ศาลสหรัฐฯ สั่งจำคุก 22 ปี หญิงแคนาดาพยายามวางยาพิษ “โดนัลด์ ทรัมป์”

Loading

  หญิงชาวแคนาดาวัย 56 ปี ถูกตัดสินจำคุก 22 ปีในสหรัฐฯ จากคดีส่งจดหมายเจือพิษไรซิน (Ricin) ให้กับ “โดนัลด์ ทรัมป์”   ปาสคาล เฟอร์ริเยร์ หญิงชาวแคนาดาวัย 56 ปี ถูกตัดสินจำคุก 22 ปีในสหรัฐฯ จากคดีส่งจดหมายเจือพิษไรซิน (Ricin) ให้กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ในเดือนกันยายน 2020 เมื่อครั้งที่เขายังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยเธอสารภาพผิดในข้อหาใช้อาวุธชีวภาพ   ซองจดหมายมรณะที่จ่าหน้าถึงทรัมป์ถูกสกัดไว้ได้ก่อนจะส่งไปยังทำเนียบขาว ซึ่งเฟอร์ริเยร์บอกกับศาลว่า เธอ “เสียใจที่แผนของเธอล้มเหลว” และเสียใจที่เธอ “หยุดทรัมป์ไม่ได้”     ในการชี้แจงต่อศาล เธอยังบอกด้วยว่า เธอมองว่าตัวเองเป็นนักเคลื่อนไหว ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย “ฉันต้องการหาวิธีสันติเพื่อบรรลุเป้าหมายของฉัน”   สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) รายงานว่า พบลายนิ้วมือของเธอในจดหมายที่ส่งถึงทรัมป์ ซึ่งมีเนื้อหาขอให้เขาถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยเธอเขียนว่า “ฉันมีชื่อใหม่ให้คุณแล้ว: ‘ตัวตลกเผด็จการอัปลักษณ์’”   แด็บนีย์…

FBI วิสามัญชายถือสไนเปอร์เล็งใส่เจ้าหน้าที่ หลังโพสต์ขู่ลอบสังหาร “โจ ไบเดน” ระหว่างบินเข้ายูทาห์

Loading

  เอเจนซีส์ – หน่วย SWAT ของ FBI บุกเข้าถึงบ้านเครก โรเบิร์ตสัน (Craig Robertson) ชายผู้ต้องสงสัยวัย 75 ปี สาวก MAGA ทรัมป์ พร้อมหมายจับและหมายค้นก่อนยิงเสียชีวิตคาบ้านพักที่รัฐยูทาห์เมื่อวันพุธ (9 ส.ค.) หลังเจ้าตัวถือปืนจ่อเจ้าหน้าที่ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน จะเดินทางเข้ารัฐในช่วงค่ำวันเดียวกัน พบชายผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวโพสต์ข้อความคุกคามในวันอาทิตย์ (6) ยืนยัน จะนำปืนสไนเปอร์ไรเฟิลแบบติดลำกล้อง M24 ของตัวเองออกมาขัดปัดฝุ่นไว้พร้อมต้อนรับ   เดอะการ์เดียน สื่อสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (10 ส.ค.) ว่า กลายเป็นเรื่องระทึกขวัญไปเมื่อเจ้าหน้าที่ FBI ได้ลงมือสังหารผู้ต้องสงสัยคุกคามการเดินทางเข้ามาในรัฐยูทาห์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน หลังชายผู้ต้องสงสัยเจ้าของปืนสไนเปอร์ไรเฟิลแบบติดลำกล้อง M24 ได้โพสต์ข้อความในวันอาทิตย์ (7) ทางโซเชียลมีเดีย เป็นข้อความคุกคามที่ส่อเพื่อต้องการลอบสังหารผู้นำสหรัฐฯ ระหว่างการเยือนรัฐยูทาห์   ทั้งนี้ พบว่าทีมหน่วย SWAT ของ…

จับตา ‘ไบเดน’ เยือน 3 ประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกสัปดาห์นี้

Loading

  ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีวาระสำคัญที่ต้องบรรลุในภารกิจ 8 วันในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ตั้งแต่การกระชับสัมพันธ์กับพันธมิตรอันยาวนานของสหรัฐฯ การสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะประธานาธิบดีอเมริกันคนแรกที่เยือนปาปัวนิวกินีในช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ และการตอกย้ำความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในแปซิฟิก   ไบเดนจะเยือนที่ไหนบ้าง?   จุดหมายปลายทางแรก ประธานาธิบดีไบเดน จะเยือนฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี 7 โดยนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ในฐานะประเทศเจ้าภาพ เลือกฮิโรชิมาบ้านเกิดของเขาเป็นสถานที่จัดการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเป็นพิกัดในประวัติศาสตร์ยุคสงคราม ที่สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่เมืองดังกล่าว เมื่อปี 1945   แม้สงครามจะสิ้นสุดไปหลายทศวรรษแล้ว แต่ความสำคัญของฮิโรชิมายังหยั่งรากลึกมาจนถึงปัจจุบัน ภายใต้สถานการณ์ที่รัสเซียได้ข่มขู่มาตลอดว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี (tactical nuclear weapons) ส่วนบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างเกาหลีเหนือก็เดินหน้าทดสอบนิวเคลียร์วิถีโค้ง และฝั่งอิหร่านเดินหน้าโครงการอาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง   จากญี่ปุ่น ปธน.ไบเดน จะสร้างประวัติศาสตร์ในการเยือนปาปัวนิวกินี เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการขยายอิทธิพลด้านการทหารและด้านเศรษฐกิจของจีนในภูมิภาค   ก่อนจะจบทริปด้วยการเยือนออสเตรเลีย เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดจตุภาคี หรือ Quad ร่วมกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียแอนโธนี อัลบาเนซี (Anthony Albanese) นายกรัฐมนตรีอินเดียนเรนทรา…

ไบเดนสั่งบริษัทเทคฯ คุมเข้มความปลอดภัยเอไอ หวั่นอันตรายต่อสังคม

Loading

U.S. President Joe Biden adjusts his microphone during a meeting with the President’s Council of Advisors on Science and Technology in the State Dining Room of the White House, April 4, 2023, in Washington.   ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กล่าวในวันอังคารว่า ต้องจับตามองกันต่อไปว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ จะเป็นอันตรายมากน้อยแค่ไหน พร้อมเน้นย้ำว่าบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ จะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการพัฒนาเอไอ   ปธน.ไบเดน กล่าวต่อที่ประชุมสภาที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่า ในอนาคตเอไออาจมีประโยชน์ในด้านการรักษาโรคและรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคงแห่งชาติ   ผู้นำสหรัฐฯ…

ร้ายแรงแค่ไหน กรณีพบเอกสารชั้นความลับที่ ปธน.ไบเดน ซุกไว้หลายฉบับ

Loading

    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กำลังถูกตั้งคำถาม กรณีมีการพบเอกสารชั้นความลับของรัฐบาลที่สำนักงานส่วนตัวและบ้านพักของเขาในเมืองเดลาแวร์ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังโดนสอบสวนเรื่องซุกเอกสารลับของทางราชการพอดี   คณะกรรมาธิการตุลาการ ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ขีดเส้นตายว่าในวันที่ 27 มกราคมนี้ จะต้องมีการเปิดเผยเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับกรณีเอกสารลับทั้ง 3 ชุด ของประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งผลการตรวจสอบล่าสุดยังพบว่า เอกสารบางฉบับในเอกสารลับชุดแรกประทับตราว่า “ลับที่สุด”   เอกสารลับชุดแรกจำนวน 10 ฉบับ เป็นเอกสารสมัยที่นายไบเดน ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในรัฐบาลบารัค โอบามา ถูกพบเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว ใน เพ็นน์ ไบเดน เซนเตอร์ สำนักงานเก่าส่วนตัวของนายไบเดน ใกล้กับทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตันดีซี โดยไบเดนใช้สำนักงานแห่งนี้เป็นสถานที่ทำงานในช่วงหลังพ้นจากการเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ จนถึงปี 2563   จากการสอบสวนพบว่า เอกสารลับบางฉบับของชุดแรก อยู่ในชั้นความลับ ระดับ “ลับสุดยอด” (top secret) ซึ่งเป็นเอกสารชั้นความลับระดับสูงสุด จากทั้งหมด 3 ระดับ ซึ่งรองลงมาระดับ…

เปรียบเทียบกรณีเอกสารลับ “ไบเดน-ทรัมป์” ใครร้ายแรงกว่า

Loading

  กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เริ่มสอบสวนกรณีพบเอกสารลับของทางการที่เกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีไบเดนสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีภายใต้รัฐบาลโอบามา โดยเอกสารลับที่พบมี 2 ชุด ชุดแรกเจอที่สำนักงานของไบเดนที่วอชิงตันดีซีซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้เป็นที่ทำงานหลังจากหมดวาระในฐานะรองประธานาธิบดีส่วนอีกชุดเจอที่บ้านของไบเดนที่รัฐเดลาแวร์ และในวันนี้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเริ่มสอบสวนกรณีพบเอกสารลับนี้แล้ว   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมอร์ริค การ์แลนด์ ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาพิเศษด้านกฎหมาย ให้ทำหน้าที่สอบสวนไบเดนว่าได้ดูแลจัดการเอกสารลับของทางการอย่างเหมาะสมหรือไม่   โดยการสอบสวนครั้งนี้นำโดยโรเบิร์ต เฮอร์ ซึ่งเคยได้รับการเสนอชื่อให้เป็นอัยการของรัฐฯ ในรัฐแมรีแลนด์สมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในปี 2017 และดำรงตำแหน่งมาจนถึงปี 2021   ในการสอบสวนนี้เขาจะทำหน้าที่กึ่งอัยการอิสระเพื่อตรวจสอบว่า เอกสารของทางการที่พบทั้ง 2 จุดได้รับการจัดเก็บอย่างถูกต้องหรือไม่และมีใครที่ทำผิดกฎหมายในกรณีนี้หรือไม่อย่างไร     ทั้งนี้เอกสารลับชุดแรกซึ่งมีทั้งหมด 10 รายการถูกพบที่สำนักงานคลังสมองในกรุงวอชิงตันดีซี ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไบเดนใช้ทำงานหลังจากที่หมดวาระจากการดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในสมัยของประธานาธิบดีโอบามา   โดยเรื่องนี้ถูกเปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เอกสารส่วนใหญ่ที่พบเป็นข้อมูลข่าวกรองของสหรัฐฯ รวมถึงมีรายงานสรุปเกี่ยวกับยูเครน อิหร่านและสหราชอาณาจักร   เอกสารลับบางส่วนเป็นข้อมูลลับสุดยอดของสหรัฐฯ และมีเอกสารที่ไม่ระบุประเภทซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐบัญญัติว่าด้วยบันทึกของประธานาธิบดี (Presidential Records Act)   ด้านประธานาธิบดีไบเดนได้ออกมาเปิดเผยว่า หลังจากที่ทนายความของเขาค้นพบเอกสารลับชุดแรก ก็ได้รีบติดต่อหอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯ ทันที และส่งเอกสารลับทั้งหมดให้หอจดหมายเหตุตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว   ไบเดน ระบุด้วยว่า รู้สึกประหลาดใจที่มีเอกสารลับดังกล่าวอยู่ในสำนักงานเก่าของเขา…