ตอลิบันปากีสถานบุกถล่มสำนักงานตำรวจการาจี เสียชีวิต 4 ราย

Loading

เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าประจำตำแหน่งใกล้กับสถานที่เกิดเหตุโจมตีสำนักงานตำรวจในเมืองการาจี ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ มีการยิงปะทะกันอย่างดุเดือด ก่อนมีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 4 ราย และกลุ่มตอลิบันปากีสถานออกมาอ้างความรับผิดชอบในการโจมตีดังกล่าว (Photo by STRINGER / AFP)   มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 4 ราย จากเหตุโจมตีสำนักงานตำรวจการาจีโดยกลุ่มหัวรุนแรงตอลิบันปากีสถาน และมีการปะทะตอบโต้กันด้วยปืนอย่างดุเดือดเป็นเวลาหลายชั่วโมง   เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 กล่าวว่า เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายบุกโจมตีสำนักงานตำรวจการาจีในประเทศปากีสถาน ก่อนยิงปะทะเดือดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจนมีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 4 ราย   การโจมตีตำรวจล่าสุดนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากเหตุระเบิดที่มัสยิดในเมืองเปชวาร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตกว่า 80 นาย   กลุ่มตอลิบันในปากีสถานออกมาอ้างว่าเป็นฝีมือของพวกตน โดยนักรบของกลุ่มทำการบุกโจมตีสำนักงานตำรวจการาจีที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนา และเป็นที่ตั้งของอาคารบริหารและที่พักอาศัยหลายสิบหลังของบรรดาเจ้าหน้าที่หลายร้อยคนและครอบครัวของพวกเขา   “มีผู้เสียชีวิต 4 รายจากเหตุโจมตี แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย, ทหารพราน 1 นาย และพนักงานสุขาภิบาล 1 คน”…

เหตุระเบิดโจมตีรถทหารปากีสถานสังหารเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 2 ราย

Loading

Baluchistan, Pakistan   เกิดเหตุโจมตีรถทหารในปากีสถานด้วยระเบิดในวันศุกร์ ซึ่งทำให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตอย่างน้อย 2 รายและบาดเจ็บหลายคน   เหตุระเบิดครั้งล่าสุดนี้ที่พุ่งเป้าไปยังหน่วยทหารของปากีสถานเกิดขึ้นในเขตโคห์ลู ซึ่งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลเมืองของจังหวัดบาลูจิสถาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ   แถลงการณ์จากกองทัพปากีสถานระบุว่า กองกำลังความมั่นคงกำลังเดินหน้าปฏิบัติการในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อ “จัดการเสรีภาพในการดำเนินการใด ๆ ของเหล่าผู้ก่อการร้าย” ขณะที่ มีผู้ปาระเบิดแสวงเครื่องเข้าใส่พาหนะของเจ้าหน้าที่   เจ้าหน้าที่ทหารที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับพันเอกนายหนึ่งและระดับร้อยเอกอีกนายหนึ่ง ขณะที่ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เปิดเผยว่า ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั้นถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงแล้ว โดยบางรายมี “อาการสาหัส”   ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาประกาศความรับผิดชอบต่อการโจมตีครั้งนี้ในพื้นที่ที่กลุ่มก่อความไม่สงบบาลูจมักทำการซุ่มโจมตีและวางระเบิดที่รถทางโดยพุ่งเป้าไปที่กองกำลังความมั่นคงอยู่เสมอ   เขตโคห์ลูนั้นเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นพื้นที่มั่นของ เฮียร์ไบแอร์ มาร์ริ หัวหน้ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนบาลูจ ซึ่งหลบหนีออกจากปากีสถานนานแล้ว และมีรายงานข่าวว่า กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในกรุงลอนดอน   ที่ผ่านมา กลุ่มก่อความไม่สงบบาลูจหลายกลุ่มเคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดนี้หลายครั้งและออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อการซุ่มโจมตีและการโจมตีด้วยระเบิดใส่กองกำลังความมั่นคงอยู่เนือง ๆ   จังหวัดบาลูจิสถานซึ่งเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของปากีสถานตั้งอยู่ติดชายแดนอิหร่าน     ที่มา: วีโอเอ       ————————————————————————————————————————- ที่มา :       …

กลุ่มก่อการร้ายโจมตีขบวนรถทหารปากีสถาน เสียชีวิต 1-บาดเจ็บนับสิบ

Loading

      เกิดเหตุโจมตีขบวนรถทหารของปากีสถานในวันอาทิตย์ ซึ่งส่งผลให้มีทหารเสียชีวิต 1 นายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 12 คนซึ่งรวมถึงพลเรือนด้วย   ชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถานและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เปิดเผยว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นพุ่งเป้ายังพาหนะของทหารที่กำลังวิ่งเข้าสู่จุดตรวจจุดหนึ่งที่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอยู่อย่างแน่นหนาในเมืองเควตตา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นบาลูจิสถาน   อย่างไรก็ตาม ตำรวจบาลูจิสถานและสื่อฝ่ายขวาของกองทัพไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งรายละเอียดของการโจมตีครั้งนี้ออกมา   แต่กลุ่มก่อการร้าย “ตาลีบันแห่งปากีสถาน” (Tehrik-i-Taliban Pakistan) ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยระบุว่า มือระเบิดฆ่าตัวตายรายหนึ่งของตนเป็นผู้ดำเนินการโจมตีเข้าใส่ขบวนรถทหาร   ทั้งนี้ กลุ่มก่อการร้ายที่ออกมาอ้างความรับผิดชอบการโจมตีต่าง ๆ มักอ้างตัวเลขความเสียหายสูงกว่าตัวเลขที่เป็นจริง   รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า มีผู้คนที่เดินผ่านที่เกิดเหตุได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 5 คน และทั้งหมดถูกส่งไปรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพลเรือนที่อยู่ใกล้ ๆ แล้ว   เหตุการณ์ความไม่สงบครั้งนี้เกิดขึ้นไม่ถึงสัปดาห์หลังเกิดเหตุระเบิดมัสยิดในเมืองเปชวาร์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คนและบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง โดยส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของกองกำลังตำรวจของแคว้นไคเบอร์ ปัคตุนควา โดยในเหตุการณ์ดังกล่าว ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ         ที่มา:  VOA    …

ปากีฯ เผย มือบึ้มสุเหร่า ปลอมเป็นตร. ขี่จักรยานยนต์ทะลวงแนวกั้น ก่อเหตุเขย่าขวัญ

Loading

    ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ ผู้บัญชาการตำรวจประจำจังหวัดไคเบอร์ปัคตุนควา ประเทศปากีสถานกล่าวว่า มือวางระเบิดฆ่าตัวตายที่ก่อเหตุโจมตีสุเหร่าแห่งหนึ่ง ในเมืองเปชวาร์ เมื่อวันที่ 30 มกราคม เป็นสมาชิกหนึ่งของเครือข่ายทางทหาร โดยผู้ก่อเหตุสวมชุดเครื่องแบบตำรวจและเข้าไปยังพื้นที่ที่มีการป้องกันแน่นหนาด้วยจักรยานยนต์   “ผมยอมรับว่ามันเป็นความหละหลวมทางความมั่นคง เจ้าหน้าที่ของผมไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ นี่เป็นความผิดของผม” โออัสซัม จาห์ อันซารี ผู้บัญชาการตำรวจนายนี้กล่าว   อันซารีระบุว่า วิดีโอจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่า มือระเบิดสวมหมวกกันน็อกพร้อมหน้ากากอนามัย และขี่จักรยานยนต์ผ่านจุดตรวจบริเวณแนวกั้นของตำรวจ จากนั้นก็ได้จอดจักรยานยนต์คันดังกล่าว สอบถามทิศทางไปยังสุเหร่าที่เกิดเหตุ และเดินไปยังที่หมายดังกล่าว   “เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนรักษาความปลอดภัยบริเวณทางเข้าคิดว่า มือระเบิดเป็นสมาชิกคนหนึ่งของหน่วย พวกเขาจึงไม่ได้ทำการตรวจสอบคนร้ายคนนี้” อันซารีกล่าว   สอดคล้องกับที่ผู้บัญชาการตำรวจกล่าวเมื่อวันก่อนหน้าว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนไม่กำจัดความเป็นไปได้ที่ว่า มือระเบิดอาจจะได้รับความช่วยเหลือจากคนใน ซึ่งผู้ต้องสงสัยหลายคนอยู่ในการควบคุมตัวของตำรวจ   ทั้งนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อผู้คนหลายร้อยคนมารวมตัวกันเพื่อละหมาดตอนเที่ยงที่สุเหร่าดังกล่าว ที่สร้างขึ้นเพื่อตำรวจและครอบครัวภายในแนวกั้นตำรวจที่มีความปลอดภัยสูง และยังเป็นครั้งที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในรอบทศวรรษของเมืองเปชวาร์ ที่ทนทุกข์จากความรุนแรงของกองกำลังอิสลามมาเป็นเวลาหลาย 10 ปี โดยผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้การโจมตีนี้เป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดต่อหน่วยงานความมั่นคงของปากีสถานในประวัติศาสตร์ล่าสุดของประเทศ   ด้านกลุ่ม เตห์รีก-อี-ทาลิบัน กองกำลังที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมากที่สุด และยังได้ก่อเหตุโจมตีตำรวจเพิ่มขึ้นในจังหวัดไคเบอร์ปัคตุนควาเพื่อต่อต้านรัฐบาล กลับปฏิเสธว่ากลุ่มตนไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดครั้งนี้  …

จับผู้ต้องหาหลายคน พัวพันระเบิดฆ่าตัวตายภายในมัสยิดเมืองเปชาวาร์ ปากีสถาน

Loading

    ซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างนายโมฮัมหมัด ไอจาซ หัวหน้าตำรวจเมืองเปชาวาร์ ทางภาคเหนือของปากีสถานว่า ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาหลายคนฐานพัวพันกับเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในมัสยิดเมืองเปชาวาร์ ขณะมีการทำพิธีละหมาดเมื่อบ่ายวันจันทร์ มีคนตายกว่า 100 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 217 คน ตำรวจจะจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกหลายคน หลังการสอบสวนเรื่องนี้   พนักงานสอบสวนของปากีสถานจะทำการสอบสวนด้วยว่า คนร้ายที่เป็นมือระเบิดฆ่าตัวตายเข้าไปในมัสยิดที่เกิดเหตุได้อย่างไร พร้อมทั้งสอบปากคำครอบครัวต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในอาคารพักของตำรวจ ซึ่งอยู่ในบริเวณสำนักงานตำรวจเมืองเปชาวาร์ เบื้องต้นตำรวจยังไม่ตัดประเด็นสอบสวนที่ว่า คนร้ายอาจจะได้รับการช่วยเหลือ หรือเอื้อเฟื้อ จากคนวงใน คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น อนุญาตให้คนร้ายเข้าไปร่วมพิธีละหมาดในวันเกิดเหตุ   ด้านนายโมอาซิม จาห์ อันซารี จเรตำรวจประจำเมืองเปชาวาร์ ระบุว่า ตำรวจสงสัยเรื่องระเบิดขนาด 12 กิโลกรัม(หรือ 26.5 ปอนด์)ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุว่า คนร้ายนำระเบิดเข้าไปในมัสยิดโดยไม่มีตำรวจหรือบุคคลใดพบพิรุธได้อย่างไร   ภาพข่าวหรือคลิปวิดีโอจากสื่อออนไลน์ของปากีสถาน แสดงให้เห็นภาพความเสียหาย เช่น ผนังมัสยิดถล่มลงมา หน้าต่างกระจก ตลอดถึงไม้หรือวัสดุบุฝาผนังของอาคารมัสยิดเสียหายจากแรงระเบิด        …

ยอดดับก่อการร้ายมัสยิดเปชวาร์พุ่งกว่า 89 “ตำรวจปากีฯ” โชคร้ายติดใต้ศพนาน 7 ชม. โฆษกตอลิบานปากีฯ TTP ปัดไม่ได้ทำ สวนทางผู้บัญชาการชื่อดังของกลุ่ม

Loading

    เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – ผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่ถึง 90% เป็นตำรวจปากีฯ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดเหตุโจมตีมัสยิดเมืองเปชวาร์ล่าสุดมีไม่ต่ำกว่า 89 คน กู้ภัยข้ามคืนที่ผ่านมาค้นหาเพิ่มได้อีก 9 ศพ และมีจำนวนผู้บาดเจ็บ 150 คน โฆษกกลุ่มก่อการร้ายตอลิบานปากีฯ TTP ออกมาปัดความรับผิดชอบ หลังผู้บัญชาการกลุ่มออกมาแสดงตัวเป็นผู้กระทำในครั้งแรกชี้เพื่อแก้แค้นให้ คาลิด โคราซานี (Khalid Khorasani)     เอเอฟพีรายงานวันนี้ (31 ม.ค.) ว่า มูฮัมหมัด อาซิม ข่าน (Muhammad Asim Khan) โฆษกโรงพยาบาลหลักเมืองเปชวาร์ของปากีสถานเปิดเผยวันจันทร์ (30) ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุมัสยิดในโซนความมั่นคงสูงของเมืองถูกโจมตีด้วยมือระเบิดฆ่าตัวตายพุ่งสูงอย่างรวดเร็วมาอยู่ที่ 89 คนเป็นอย่างน้อย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บร่วม 150 คน     เป็นการโจมตีที่มีเป้าหมายไปที่ตำรวจปากีสถานโดยเฉพาะระหว่างการลงมัสยิดช่วงบ่ายของวันจันทร์ (30) ผู้บัญชาการตำรวจเมืองเปชวาร์ มูฮัมหมัด อิยาซ ข่าน (Muhammad Ijaz…