ประท้วงเรียกร้องสิทธิคนผิวสีลุกลามทั่วยุโรป!

Loading

Protest against police brutality and the death in Minneapolis police custody of George Floyd, in Nantes ตำรวจปราบจลาจลในหลายประเทศของยุโรปยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายผู้ชุมนุมในหลายเมืองของยุโรปในสุดสัปดาห์ ที่ออกมาเรียกร้องสิทธิให้กับคนผิวสีเช่นเดียวกับการประท้วงในอเมริกา ที่กรุงปารีส บรรดาผู้ประท้วงรวมตัวกันที่ Place de la Republique พร้อมตะโกนคำว่า “ไม่มีความยุติธรรม ไม่มีความสงบ” และเกิดการปะทะกันกับตำรวจหลังจากการประท้วงอย่างสงบผ่านไปราวสามชั่วโมง การเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันที่ถูกตำรวจใช้เข่ากดคอไว้จนเสียชีวิตเมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้ชาวฝรั่งเศสจำนวนมากลุกขึ้นเพื่อต่อต้านการปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมต่อประชาชนผิวสีในฝรั่งเศสเช่นกัน ส่วนที่เมืองมาร์กเซย์ล มีรายงานผู้ประท้วงจุดไฟเผาถังขยะและขว้างปาก้อนหินใส่ตำรวจ และที่กรุงลอนดอน อังกฤษ เกิดการปะทะกันระหว่างผู้เดินขบวนสองกลุ่มคือกลุ่มเรียกร้องสิทธิคนผิวสีกับกลุ่มขวาจัด บริเวณสถานีรถไฟวอเตอร์ลู มีการจุดดอกไม้เพลิง และขว้างปาก้อนหินใส่ตำรวจในหลายพื้นที่ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ทวีตข้อความประณามการก่อความรุนแรงตามท้องถนน และระบุว่าใครก็ตามที่ทำร้ายตำรวจจะต้องเผชิญกับการปราบปรามตามกฎหมาย ตำรวจอังกฤษแถลงว่าได้จับกุมผู้ประท้วง 5 คนที่ก่อเหตุรุนแรงและทำร้ายตำรวจ และมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 6 ราย กลุ่มอนุรักษ์นิยมขวาจัด ระบุว่าพวกตนพยายามปกป้องวัฒนธรรมของอังกฤษ โดยเฉพาะอนุสาวรีย์ต่าง ๆ…

ขบวนการชุมนุมประท้วงในสหรัฐฯกับทั่วโลก: อะไรคือความเหมือน

Loading

ที่มาภาพ: https://www.nytimes.com/2020/06/01/us/floyd-protests-live.html Written by Kim เมื่อชาวอเมริกันนึกถึงการปกครองแบบอำนาจนิยม ที่ผู้นำเผด็จการข่มขู่จะใช้กำลังทหารกับผู้ประท้วง ประกาศเคอร์ฟิวห้ามการรวมกลุ่มของประชาชนรวมทั้งคุกคามและข่มขู่สื่อมวลชน พวกเขามีแนวโน้มจะคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเหตุการณ์ในกรุงไคโรมากกว่ามินนิแอโพลิส การวิพากษ์วิจารณ์จากประเทศต่าง ๆ เช่น จีน ซึ่งคุมขังชาวอุยกูร์นับล้านคนในค่าย อาจพูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงใจ แต่เมื่อ “การตอบสนองดีที่สุดของสหรัฐฯแย่กว่าประเทศอื่น” ข้อโต้แย้งดังกล่าวก็หายไป การตอบสนองการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาของสหรัฐฯ ประกอบกับภัยพิบัติทางเศรษฐกิจและการประท้วงในห้วงปัจจุบัน ทำให้จุดยืนระหว่างประเทศของสหรัฐฯตกต่ำอย่างรวดเร็ว ขณะที่ประชาคมโลกหมดหวังกับผู้นำที่น่าเชื่อถือและมีความรับผิดชอบ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเพิกเฉยต่อความไม่เท่าเทียม การกดขี่และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมที่นำไปสู่การฟื้นคืนของการประท้วงทั่วโลกในปี 2019 ทั้งนี้ สหรัฐฯในฐานะผู้นำระดับโลกกลายเป็นพวกเดียวกันกับประเทศต่าง ๆ ที่เคยประสบเหตุการณ์ความไม่สงบอย่างคาดไม่ถึง[1]           ห้วงเวลาหลายปีที่ชาวอเมริกันมองดูการเร่งปฏิกิริยาของขบวนการประท้วง จากสิ่งที่เรียกว่าการปฏิวัติสี (Color Revolutions)[2] ที่เกิดขึ้นในประเทศที่แยกตัวจากอดีตสหภาพโซเวียตในช่วงกลางปี 2000 จนถึง Arab spring[3] ซึ่งครอบงำพาดหัวข่าวเมื่อต้นปี 2011 ต่อเนื่องจนถึงต้นปี 2020 ผู้ประท้วงชุมนุมบนท้องถนนเรียกร้องความยุติธรรม การปฏิรูปการเมืองและความรับผิดชอบในซูดาน อัลจีเรีย ชิลี ฮ่องกง เลบานอน และอีกหลายประเทศจากแอฟริกาเหนือถึงอเมริกาใต้           การประท้วงในสหรัฐฯ กรณีการเสียชีวิตของ George Floyd ชายผิวดำในระหว่างการเข้าควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในมลรัฐมินนิโซตา สะท้อนให้เห็นความเสื่อมถอยของอำนาจทางศีลธรรม (Moral Authority) รัฐบาลประธานาธบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกวิจารณ์โดยประเทศที่ปกครองแบบอำนาจนิยม ซึ่งสหรัฐฯเคยเรียกหาความรับผิดชอบเกี่ยวกับประวัติที่น่าสังเวชด้านสิทธิมนุษยชน จากปักกิ่งถึงเตหะราน คำวิจารณ์จากจีน ซึ่งคุมขังชาวอุยกูร์นับล้านคนในค่ายอาจพูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงใจ แต่เมื่อ “การตอบสนองดีที่สุดของสหรัฐฯแย่กว่าประเทศอื่น” ข้อโต้แย้งดังกล่าวก็หายไป…

ฮ่องกงฮือ “ประท้วง” กม.ความมั่นคงชาติจีน ตร.ยิงแก๊สน้ำตา-เตือนแล้วห้ามชุมนุม

Loading

ฮ่องกงฮือ “ประท้วง” – วันที่ 24 พ.ค. ซีเอ็นเอ็น รายงานสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่หวนระอุใน ฮ่องกง อีกครั้ง หลังจากตำรวจและเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลยิง แก๊สน้ำตา รวมถึง สเปรย์พริกไทย ใส่กลุ่มผู้ชุมนุมหลายพันคนที่รวมตัวเดินขบวนต่อต้าน ร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง ซึ่งสภาประชาชนแห่งชาติจีน (เอ็นพีซี) จะพิจารณาและลงมติในสัปดาห์หน้า ท่ามกลางความหวาดวิตกของชาวฮ่องกงจำนวนมากที่เกรงว่า กฎหมายฉบับนี้จะเป็นเครื่องมือเพื่อเปิดทางให้รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่สามารถควบคุมและแทรกแซงการปกครองฮ่องกงได้ Protesters march on a road during a pro-democracy rally against a proposed new security law in Hong Kong on May 24, 2020. (AFP) รายงานระบุว่ากลุ่มผู้ประท้วงเริ่มเดินขบวนเมื่อช่วงเที่ยงของวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น เริ่มเดินจากย่านคอสเวย์เบย์ ศูนย์กลางการค้าปลีกขนาดใหญ่ของฮ่องกง โดยผู้ประท้วงหลายคนตะโกนวลีที่ว่า “ปลดแอกฮ่องกง การปฏิวัติแห่งยุคสมัยของเรา” อีกหลายคนโบกธงสีน้ำเงินแสดงถึงการสนับสนุนการแยกดินแดนเป็นเอกราชจากจีน พร้อมตะโกนว่า “ฮ่องกงเป็นเอกราชคือทางออกทางเดียว” น.ส.เมซี หว่อง วัย 26 ปี หนึ่งในผู้ประท้วง กล่าวว่าไม่หวาดกลัวหากจะถูกดำเนินคดีจากการกล่าวถ้อยคำส่งเสริมการแยกดินแดน และว่าอิสรภาพคือเป้าหมายระยะยาวของฮ่องกง แม้จะไม่สามารถบรรจุจุดมุ่งหมายได้ในอนาคตอันใกล้ แต่นั่นคือสิ่งที่ชาวฮ่องกงต้องการมากที่สุด ด้าน นายวินเซนต์ ชายวัย 25 ปี…

จบกัน จีนดันกม.ความมั่นคงกำราบฮ่องกง ขณะฝ่ายปชต.ปลุกม็อบนับล้านต้าน

Loading

นักเคลื่อนไหวและ ส.ส.ฝ่ายประชาธิปไตยฮ่องกงแถลงข่าวตอบโต้การเสนอกฎหมายความมั่นคงเข้าสภาของจีนเมื่อวันศุกร์ ไม่รอสภาฮ่องกงแล้ว พรรคคอมมิวนิสต์จีนเสนอกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติเข้าสภาตรายางของจีนในวันศุกร์ กำราบพวกกบฏแบ่งแยกดินแดนปลุกปั่นโค่นล้มระบอบในฮ่องกง ฝ่ายประชาธิปไตยพิโรธ ระบุเป็นอวสานของฮ่องกง ประกาศระดมคนหลายล้านประท้วงต่อต้านสุดสัปดาห์นี้ ร่างกฎหมายความมั่นคงที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเสนอเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนประชาชนจีน (เอ็นพีซี) ในวันเปิดประชุมประจำปีเช้าวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม เป็นผลต่อเนื่องจากคำเตือนซ้ำหลายครั้งของบรรดาผู้นำในพรรคว่าจีนจะไม่ทนอดกลั้นกับการต่อต้านขัดขืนในฮ่องกงอีกต่อไป หลังจากเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ของฝ่ายประชาธิปไตยที่ยืดเยื้อยาวนาน 7 เดือนเมื่อปีที่แล้ว เอเอฟพีรายงานว่า กฎหมายฉบับนี้จะเป็นการบังคับใช้มาตรา 23 ของกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกง ที่ห้าม “การก่อกบฏ, การแบ่งแยกดินแดน, การปลุกปั่นให้ขัดขืนอำนาจปกครอง และการบ่อนทำลาย” รัฐบาลจีน ซึ่งไม่เคยถูกนำมาบังคับใช้เนื่องจากการต่อต้านของชาวฮ่องกงที่เห็นว่าเป็นกฎหมายที่ทำลายสิทธิพลเมืองของพวกเขา ภายใต้รูปแบบกึ่งปกครองตนเองตามหลักหนึ่งประเทศ สองระบบ ที่จีนให้คำมั่นไว้ภายหลังรับมอบเกาะศูนย์กลางการเงินแห่งนี้คืนจากอังกฤษเมื่อปี 2550 เมื่อปี 2556 สภานิติบัญญัติของฮ่องกงเคยพยายามผ่านมาตรานี้ แต่ก็ต้องยกเลิกเนื่องจากชาวฮ่องกงราว 500,000 คนออกมาเดินขบวนประท้วงต่อต้าน ความพยายามผลักดันกฎหมายนี้อีกครั้งเมื่อปีที่แล้วกลับเผชิญการต่อต้านหนักหน่วงยิ่งกว่าเก่า หวัง เฉิน รองประธานคณะกรรมการประจำของเอ็นพีซี กล่าวอย่างชัดเจนเมื่อวันศุกร์ว่า ร่างกฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อกำราบขบวนการประชาธิปไตยของฮ่องกง “เราต้องใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกัน, หยุดยั้ง และลงโทษพวกเขาตามกฎหมาย” หวังกล่าวถึงขบวนการต่อต้านจีนในฮ่องกง การดำเนินการของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะข้ามกระบวนการทางนิติบัญญัติของฮ่องกงโดยถือเป็นการผ่านกฎหมายจากสภาแห่งชาติ หวังกล่าวว่าความล่าช้าในการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงของฮ่องกงบังคับให้ผู้นำจีนต้องดำเนินการเอง “เป็นเวลานานกว่า 20 ปีแล้วนับแต่รับมอบฮ่องกงคืนมา ที่กฎหมายเหล่านี้ยังไม่ได้บังคับใช้เพราะการลอบทำลายและขัดขวางโดยพวกที่พยายามหว่านปัญหาในฮ่องกงและจีน…

ม็อบประชาธิปไตยเมินเว้นระยะห่าง ชุมนุมกลางห้างเย้ยวันเกิดผู้นำฮ่องกง

Loading

รอยเตอร์ – ผู้ประท้วงฝักใฝ่ประชาธิปไตยหลายร้อยคนรวมตัวกันตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทั่วฮ่องกงในวันพุธ (13พ .ค.) เพิกเฉยต่อกฎระเบียบเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อเยาะเย้ยผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษแห่งนี้ ในวันคล้ายวันเกิดของเธอ ตำรวจทั้งในชุดปราบจลาจลและนอกเครื่องแบบ เข้าไปในห้างสรรพสินค้าบางแห่ง และมีผู้ชุมนุมถูกจับกุมอย่างน้อย 1 คนหลังจากพวกเจ้าหน้าที่ใช้สเปรย์พริกไทยผลักดันพวกผู้ประท้วงให้ล่าถอยไป ความวุ่นวายที่ทำให้ร้านค้าเกือบทั้งหมดต้องปิดทำการ เหตุการณ์นี้ถือเป็นสัญญาณแห่งสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยทางสังคมล่าสุดที่คืนชีพขึ้นมาอีกครั้งในฮ่องกง หลังจากเมืองแห่งนี้ค่อนข้างประสบความสำเร็จในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งจนถึงวันพุธ (13พ.ค.) ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,051 คนและเสียชีวิต 4 ราย แม้รัฐบาลอนุญาตให้บาร์, โรงยิมและโรงภาพยนตร์กลับมาเปิดทำการ ส่วนข้าราชการก็เริ่มกลับมาทำงานแล้ว แต่พวกเขายังคงคำสั่งห้ามประชาชนรวมกลุ่มกันเกิน 8 คน ลัม ซึ่งมีอายุครบ 63 ปี และเป็นผู้นำที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุดของฮ่องกง นับตั้งแต่อังกฤษส่งมอบเกาะแห่งนี้คืนสู่อ้อมอกของจีนในปี 1997 พยายามผลักกันร่างกฎหมายฉบับหนึ่งซึ่งจะเปิดทางส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีในจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อปีที่แล้ว โหมกระพือการประท้วงที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากและบ่อยครั้งได้เลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรง “ผมอวยพรให้ แคร์รี ลัม มีอายุยืนๆ เพื่อที่เธอจะได้อยู่รับผิดชอบการตัดสินใจต่างๆ ของเธอ” เคน ผู้ประท้วงวัย 20 ปีกล่าว “เราจะเดินหน้าขัดขืนต่อไป หากเราไม่พยายามสู้ พวกเขาจะพยายามปราบปรามเราหนักหน่วงขึ้น” ที่ห้างสรรพสินค้านิว ทาวน์…

มิชิแกนประท้วงดุล็อคดาวน์โควิด-19 พกปืนบุกเข้าสภา

Loading

วันนี้ ( 1 พ.ค. 63 )ผู้ประท้วงมาตรการล็อคดาวน์โควิด19 ในรัฐมิชิแกนหลายร้อยคน โดยมีหลายคนพกปืนซึ่งรวมไปถึงปืนไรเฟิล บุกเข้าไปประท้วงภายในอาคารสภาของรัฐมิชิแกน ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองแลนซิ่ง ผู้ประท้วงเรียกร้องกดดันให้ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน ยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์ และให้ธุรกิจกลับมาเปิดทำการได้ทันทีในวันนี้ 1 พฤษภาคม การพกปืนเข้าไปภายในอาคารสภา สามารถทำได้ไม่ผิดกฎหมายในรัฐมิชิแกน และผู้ประท้วงหลายคนได้พกปืนอย่างเปิดเผย เข้าไปภายในส่วนของวุฒิสภา ทำให้วุฒิสภาหลายคนถึงกับต้องสวมเสื้อกันกระสุน ผู้ประท้วงจำนวนมากไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย และไม่รักษาระยะห่างโซเชียล ดิสแทนซิ่ง ซึ่งเป็นการละเมิดคำสั่งล็อคดาวน์ แต่ตำรวจได้มีการตรวจวัดไข้ ก่อนที่จะปล่อยให้ผู้ประท้วงบางส่วน เข้าไปภายในสภาได้ ในขณะที่ผู้ประท้วงส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ด้านนอกของอาคารสภา  มีผู้สมัครสมาชิกสภารัฐมิชิแกนจากพรรครีพับลิกันบางคน ออกมาสนับสนุนการประท้วงด้วย การประท้วงเมื่อวานนี้ นับเป็นการประท้วงมาตรการล็อคดาวน์ ที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุดอีกครั้งหนึ่งในรัฐมิชิแกน หลังจากเคยเกิดการประท้วงครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา โดยผู้ประท้วงใช้วิธีนั่งนิ่งเฉยอยู่ภายในรถพร้อมกับบีบแตรเสียงดังสนั่น จงใจทำให้การจราจรติดขัดบนถนนรอบอาคารสภามิชิแกน การประท้วงในวันนั้น ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ได้มีการทวิตข้อความ “ปลดปล่อยมิชิแกน” สนับสนุนการประท้วงด้วย การประท้วงเกิดขึ้นในขณะที่ภายในสภารัฐมิชิแกน ซึ่งพรรครัฐบาลรีพับลิกันครองเสียงข้างมาก มีการลงมติไม่รับรองการประกาศขยายเวลาล็อคดาวน์ของ เกรทเช่น วิตเมอร์ ผู้ว่าการหญิงรัฐมิชิแกน ที่มาจากพรรคฝ่ายค้านเดโมแครตส์ หลังจากวิตเมอร์เพิ่งประกาศขยายเวลาภาวะฉุกเฉินและมาตรการล็อคดาวน์โควิด19 ที่เพิ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา…