อีกมุมมอง “ต่างชาติซื้อบ้าน” ได้ กรณีศึกษาแนวทาง-ข้อกังวล

Loading

  จากกรณีวาระร้อนช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กับการปลดล็อกเงื่อนไขการลงทุนที่หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการเปิดทางให้ต่างชาติซื้อบ้านและที่ดินในไทยได้ นำไปสู่ข้อครหา “ขายชาติ!” ที่หลายฝ่ายยังถกเถียงว่าเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่? ในบริบทที่ว่านี้ ผู้เขียนจึงขอพา “คุณผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์” มาลองมองอีกมุมมองจากประเทศอื่นๆ เช่น “ญี่ปุ่น” กันดูว่า “ทำไมเขาถึงกล้าให้คนชาติอื่นเข้ามาจับจองซื้ออสังหาริมทรัพย์ในบ้านตัวเอง โดยไม่สนคำครหาเช่นเดียวกับไทยนี้บ้าง?” ผ่าน “กรณีศึกษา” แนวทางและวิธีการที่เป็นไปได้ แต่ก่อนอื่นนั้น… ต้องมาย้อนดูมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 กันยายน 2564 อีกครั้ง เพื่อไล่เรียงทีละข้อว่า รายละเอียดที่ถูกพูดถึงกันมาก และกลายเป็นคำกล่าวหา “ขายชาติ” มีเช่นไรบ้าง? การเปิดทางให้ “ต่างชาติซื้อบ้าน” ในไทยได้นั้น เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน เพื่อหวังดึงดูดชาวต่างชาติที่มี “ศักยภาพสูง” ซึ่งเป็นข้อเสนอของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่มีทั้งหมด 7 ข้อด้วยกัน และที่ว่านี้ก็อยู่ในข้อที่ 2 โดยระบุว่า “มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) พิจารณาความเหมาะสมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาวใหม่ รวมทั้งข้อยกเว้นและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ (1)…

โฆษก กต. เผยกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นเตือนพลเมืองที่อยู่ในภูมิภาคอาเซียน เกี่ยวกับเหตุก่อการร้าย

Loading

นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ   กระทรวงการต่างประเทศของไทยยอมรับว่า ทางการญี่ปุ่นได้ส่งอีเมลแจ้งคนญี่ปุ่นที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งไทยให้ระมัดระวังอาจมีการก่อการร้ายจริง นายธานี แสงรัตน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนกรณีกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นแจ้งคนญี่ปุ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ระมัดระวังอาจมีการก่อการร้ายนั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจสอบเบื้องต้นกับสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยแล้ว พบว่า 1. เป็นการส่งอีเมลนี้ไปยังคนญี่ปุ่นในไทย เป็นคำสั่งที่ได้รับมาจากกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ได้ระบุที่มาของข้อมูล และสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นไม่ได้ทราบข้อมูลที่มากไปกว่านี้ 2. กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นสั่งการให้ส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยังคนญี่ปุ่นที่อยู่ในภูมิภาคแถบนี้ ไม่ใช่เฉพาะไทย   นอกจากอีเมลแล้ว บนเว็บไซต์ทางการของญี่ปุ่น www.anzen.mofa.go.jp ยังแจ้งเตือนพลเมืองญี่ปุ่นในไทยด้วย   บีบีซีไทยได้สอบถามไปยังสำนักข่าวสารญี่ปุ่น สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (13 ก.ย.) ได้รับคำอธิบายในทิศทางเดียวกันกับคำชี้แจงของโฆษกกระทรวงต่างประเทศของไทยว่า คำเตือนดังกล่าวมาจากกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น และระบุว่าข้อความดังกล่าวเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น เพราะต้องการสื่อสารเฉพาะกลุ่มชาวญี่ปุ่นในต่างประเทศ ทั้งนี้ คำเตือนทั้งบนเว็บไซต์ของกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นและเนื้อหาในอีเมลที่ส่งมาให้กับพลเมืองญี่ปุ่นในไทยลงวันที่เดียวกันคือ 12 ก.ย. เวลาประมาณ 17.00 น. โดยมีเนื้อหาสำคัญคือ พบว่ามีข้อมูลที่เป็นไปได้ที่จะเกิดการโจมตีก่อการร้ายด้วยระเบิดฆ่าตัวตายในหลายพื้นที่ที่มีผู้ชุมนุมกัน เช่น ศาสนาสถาน เป็นต้น จึงเรียกร้องให้พลเมืองญี่ปุ่นพึงระวังตัวให้เต็มที่ สำหรับเนื้อหาของอีเมลแจงดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์และได้รับความสนใจของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือเพจ “Drama Addict” ซึ่งมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมากกว่า 2.8 ล้านคน…

หนุ่มญี่ปุ่นโดนไล่ออก หลัง ‘ทุจริต’ สมัครงาน โกหกจบแค่ม.ปลาย ทั้งที่จบมหาลัย

Loading

  เจ้าหน้าที่เทคนิคญี่ปุ่นโดนไล่ออก หลัง ‘ทุจริต’ สมัครงานของคนที่จบวุฒิม.ปลาย ทั้งที่ตัวเองจบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย อ้าง ‘กลัวทำข้อสอบไม่ผ่าน’ ณ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น ได้มีคำสั่งลงโทษทางวินัย โดยการให้ ‘ออกจากงาน’ กับเจ้าหน้าที่เทคนิคชาย วัย 44 ปีรายหนึ่ง ของสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่าเขาได้รับการว่าจ้าง หลังจากที่ผ่านการทดสอบการคัดเลือกงานด้านแรงงาน ที่มีคุณสมบัติจำกัด เฉพาะผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเท่านั้น แต่ชายรายนี้กลับจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี ตามประกาศได้ระบุว่าชายคนนี้ได้สอบผ่าน และผ่านการคัดเลือกพนักงานในปี 2543 โดยเขาได้โกหกว่าตนนั้นจบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเท่านั้น ก่อนจะกลายเป็นลูกจ้างของเมืองในปี 2544 จนกระทั่งมีการพบข้อมูลการโกหก และบิดเบือนข้อมูลภูมิหลังทางการศึกษาของพนักงานชายคนดังกล่าว ว่าข้อมูลนั้นเป็น ‘ข้อมูลเท็จ’     โดยชายรายนี้ได้ให้เหตุที่เขาโกหกเรื่องวุฒิการศึกษานั้นก็เพราะว่า ‘กลัวทำข้อสอบการรับเข้าทำงานของระดับปริญญาตรีไม่ผ่าน’ ทั้งนี้เนื้อหาในการสอบขณะนั้นจะประกอบไปด้วยการศึกษาทั่วไปการทดสอบสมรรถภาพทางกาย องค์ประกอบ การสัมภาษณ์ และการตรวจร่างกาย โดยในขณะนั้นชายคนนี้มีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น ซึ่งภูมิหลังทางการศึกษาจะอยู่ในขั้นสุดท้ายของการรายงานตัว จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เห็นว่า ประเทศญี่ปุ่นนั้นให้ความสำคัญกับการ ‘ทุจริต’ เป็นอย่างมาก เพราะการกระทำดังกล่าวนั้นมีเจตนาปิดบังข้อมูล…

หน่วยงานรัฐบาลญี่ปุ่นพบข้อมูลรั่วไหล หลังมีการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

Loading

  ศูนย์ความพร้อมรับมือและยุทธศาสตร์ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติของญี่ปุ่น (NISC) และกระทรวงอีก 2 แห่งของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า พบการเข้าถึงเครื่องมือที่ใช้ในการแชร์ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งผลให้ข้อมูลรั่วไหล โดยเครื่องมือดังกล่าวพัฒนาโดยบริษัทฟูจิตสึ ซึ่งได้ทำสัญญาเป็นผู้ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ กระทรวงต่างประเทศและกระทรวงคมนาคมซึ่งได้รับผลกระทบในครั้งนี้ระบุว่า ข้อมูลที่รั่วไหลเป็นอีเมลอย่างน้อย 76,000 รายการของเจ้าหน้าที่รัฐบาลและหน่วยงานภายนอก เช่น สมาชิกคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ และเอกสารการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างรัฐบาลดิจิทัล NISC ระบุว่า ชื่ออุปกรณ์และกำหนดการซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบนั้น ได้รั่วไหลไปสู่บุคคลภายนอก อย่างไรก็ดี หน่วยงานรัฐบาลทั้งสามแห่งระบุว่า ระบบภายในขององค์กรยังคงทำงานได้ตามปกติ ทางด้านนายคัตสึโนบุ คาโตะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นในฐานะโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นแถลงต่อสื่อมวลชนว่า รัฐบาลจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ และกล่าวว่า “คาดว่าจะมีการโจมตีระบบโครงข่ายเกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิก”   ——————————————————————————————————————————————————— ที่มา :  สำนักข่าวอินโฟเควสท์       / วันที่เผยแพร่  27 พ.ค. 64 Link : https://www.infoquest.co.th/2021/91007

เอาล่ะสิ… 1.7 ล้านคนข้อมูลส่วนตัวรั่ว หลังแอพพ์หาคู่ยอดนิยมของญี่ปุ่น “ถูกแฮกข้อมูล”!!!

Loading

  เอเอฟพี รายงานว่า บริษัท Net Marketing Co ผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นหาคู่โอมิไอ (Omiai) ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นหาคู่ยอดนิยมของญี่ปุ่น ออกมาเตือนว่า มีข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการราว 1.7 ล้านรายถูกแฮก โดยบริษัทตรวจพบการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เก็บข้อมูลสมาชิก “เรารับทราบมาว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่ข้อมูลส่วนตัวของสมาชิกบางรายมีการรั่วไหลออกไป เนื่องจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตดังกล่าว “บริษัทกล่าวในแถลงการณ์ ซึ่งระบุว่ารูปถ่ายในใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ และรูปถ่ายในหนังสือเดินทางที่บรรดาสมาชิกถูกขอให้ส่งเพื่อตรวจสอบอายุเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลส่วนตัวที่ได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 20-26 เมษายน อย่างไรก็ตามสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิต ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีระบบประมวลผลแยกกัน ผ่านสถาบันทางการเงิน เอเอฟพี รายงานว่า แถลงการณ์ของบริษัท Net Marketing Co ที่มีออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคมส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทตกลง 19.34 % อนึ่ง โอมิไอ (Omiai) มีความหมายในภาษาญี่ปุ่นหมายถึงการจับคู่ เป็นหนึ่งในแอพพ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยเน้นความสัมพันธ์ที่จริงจัง และจากข้อมูลเมื่อเดือนเมษายนพบว่ามีสมาชิกราว 6.89 ล้านคน   ——————————————————————————————————————————————– ที่มา : มติชนออนไลน์     / วันที่เผยแพร่ …

ส่องานเข้า คนขับรถไฟชิงกันเซ็งแวบเข้าห้องน้ำ ปล่อยรถวิ่ง 150 กม./ชม.

Loading

  คนขับรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่นอาจถูกลงโทษ หลังเขาออกไปเข้าห้องน้ำนานหลายนาที ในขณะที่รถไฟวิ่งด้วยความเร็วถึง 150 กม./ชม. สำนักข่าว บีบีซี รายงานในวันที่ 21 พ.ค. 2564 ว่า บริษัท ‘เซ็นทรัล เจแปน เรลเวย์’ หรือ ‘เจอาร์ เซ็นทรัล’ ผู้ให้บริการรถไฟออกมาแสดงความขอโทษ หลังจากคนขับรถไฟความเร็วสูงของพวกเขา ลุกไปเข้าห้องน้ำ ขณะที่รถกำลังวิ่งด้วยความเร็วถึง 150 กม./ชม. แล้วให้พนักงานซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับรถไฟควบคุมรถแทน เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นบนรถไฟชิงกันเซ็งสายฮิคาริ หมายเลข 633 เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 16 พ.ค. ซึ่งในเวลานั้นบรรทุกผู้โดยสาร 160 คน โดย เจอาร์ เซ็นทรัล เผยว่า ขณะที่รถไฟกำลังเดินทางในจังหวัดชิซุโอกะ จู่ๆ คนขับรถไฟวัย 36 ปี ก็ปวดท้องต้องเข้าห้องน้ำโดยด่วน เขาจึงเรียกพนักงานรถไฟคนหนึ่งเข้ามาในห้อง แล้วออกไปเข้าห้องน้ำนานประมาณ 3 นาที เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของรถไฟสายฮิคาริ หมายเลข 633 อย่างไรก็ตาม เจอาร์…