จีนกวาดล้างโพสต์โซเชียลมีเดียกว่า 1.4 ล้านรายการ

Loading

    หน่วยงานกำกับดูแลไซเบอร์สเปซของจีนกล่าวว่า โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ 1.4 ล้านโพสต์ถูกลบ หลังจากการสอบสวนเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือน การแสวงหาผลกำไรที่ผิดกฎหมาย และการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นเวลา 2 เดือน   หน่วยงานกำกับดูแลบริหารไซเบอร์สเปซของจีน หรือ ซีเอซี กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ว่า ได้ปิดบัญชีโซเชียลมีเดีย 67,000 บัญชี และลบโพสต์หลายแสนรายการระหว่างวันที่ 10 มีนาคม ถึง 22 พฤษภาคม โดยนับตั้งแต่ปี 2564 จีนได้กำหนดเป้าหมายบัญชีโซเชียลมีเดียหลายพันล้านบัญชี เพื่อพยายาม “ทำความสะอาด” พื้นที่ไซเบอร์สเปซของตน และทำให้ทางการสามารถควบคุมได้ง่ายขึ้น   การปราบปรามครั้งล่าสุดมุ่งเป้าไปที่บัญชีบนแอปโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีน เช่น วีแชต (WeChat), โต่วอิน (Douyin) และ เว่ยป๋อ (Weibo) ที่จัดอยู่ในหมวดหมู่ของสื่อที่เผยแพร่ข่าวสารและข้อมูลทั่วไป แต่ไม่ได้ดำเนินการ หรือได้รับการอนุมัติโดยรัฐบาลหรือรัฐ   ทางการมักจับกุมพลเมืองและเซนเซอร์บัญชีสำหรับการเผยแพร่หรือแบ่งปันข้อมูลและข้อเท็จจริง ที่มีความละเอียดอ่อน หรือวิพากษ์วิจารณ์พรรคคอมมิวนิสต์ รัฐบาล หรือกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อมูลดังกล่าวถูกเผยแพร่ในวงกว้าง   ตามรายงานของซีเอซี…

นักคิดค้น ‘ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง’ ของรัสเซีย ถูกกล่าวหาลอบเผยความลับให้จีน

Loading

  ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์รัสเซียถูกจับกุมในข้อหาขายชาติ และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีความเร็วเหนือเสียงอีกสองคนถูกกล่าวหาว่าลักลอบเปิดเผยความลับให้แก่จีน จากการเปิดเผยของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่ได้ข้อมูลมาจากแหล่งข่าวใกล้ชิดเรื่องนี้   รอยเตอร์ระบุว่า อเลกซานเดอร์ ชิปลียุค ผู้อำนวยการสถาบันทฤษฎีและกลศาสตร์ประยุกต์คริสติอาโนวิช หรือ ITAM (Khristianovich Institute of Theoretical and Applied Mechanics) ในไซบีเรีย ต้องสงสัยว่ามอบเอกสารลับให้แก่จีนระหว่างการประชุมด้านวิทยาศาสตร์ในประเทศจีนเมื่อปี 2017   ผอ.ของ ITAM วัย 56 ปี ยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง พร้อมระบุว่า ข้อมูลที่เขาส่งมอบให้กับจีนนั้นไม่ใช่ข้อมูลลับและสามารถหาได้ทั่วไปตามอินเทอร์เน็ต อ้างอิงจากแหล่งข่าวซึ่งรอยเตอร์ไม่ขอเปิดเผยชื่อเนื่องจากกังวลด้านความปลอดภัย   ชิปลียุค ถูกจับกุมเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วโดยไม่มีการเปิดเผยถึงข้อกล่าวหาที่มีต่อเขาในตอนนั้น ซึ่งกรณีของชิปลียุคถือเป็นเหตุการณ์ล่าสุดที่มีนักวิทยาศาสตร์รัสเซียหลายคนถูกจับกุมในรอบไม่กี่ปีมานี้จากข้อกล่าวหาว่าลอบเปิดเผยความลับให้รัฐบาลจีน     ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าวถึงกรณีนักวิทยาศาสตร์รัสเซียถูกจับกุมว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงของรัสเซียติดตามตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการ “ทรยศมาตุภูมิ” โดยตลอด และถือเป็นหน้าที่สำคัญ   และเมื่อรอยเตอร์สอบถามไปยังกระทรวงการต่างประเทศจีนถึงข้อกล่าวหานี้ ได้รับคำตอบว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียอยู่บนพื้นฐานของการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่เผชิญหน้า และไม่เป็นเป้าหมายของบุคคลที่สาม   ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เน้นย้ำว่า…

แรงมาแรงกลับ! ติ๊กต็อกยื่นฟ้อง ‘รัฐมอนทานา’ ค้านกม.แบนใช้แอป

Loading

    สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ติ๊กต็อก แอปพลิเคชันแชร์วิดีโอชื่อดังของบริษัทไบต์แดนซ์ ของจีน ได้ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐเพื่อคัดค้านการที่รัฐมอนทานาผ่านร่างกฎหมายแบนไม่ให้ประชาชนของรัฐสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันติ๊กต็อก   การยื่นฟ้องดังกล่าวมีขึ้นหลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมอนทานากลายเป็นรัฐแรกของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศผ่านร่างกฎหมายแบนติ๊กต็อก ท่ามกลางกระแสการเรียกร้องจากสมาชิกสภานิติบัญญัติและเจ้าหน้าที่รัฐให้มีการแบนแอปพลิเคชันติ๊กต็อกทั่วประเทศสหรัฐจากข้อกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของรัฐบาลจีนที่มีต่อติ๊กต็อก   ส่งผลให้ติ๊กต็อกยื่นฟ้องร้องต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐในรัฐมอนทานา โดยระบุว่าการแบนดังกล่าวซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 มกราคม ปี 2024 ได้ละเมิดบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 (First Amendment) ถึงสิทธิเสรีภาพในการพูด และเรียกร้องให้ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐประกาศให้การแบนแอปพลิเคชันติ๊กต็อกของรัฐมอนทานานั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญและสกัดกั้นไม่ให้รัฐมอนทานามีการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว   โฆษกของติ๊กต็อกกล่าวในแถลงการณ์ว่า “เราขอคัดค้านการแบนติ๊กต็อกของรัฐมอนทานาที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพื่อปกป้องธุรกิจและผู้ใช้งานติ๊กต็อกหลายแสนคนในรัฐมอนทานา” พร้อมกับระบุอีกว่าเราเชื่อว่าจะได้รับชัยชนะในการยื่นคัดค้านทางกฎหมายจากคำพิพากษาในอดีตและข้อเท็จจริงจำนวนมาก และรัฐมอนทานาได้ออกมาตรการพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อนจากการคาดการณ์ที่ไม่มีมูล พร้อมกับยืนยันในการยื่นฟ้องว่าติ๊กต็อกไม่เคยและจะไม่ส่งข้อมูลของผู้ใช้งานในสหรัฐให้กับรัฐบาลจีน   นายเกร็ก เกียนฟอร์เต ผู้ว่าการรัฐมอนทานาเผยว่าเขาลงนามรับรองกฎหมายการแบนดังกล่าวเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของประชาชนในรัฐจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน   ภายใต้กฎหมายการแบนแอปติ๊กต็อกของรัฐมอนทานา แอปเปิลและกูเกิลจะต้องนำแอปติ๊กต็อกออกจากแอปสโตร์ (App store) มิเช่นนั้นจะถูกปรับเป็นเงินสูงถึง 1 หมื่นดอลลาร์ หรือกว่า 3.4 แสนบาทต่อวัน อย่างไรก็ตาม จะไม่มีบทลงโทษต่อผู้ใช้งานติ๊กต็อกและจะไม่มีการห้ามไม่ให้ผู้ที่ใช้งานติ๊กต็อกอยู่ก่อนหน้าเลิกใช้งานแอปดังกล่าว   ด้านทนายความของทางการรัฐมอนทานากล่าวว่า พวกเขาเตรียมที่จะปกป้องการแบนดังกล่าวในชั้นศาล  …

สหรัฐฯ-ปาปัวนิวกินี ลงนามความร่วมมือกลาโหม หวังคานอำนาจจีนในแถบอินโด-แปซิฟิก

Loading

    วานนี้ (22 พฤษภาคม) แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าพบ เจมส์ มาเรบ นายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี ก่อนที่ผู้แทนระดับสูงของทั้งสองประเทศจะร่วมลงนามในความร่วมมือด้านกลาโหม โดยสหรัฐฯ หวังคานอำนาจกับจีนในพื้นที่แถบอินโด-แปซิฟิก   โดยสหรัฐฯ จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนกิจการด้านความมั่นคงของปาปัวนิวกินี โดยเฉพาะการฝึกเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกองทัพของปาปัวนิวกินี พร้อมท้ังจะขยายความร่วมมือไปยังมิติอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจ การรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ รวมถึงการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม   ก่อนที่ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย และบลิงเคน จะเดินทางเข้าหารือกับบรรดาผู้นำประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกจำนวน 14 คน ที่กรุงพอร์ตมอร์สบี เมืองหลวงของปาปัวนิวกินี นับเป็นงานการประชุมครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศแห่งนี้ ตั้งแต่การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อปี 2018   โดยโมดีได้แสดงจุดยืนว่า “เราต่างเชื่อมั่นในความร่วมมือพหุภาคี เราสนับสนุนอินโด-แปซิฟิกที่เสรี เปิดกว้าง และโอบรับความหลากหลาย เราเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของทุก ๆ ประเทศ”   แม้ทางการจีนจะไม่ได้มีข้อขัดข้องกับความร่วมมือที่เกิดขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และปาปัวนิวกินี แต่ก็แสดงความกังวลใจไม่น้อยถึงกรณีการเพิ่มจำนวนกองกำลังสหรัฐฯ เข้ามายังภูมิภาคดังกล่าวนี้ ซึ่งอาจทำให้เกิดเกมภูมิรัฐศาสตร์ที่ดุเดือดยิ่งขึ้นระหว่างสองมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐฯ ภายในภูมิภาค…

บาดหมางไปอีก! จีนสั่งบ.เทคฯ เลิกใช้ชิป ‘ไมครอน’ ของสหรัฐฯ

Loading

    รัฐบาลจีนมีคำสั่งเมื่อวันอาทิตย์ ให้ผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้ยุติการใช้ชิปจากบริษัทไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology Inc.) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ นับเป็นการยกระดับความบาดหมางระหว่างรัฐบาลปักกิ่งและรัฐบาลวอชิงตันในประเด็นเทคโนโลยีและความมั่นคง ตามรายงานของเอพี   หน่วยงาน Cyberspace Administration of China หรือ CAC ของจีน ออกแถลงการณ์ความยาว 6 บรรทัด โดยไม่ได้ให้รายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติมเมื่อวันอาทิตย์ว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทไมครอนมี “ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของเครือข่ายอย่างร้ายแรง” ที่ไม่สามารถระบุได้ ซึ่งเป็นอันตรายของโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลของจีนและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ   ทาง CAC ระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า “ผู้ให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลสำคัญของจีนควรหยุดซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทไมครอน”   เมื่อวันที่ 4 เมษายน ทางการจีนสั่งตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของบริษัทไมครอน เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐฯ และพันธมิตรบังคับใช้มาตรการจำกัดการส่งออกสินค้าเทคโนโลยี เพื่อลดโอกาสการเข้าถึงเทคโนโลยีชิปประมวลผลขั้นสูงและเทคโนโลยีอื่น ๆ ของจีน ที่สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่นมองว่าจีนอาจนำไปใช้พัฒนาอาวุธได้ ในช่วงเวลาที่จีนข่มขู่คุกคามและยกระดับความก้าวร้าวต่อไต้หวัน ญี่ปุ่น และประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียมากขึ้น   ทางการจีนเตือนว่าจะมีผลที่ตามมาจากมาตรการดังกล่าว แต่ดูเหมือนจะหาทางตอบโต้โดยไม่ให้กระทบกับการผลิตสมาร์โฟนหรืออุตสาหกรรมอื่น ๆ…

สหรัฐเพิ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงเอเชีย-ไทย หวังสกัดอิทธิพลจีน

Loading

    นายลอยด์ เจ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุว่า การของบประมาณสำหรับความริเริ่มในการป้องปรามแปซิฟิก (Pacific Deterrence Initiative : PDI) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 40% โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในวงกว้างของกระทรวงกลาโหมสหรัฐในการขยายอิทธิพลแซงหน้าจีน   “เรากำลังมุ่งความสนใจไปยังการก้าวนำหน้าจีนตามยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ” นายออสติน กล่าวต่อสมาชิกคณะกรรมาธิการงบประมาณวุฒิสภาเมื่อวันอังคาร ที่ 16 พ.ค. พร้อมระบุว่า “จีนเป็นคู่แข่งรายเดียวของเรา โดยจีนมีความตั้งใจ และมีศักยภาพที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในการเปลี่ยนระบบสากลเพื่อให้สอดคล้องกับความเผด็จการของตน”   นายออสติน ระบุว่า ขณะนี้กระทรวงกลาโหมสหรัฐกำลังทุ่มงบประมาณมากขึ้นในด้านตำแหน่งทางทหารในแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงงบประมาณ 9.1 พันล้านดอลลาร์สำหรับโครงการ PDI เพื่อเป็นการยับยั้งจีน   ขณะเดียวกัน นายออสติน ระบุว่า หลายประเทศในอินโด-แปซิฟิกมีความสนใจที่จะรักษาภูมิภาคให้มีการเปิดกว้างด้านการค้าเสรีเช่นเดียวกับสหรัฐ   นอกจากนี้ นายออสติน ระบุว่า สหรัฐได้พยายามเพิ่มการระดมกำลังสินทรัพย์ไปยังญี่ปุ่น เช่น การวางแผนที่จะจัดตั้งหน่วยนาวิกโยธินที่ 12 (12th Marine Littoral Regiment)…