เตือนภัย! Line ปลอมระบาด ระวังโดนหลอก

Loading

อาชญากรทุกวันนี้ พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามการพัฒนาของเทคโนโลยี หลังจากก่อนหน้านี้ มีการทำอีเมลปลอม เฟซบุ๊กปลอม หรือการหาวิธีแฮ็กข้อมูลโซเชียลมีเดียอื่นๆ แล้ว ล่าสุดภัยคุกคามนี้ ก็ได้ก้าวเข้ามาถึงแอปแชทชื่อดังอย่าง “ไลน์” (Line) ทั้งที่เป็นแบบส่วนตัว และเป็น Line Official Account ที่กลุ่มมิจฉาชีพจะใช้ทั้งวิธีแฮ็กข้อมูล  และทำ Line Official Account ปลอม ขึ้นมา  เพื่อหลอกให้เหยื่อโอนเงิน หรือ หลอกขอข้อมูล วิธีป้องกัน เช็กก่อนอย่าเพิ่งเชื่อ อย่าดูแค่เลขสมาชิก หรือโปรไฟล์รูป เพราะส่วนนี้สามารถปลอมแปลงได้ มองหาสัญลักษณ์โล่ โดยถ้ามีโล่สีเขียว หรือโล่สีน้ำเงิน แสดงว่าเป็น Account จริงแน่นอนที่ผ่านการรับรองจาก Line แล้ว โดยโล่สามารถดูได้ที่หน้า Profile ของ Line Official Account และโล่ของจริงจะต้องแสดงบนพื้นหลังขาวเท่านั้น หากเจอ Account ปลอม สามารถรายงาน (Report) ได้ง่ายๆ คือ กดปุ่มขวาบนของห้อง…

แถลงข่าว จับกุมหนุ่มแฮก facebook “หลอกโอนเงิน” เข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์

Loading

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยในการร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ที่ผ่านมาและมีสถิติรายงานผลการดำเนินงานต่อผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาดำเนินคดีตามกฎหมายและเร่งรัดดำเนินคดีการตามมาตรการป้องกันและปราบปราม ในห้วงที่ผ่านมามีสถิติการจับกุมระหว่างเดือนกรกฎาคม – เดือนกันยายน ๒๕๖๒ มีจำนวนทั้งสิ้น ๗ ราย ดังนี้ เดือนกรกฎาคม ๖ ราย เดือนสิงหาคม ๖ ราย และเดือนกันยายน ๑ ราย วันนี้ (15 พฤศจิกายน) มีการแถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหาแฮก facebook หลอกยืมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีรูปแบบการกระทำความผิด (แผนประทุษกรรม) ที่ซับซ้อน โดยหลอกลวงรับสมัครงานในโลกออนไลน์เพื่อเอาบัญชีผู้อื่นที่มาสมัครงานเป็นบัญชีผู้รับโอนเงินจากเหยื่อ ซึ่งเมื่อวันที่ 14 พ.ย.62 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สมเกียรติ เฉลิมเกียรติ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท.…

แจ้งเตือนการโจมตีแบบ APT จากกลุ่ม Calypso ขโมยข้อมูลสำคัญทั้งจากหน่วยงานระดับสูง ไทยเสี่ยงโดนด้วย

Loading

ทีมนักวิจัยด้านความมั่นคงปลอดภัยจากบริษัท Positive Technologies ได้เผยแพร่รายงานบทวิเคราะห์การโจมตีของกลุ่ม Calypso ซึ่งเป็นกลุ่มที่โจมตีในลักษณะ Advance Persistent Threat (APT) โดยมีเป้าหมายเพื่อขโมยข้อมูลสำคัญจากหน่วยงานระดับสูงของรัฐบาลหลายๆ ประเทศ โดยในรายงานได้ระบุว่าประเทศไทยตกเป็นเป้าหมายด้วย จากรายงาน ทีมวิจัยคาดว่าการโจมตีของกลุ่ม Calypso น่าจะเริ่มดำเนินการมาแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน 2559 โดยช่องทางการโจมตีในขั้นแรก (initial vector) จะเจาะระบบเว็บไซต์แล้ววางไฟล์ web shell (.aspx) ไว้ในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ จุดประสงค์เพื่อใช้เป็นช่องทางพิเศษในการรับคำสั่ง จากนั้นจะใช้เครื่องเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าวเป็นช่องทางเพื่อขยายต่อไปยังเครื่องอื่นๆ ในเครือข่ายต่อไป (lateral movement) ในขั้นตอนถัดมาจะมีการติดตั้งเครื่องมือสำหรับใช้ในการรวบรวมข้อมูลหรือแพร่กระจายมัลแวร์ไปยังเครื่องอื่นๆ ในเครือข่าย ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือที่สามารถดาวน์โหลดได้จากอินเทอร์เน็ต เช่น Sysinternals, Mimikatz, Netcat หรือเครื่องมือสำหรับโจมตีช่องโหว่อย่าง DoublePulsar และ EternalBlue เป็นต้น โดยเครื่องมือเหล่านี้จะถูกดาวน์โหลดมาเก็บไว้ในไดเรกทอรี C:\RECYCLER หรือ C:\ProgramData ทั้งนี้ จากรายงานพบว่ามีการใช้เครื่องมือเฉพาะของกลุ่ม APT อื่นมาประกอบการโจมตีด้วย แต่ยังไม่ยืนยันว่ากลุ่ม Calypso นี้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม APT…

เตือนช่องโหว่บนชิป Qualcomm ผู้ใช้ Android เสี่ยงถูกขโมยข้อมูล

Loading

Check Point ผู้ให้บริการโซลูชันด้านความมั่นคงปลอดภัยยักษ์ใหญ่ของโลก ออกมาแจ้งเตือนถึงช่องโหว่บน Chipset ของ Qualcomm ที่ใช้งานบนสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตของ Android ซึ่งช่วยให้แฮ็กเกอร์สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ แม้ว่าจะถูกจัดเก็บอยู่ในพื้นที่ที่มีการป้องกันเป็นอย่างดีของอุปกรณ์ได้ ช่องโหว่ดังกล่าวเป็นช่องโหว่บน Qualcomm’s Secure Execution Environment (QSEE) ซึ่งเป็น Trusted Execution Environment (TEE) ที่ใช้เทคโนโลยี ARM TrustZone โดย QSEE นี้ถือว่าเป็น Secure World ของ Qualcomm ซึ่งเป็นพื้นที่ฮาร์ดแวร์ที่แยกส่วนออกมาเพื่อให้มีความมั่นคงปลอดภัยสูงบนหน่วยประมวลหลัก มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญและให้บริการ Secure Execution Environment สำหรับรันTrusted Application นอกจาก QSEE จะถูกใช้จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว ยังถูกใช้เพื่อเก็บ Private Encryption Keys, Passwords และข้อมูลบัตร Credit/Debit อีกด้วย Check Point ระบุว่า พวกเขาใช้เวลาถึง 4 เดือนในการทำ…

10 ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลที่มีผลต่อบริษัท

Loading

ช่วงไม่กี่ปีนี้ บุคคลากรด้านไอทีอย่างพวกเรามักจะได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับข้อมูลรั่วไหลของบริษัทต่างๆ กันอยู่ตลอด แม้แต่ในไทยเองก็ตาม จะเห็นว่าการเก็บรักษาข้อมูลให้ปลอดภัยนั้นนับเป็นเรื่องยากและการป้องกันระวังรักษาข้อมูลจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ในปัจจุบันก็ยากยิ่งกว่า แต่ก็เป็นเรื่องที่องค์กรหลีกเลี่ยงไม่ได้และหลายๆ แห่งก็มีความตื่นตัวในการหาโซลูชันส์ เพื่อมาช่วยป้องกันข้อมูลซึ่งถือว่าเป็นทรัพยากรอันมีค่าในแง่ของธุรกิจของตน และเพื่อตอบสนองกับพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและพรบ.ไซเบอร์ฉบับปี 2562 ที่เพิ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้ โดยระบุไว้ว่าให้เวลาหน่วยงานต่างๆ เตรียมความพร้อมระบบและบุคลากรเป็นเวลา 1 ปี ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลจึงถือเป็นประเด็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกๆบริษัทสำหรับการมุ่งหน้าสู่ปี 2020 อย่างไรก็ดีภัยคุกคามทางไซเบอร์นั้นก็มีหลากหลายประเภทซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงรุนแรงมากน้อยต่างกัน บริษัทสามารถดำเนินการเสริมความเข้มแข็งด้านความปลอดภัยของระบบได้หลากหลายรูปแบบ แต่นี่คือความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคลสิบข้อที่อาจเป็นอุปสรรคต่อหน่วยงานของคุณในปี 2020 1. การเผยแพร่ข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจ จริงอยู่ที่อาชญากรไซเบอร์อาจเป็นจำเลยหลักที่เข้ามาขโมยข้อมูล แต่จากข่าวที่เกี่ยวกับข้อมูลรั่วไหลหลายๆครั้งกลับเกิดจากความประมาทเลินเล่อของพนักงานในองค์กรเองที่ส่งข้อมูลออกไปภายนอก 2. ทีมรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ทำงานหนักเกินไป การมีบุคลากรจำกัด หรือความรู้ความสามารถที่จำกัดทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่หรือหนักเกินไป ไม่สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆได้ทันท่วงที 3. การโจรกรรมข้อมูลโดยพนักงาน คล้ายกับข้อแรกที่กล่าวมาแล้ว รายงานการคุกคามภายในของ Verizon ปี 2019 พบว่า 57% ของการที่ข้อมูลรั่วไหลมาจากคนใน และ61% ของพนักงานเหล่านั้นเป็นเจ้าหน้าที่ทั่วไป ทว่ายังถือเป็นโชคดีที่มีโซลูชันส์สำหรับป้องกันข้อมูลรั่วไหลซึ่งบริษัทสามารถจัดหามาได้ 4. Ransomware การโจมตีเหล่านี้ยังคงอยู่และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หน่วยงานที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง (SMB) มักตกเป็นเหยื่อของการเรียกค่าไถ่(คืน)ข้อมูลสำคัญ การโจมตีผ่าน ransomware ส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ระดับพนักงาน จากการถูกหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง 5. การตั้งรหัสผ่านไม่ปลอดภัยพอ เมื่อเร็วๆนี้ทางกูเกิ้ลได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับข้อมูลการล็อกอิน และสรุปว่ารหัสผ่านสำหรับการล็อกอินในอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นจุดอ่อนที่จะนำไปสู่การขโมยข้อมูลในองค์กร…

ระวังภัย พบการใช้ช่องโหว่ BlueKeep (CVE 2019-0708) สั่งโจมตีให้เครื่องจอฟ้า ควรรีบอัปเดต

Loading

BlueKeep คือชื่อของช่องโหว่ประเภท Remote Code Execution ในบริการ Remote Desktop บน Windows ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่ทำให้ผู้ประสงค์ร้ายสามารถส่งโค้ดอันตรายเข้ามาประมวลผลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของเหยื่อได้ การโจมตีผ่านช่องโหว่นี้สามารถทำได้อัตโนมัติผ่านเครือข่าย ที่ผ่านมาทาง Microsoft และนักวิจัยด้านความมั่นคงปลอดภัยได้ประเมินว่าช่องโหว่นี้มีโอกาสที่จะถูกใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ผ่านเครือข่ายได้ แต่ปัจจุบันยังพบแค่การโจมตีเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทางขึ้นจอฟ้า (BSOD) ระบบปฏิบัติการที่ได้รับผลกระทบจากช่องโหว่นี้คือ Windows XP, Windows 2003, Windows 7, และ Windows Server 2008 โดยทาง Microsoft ได้ออกแพตช์มาเพื่อแก้ไขปัญหาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 (ข่าวเก่า https://www.thaicert.or.th/newsbite/2019-05-24-01.html) แต่ปัจจุบันก็ยังมีรายงานเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้ติดตั้งแพตช์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 นักวิจัยด้านความมั่นคงปลอดภัยชื่อ Kevin Beaumont ได้รายงานว่าพบการนำช่องโหว่ BlueKeep มาโจมตีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพื่อให้ขึ้นจอฟ้า โดยเขาได้ข้อมูลนี้จากเครื่อง honeypot ที่เปิดรับการโจมตีไว้ นอกจากนี้ นักวิจัยชื่อฯ Marcus Hutchins ก็ได้ออกมายืนยันว่าพบการโจมตีในลักษณะเดียวกัน โดยได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า รูปแบบการโจมตีที่พบนี้ยังไม่ใช่การโจมตีลักษณะ worm…