมื่อ 2 ปีก่อน จนถึงวันนี้มีหลายบริษัทที่โดนดำเนินคดีแล้ว ทุกองค์กรควรให้ความสำคัญเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล และหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญมากสำหรับองค์กรคือ ต้องรู้ว่าเก็บข้อมูลไว้ที่ไหน ใครเก็บข้อมูลไว้บ้าง ข้อมูลเหล่านั้นมีการปกป้องหรือยัง และต้องรู้ว่าใครเข้าถึงข้อมูลได้ รวมถึงต้องมีมาตรการป้องกันไม่ให้ข้อมูลหลุดออกไป เพราะหากเกิดเหตุผิดพลาด อาจโดนฟ้องโดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ นอกจากนี้แล้วยังต้องเตรียมข้อมูลไว้เผื่อว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลขอดูหรือขอลบด้วย แนะแนวทางเตรียมรับ พ.ร.บ. ฉบับใหม่ สำหรับไมโครซอฟท์เอง พร้อมรองรับลูกค้าธุรกิจด้วยแพลตฟอร์มคลาวด์ Microsoft Azure และบริการครบครันอย่าง Microsoft 365…

แจ้งเตือน อย่าตกเป็นเหยื่อฟิชชิ่งหลอกว่าแจกคูปองดู Netflix ฟรีช่วง #COVID19 ระบาด อาจถูกแฮกบัญชีได้

Loading

พบรายงานการโจมตีแบบฟิชชิ่งซึ่งเป็นการสร้างเว็บไซต์ปลอมเพื่อหลอกขโมยข้อมูล โดยผู้ไม่หวังดีจะโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดียหรือส่งลิงก์มาทางโปรแกรมแช็ทเพื่อหลอกว่า Netflix ได้เปิดให้ผู้ใช้สมัครคูปองเพื่อดูหนังได้ฟรีในช่วงที่มีเหตุการณ์ไวรัสโคโรน่าหรือ COVID-19 แพร่ระบาด โดยในข้อความที่ส่งมานั้นจะปรากฎ URL ของเว็บไซต์ที่จดชื่อโดเมนให้ใกล้เคียงกับชื่อเว็บไซต์จริงของ Netflix พร้อมระบุด้วยว่าโปรโมชั่นนี้มีระยะเวลาจำกัด จึงอาจทำให้เหยื่อหลงเชื่อรีบคลิกเข้าไปยังลิงก์ดังกล่าวโดยไม่ได้ตรวจสอบ หากคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ฟิชชิ่งดังกล่าว จะพบหน้าจอหลอกให้เล่นเกมตอบคำถามเพื่อชิงรางวัล โดยในขั้นตอนสุดท้ายจะพบกับหน้าจอขอให้ยืนยันบัญชี โดยในหน้าจอนี้นอกจากจะหลอกขโมยรหัสผ่านบัญชี Netflix แล้วยังหลอกให้แชร์หน้าฟิชชิ่งนี้ต่อให้กับเพื่อนๆ ในโซเชียลด้วย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเว็บไซต์ทางการของ Netflix ยังไม่พบประกาศเรื่องการแจกคูปองเพื่อให้ดูหนังได้ฟรีในช่วงที่มีไวรัสระบาด ในช่วงเหตุการณ์ลักษณะนี้ผู้ไม่หวังดีมักฉวยโอกาสในการโจมตีหรือหลอกลวงผู้ที่ได้รับผลกระทบ หากผู้ใช้พบการส่งต่อข้อความในลักษณะที่อ้างว่าเป็นการแจกคูปองให้ใช้บริการฟรี หรือพบการส่งลิงก์ที่ไม่ได้พาไปยังเว็บไซต์จริงของบริการนั้นๆ ควรตรวจสอบให้แน่ในก่อนคลิกหรือก่อนกรอกข้อมูล เพื่อที่จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ ——————————————— ที่มา : ThaiCERT / 25 มีนาคม 2563 Link : https://www.thaicert.or.th/newsbite/

ข้อแนะนำด้านความมั่นคงปลอดภัยเมื่อต้องทำงานจากที่บ้าน (จากเหตุการณ์ไวรัสโคโรน่า #COVID19 และกรณีอื่นๆ)

Loading

จากเหตุการณ์ไวรัสโคโรน่าหรือ COVID-19 แพร่ระบาด หลายองค์กรได้มีมาตรการให้พนักงานปฏิบัติงานจากที่บ้าน หนึ่งในกระบวนการที่ควรพิจารณาคือการลดความเสี่ยงจากเหตุภัยคุกคามทางไซเบอร์ ทางสถาบัน SANS ได้มีข้อแนะนำ 5 ประการในการรับมือเรื่องนี้ 1. ระวังไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการโจมตีแบบ social engineering เนื่องจากการปฏิบัติงานจากบ้านนั้นจำเป็นต้องมีการติดต่อสื่อสารหรือรับส่งไฟล์กับบุคคลอื่นมากกว่าการทำงานตามปกติ ผู้ประสงค์ร้ายอาจฉวยโอกาสนี้ในการส่งอีเมลหลอกลวง แนบไฟล์มัลแวร์ หรือแนบลิงก์ที่พาไปยังเว็บไซต์ฟิชชิ่งเพื่อหลอกขโมยรหัสผ่านได้ ทั้งนี้ควรทบทวนกระบวนการสั่งงานและการอนุมัติสั่งงาน เนื่องจากการโจมตีประเภท Business Email Compromise หรือ CEO Fraud ซึ่งเป็นการแฮกอีเมลของผู้บริหารแล้วสั่งให้ส่งข้อมูลหรือสั่งให้โอนเงินนั้นอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรได้ 2. รักษาความมั่นคงปลอดภัยของรหัสผ่าน โดยควรใช้รหัสผ่านที่คาดเดาได้ยาก และไม่ซ้ำกับรหัสผ่านที่เคยใช้ในบริการอื่น หากเป็นไปได้ควรเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัยเพื่อลดผลกระทบหากเกิดเหตุการณ์รหัสผ่านหลุด รวมถึงพิจารณาใช้โปรแกรมช่วยบริหารจัดการรหัสผ่านร่วมด้วย ทั้งนี้รวมถึงการตั้งรหัสผ่าน Wi-Fi เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่ได้รับอนุญาตแอบเชื่อมต่อ Wi-Fi แล้วแพร่กระจายมัลแวร์หรือดักขโมยข้อมูล 3. การทำงานจากที่บ้านอาจไม่ได้หมายความว่าต้องอยู่แค่ในบ้านเสมอไป บางกรณีอาจจำเป็นต้องออกไปประชุมหรือทำงานนอกบ้าน เช่น ตามร้านกาแฟหรือห้างสรรพสินค้า หากเป็นไปได้ควรเชื่อมต่อ Wi-Fi จากโทรศัพท์มือถือ หากจำเป็นต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะควรใช้ VPN ทั้งนี้ควรอัปเดตระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์ที่ใช้งาน และฐานข้อมูลของโปรแกรมแอนติไวรัสอย่างสม่ำเสมอ 4. ทำความเข้าใจกับเด็กหรือคนอื่นในบ้านว่าอุปกรณ์สำนักงานที่นำไปใช้ทำงานที่บ้าน…