สหรัฐฯ หวั่นจีนตั้ง ‘ฐานทัพ’ ทั่วเอเชีย

Loading

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เตือนว่า จีนอาจพิจารณาจัดตั้งที่ตั้งทางทหารในประเทศไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และหลายประเทศในเอเชีย เอเชียกลาง และแอฟริกา พร้อมกับเพิ่มหัวรบนิวเคลียร์อีกเท่าตัวในทศวรรษหน้า สหรัฐฯ ประเมินจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ในความครอบครองของจีนในปัจจุบันไว้ที่ตัวเลขราว 200 ต้นๆ เวลานี้ จีนปล่อยอาวุธนิวเคลียร์โดยใช้ขีปนาวุธทิ้งตัวได้ทั้งจากภาคพื้นและทะเล และกำลังพัฒนาขีดความสามารถในการปล่อยทางอากาศ เมื่อวันอังคารที่แล้ว (2 กันยายน) เพนตากอนเผยแพร่รายงานประจำปี คาดการณ์ถึงการสร้างเสริมแสนยานุภาพของจีนว่า กองทัพปลดแอกประชาชนจีน หรือพีแอลเอ มีขีดความสามารถทางทหารทัดเทียมกับกองทัพอเมริกันแล้ว และบางด้านยังเหนือกว่าด้วยซ้ำ      รายงาน ชื่อ ‘Military and Security Developments Involving the People’s Republic of China 2020’ บอกว่า จีนกำลังมุ่งที่จะจัดตั้งโครงข่ายสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหาร ครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรอินเดีย และพัฒนาขีปนาวุธที่ยิงได้ทั้งจากภาคพื้น ในทะเล และบนอากาศ รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ชาด ซบราเกีย บอกว่า พัฒนาการเหล่านี้เป็นเรื่องน่าวิตกอย่างยิ่งสำหรับสหรัฐฯ เพราะจีนแทบไม่มีความโปร่งใส ทั้งในด้านเจตนาทางยุทธศาสตร์ และอาวุธนิวเคลียร์ คุมเส้นทางทั่วเอเชีย รายงานซึ่งส่งถึงสภาคองเกรสฉบับนี้ บอกว่า จีนมีแนวโน้มที่จะพิจารณาเข้าไปจัดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกด้านลอจิสติกในไทย เมียนมา สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ปากีสถาน ศรีลังกา และประเทศอื่นๆในแอฟริกาและเอเชียกลาง รายงานที่มีความหนา 200 หน้า ระบุว่า ที่ผ่านมา จีนได้ทาบทามไปยังนามิเบีย วานูอาตู และหมู่เกาะโซโลมอนแล้ว ความต้องการที่จะแสดงแสนยานุภาพของปักกิ่งดังกล่าวถือเป็นการต่อยอดจากการจัดตั้งฐานทัพถาวรที่ประเทศจิบูติบนแหลมแอฟริกาเมื่อปี 2017 ซึ่งเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารนอกประเทศแห่งแรกของจีน ฐานทัพที่จิบูตินับเป็นฐานทัพโพ้นทะเลเพียงแห่งเดียวของจีนนับจนถึงขณะนี้ ปักกิ่งบอกว่า ที่ตั้งทางทหารดังกล่าวมีไว้ใช้ในภารกิจด้านมนุษยธรรมและให้ความคุ้มครองแก่การลงทุนและสาธารณูปโภคของจีนในภูมิภาคนั้น เนื่องจากจีนมีพลเมืองเข้าไปพำนักในแอฟริกาประมาณ 1 ล้านคน และในตะวันออกกลางราว 500,000 คน ในเอเชีย สหรัฐฯ เชื่อว่า ปักกิ่งได้ลงนามข้อตกลงลับกับรัฐบาลพนมเปญแล้ว เพื่อเปิดทางให้กองทัพจีนเข้าไปใช้ฐานทัพเรือที่เมืองท่าสีหนุวิลล์ แต่ประเทศทั้งสองยังคงปฏิเสธ เวลานี้ จีนเข้าไปลงทุนพัฒนาท่าเรือพลเรือนทั่วมหาสมุทรอินเดียแล้วหลายแห่ง ด้วยความมุ่งหวังว่า สักวันหนึ่ง กองทัพเรือของจีนอาจได้ใช้ประโยชน์ ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เรียกกันว่า ‘ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก’ นักวิเคราะห์มองว่า ทั้งหมดนี้เป็นความพยายามที่จะโอบล้อมคู่แข่งอย่างอินเดีย อย่างไรก็ดี จีนยืนยันว่า ไม่เคยมีเจตนาที่จะขยายดินแดน หรือครองความเป็นใหญ่ ‘นิวเคลียร์เพื่อสันติ’ จริงหรือ รายงานของเพนตากอนยังบอกด้วยว่า ปักกิ่งจะเพิ่มหัวรบนิวเคลียร์ในคลังแสงขึ้นอีกอย่างน้อยเท่าตัวภายในระยะเวลาหนึ่งทศวรรษ ในขณะที่จีนได้พัฒนากำลังทางเรือจนแซงหน้าอเมริกาไปแล้ว ปัจจุบัน พีแอลเอมีขีดความสามารถพอฟัดพอเหวี่ยง หรือเหนือกว่ากองทัพสหรัฐฯในหลายด้าน เช่น การต่อเรือ ขีปนาวุธทิ้งตัวและขีปนาวุธร่อนชนิดยิงจากภาคพื้น และระบบป้องกันภัยทางอากาศ เขี้ยวเล็บเหล่านี้สร้างเสริมขึ้นด้วยจุดมุ่งหมายที่จะสกัดกั้นหรือเอาชนะสหรัฐฯ หากเข้าแทรกแซงในกรณีไต้หวัน สหรัฐฯ ประเมินจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ในความครอบครองของจีนในปัจจุบันไว้ที่ตัวเลขราว 200 ต้นๆ เวลานี้ จีนปล่อยอาวุธนิวเคลียร์โดยใช้ขีปนาวุธทิ้งตัวได้ทั้งจากภาคพื้นและทะเล และกำลังพัฒนาขีดความสามารถในการปล่อยทางอากาศ รองผู้ช่วยรัฐมนตรีของเพนตากอน บอกว่า ถึงแม้จีนยังมีหัวรบนิวเคลียร์น้อยกว่าสหรัฐฯ มาก แต่การพัฒนาในอัตราเร่งสะท้อนว่า จีนได้เปลี่ยนหลักนิยมจากการป้องปรามขั้นต่ำเป็นการแข่งขันแบบเต็มตัวแล้ว เพราะจีนตั้งเป้าที่จะครองสถานะมหาอำนาจระดับโลกให้ได้ภายในปี 2049 รายงานบอกว่า ปัจจุบัน จีนมีกองทัพเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีเรือผิวน้ำและเรือดำน้ำรวมกัน 350 ลำ ขณะที่กองทัพเรือสหรัฐฯ มี 293 ลำ ซึ่งวอชิงตันมีแผนที่จะเพิ่มเป็น 355 ลำในอนาคต เพนตากอนบอกด้วยว่า จีนได้เปรียบตรงที่ไม่ถูกมัดมือด้วยข้อตกลงควบคุมขีปนาวุธภาคพื้นเหมือนอย่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย และถึงแม้สหรัฐฯ ยังคงเหนือกว่าชาติใดๆในเรื่องของขีปนาวุธทิ้งตัวชนิดยิงจากเรือดำน้ำ กับขีปนาวุธชนิดปล่อยจากอากาศยาน แต่จีนกำลังไล่กวดในส่วนหลังนี้ รายงานบอกอีกว่า จีนต้องการสำแดงกำลังไปทางตะวันออกสู่แปซิฟิกพ้นไต้หวันออกไป และต้องการกดดันให้สหรัฐฯ ล่าถอยออกไปจากภูมิภาค สภาพแวดล้อมทางภูมิรัฐศาสตร์ในย่านมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก กำลังเปลี่ยนรูปแปรโฉมด้วยการขับเคี่ยวระหว่างจีนกับสหรัฐฯ มหาอำนาจเกิดใหม่จะขุดรากถอนโคนมหาอำนาจเดิมหรือไม่ แค่ไหน อย่างไร คือ ปมปริศนาบนกระดานยุทธศาสตร์โลกนับจากนี้ไป ——————————————————- ที่มา : The Momentum / 6 กันยายน 2563 Link : https://themomentum.co/us-china-military-base/

ตำรวจตุรกีบุกจับกุม ผบ.ระดับสูงกลุ่มไอซิส ชี้มีแผนก่อการร้าย-ลักพาตัว

Loading

ตำรวจตุรกีจับกุมตัวผู้บัญชาการระดับสูงของกลุ่มรัฐอิสลามในประเทศได้สำเร็จ โดยรัฐบาลระบุว่า ชายคนนี้มีแผนการก่อการร้ายหลายอย่าง สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตำรวจตุรกีออกปฏิบัติการตรวจค้นในจังหวัดอาดานา ทางใต้ของประเทศ โดยสามารถจับกุมตัว นายมาห์มุต ออซเดน ผู้บัญชาการระดับสูงของกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอซิส) และผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ก่อการร้ายอีก 3 คน รวมทั้งยึดคอมพิวเตอร์, เอกสาร, อาวุธ และเครื่องกระสุนได้จำนวนมากด้วย นายสุเลย์มาน โซยลู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของตุรกี เปิดเผยเรื่องการจับกุม นายออซเดน ผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า ผู้ก่อการร้ายคนนี้มีเอกสารแผนการสำคัญอยู่กับตัว โดยเขาได้รับคำสั่งอย่างต่อเนื่องจากผู้ก่อการร้ายในอิรักและซีเรีย เพื่อก่อเหตุโจมตีในตุรกี ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ ‘เดลี ซาบาห์’ ของตุรกี เอกสารแผนการที่ยึดมาได้ชี้ว่า นายออซเดนกำลังวางแผนโจมตีด้วยกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสจำนวน 10-12 คน นอกจากนี้ยังวางแผนลักพาตัวนักการเมืองหลายคนด้วย ทั้งนี้ กลุ่มไอซิสประกาศการมีอยู่ของพวกเขาในตุรกีอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2562 และก่อเหตุโจมตีในตุรกีหลายครั้งแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจตุรกีออกปฏิบัติการบุกตรวจค้นเพื่อปราบปรามกลุ่มไอซิสหลายครั้ง เช่นในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตำรวจจับผู้ต้องสงสัย 27 คน ซึ่งกำลังวางแผนโจมตีในนครอิสตันบูล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจตุรกีเพิ่งแถลงเรื่องการจับกุมชายคนหนึ่งที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มไอซิส และกำลังวางแผนโจมตีในนครอิสตันบูล โดยยึดอาวุธพิสัยไกลและเครื่องกระสุนได้จากห้องพักของเขาในโรงแรมแห่งหนึ่งด้วย ———————————————— ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์…

สหรัฐฯผวา อาวุธทำลายล้างโลก ‘โดรนใต้น้ำนิวเคลียร์รัสเซีย’ ใกล้เสร็จแล้ว

Loading

อาวุธสุดร้าย ทำลายล้างโลก ของรัสเซีย “โดรนใต้น้ำติดหัวรบนิวเคลียร์” ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือแต่ทดสอบขั้นสุดท้ายเท่านั้น เผยแสนยานุภาพสุดสะพรึงขนาดทำให้แผ่นดินไหวได้ แล่นได้ไกลถึงอเมริกา เมื่อ 24 ส.ค.63 เว็บไซต์เดอะ ซัน รายงาน อาวุธแสนยานุภาพสุดร้ายกาจ โดรนใต้น้ำนิวเคลียร์ เรือดำน้ำติดหัวรบนิวเคลียร์ไร้คนขับ ของรัสเซีย ที่ถูกตั้งชื่อให้ว่า ‘โพไซดอน’ (Poseidon) ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยขณะนี้กำลังอยู่ในการทดสอบขั้นตอนสุดท้าย หลังจากกระทรวงกลาโหมรัสเซียได้เผยโฉม ‘เขี้ยวเล็บ’ อาวุธสุดอันตราย ล่าสุดของกองทัพเรือรัสเซีย ข่มขวัญสหรัฐอเมริกา ชาติมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก เนื่องในวันกองทัพเรือรัสเซีย เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ‘การทดสอบโดรนใตน้ำติดหัวรบนิวเคลียร์นี้ กำลังจะเสร็จสมบูรณ์ และเรากำลังรอการทดสอบโดรนใต้น้ำนิวเคลียร์โพไซดอน’ เจ้าหน้าที่รัสเซียหลายคนเปิดเผยอย่างภาคภูมิใจ มีรายงานว่า ข้อมูลโดรนใต้น้ำติดหัวรบนิวเคลียร์สุดร้ายกาจ โพไซดอน ของรัฐบาลรัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียได้หลุดออกมาถึงมือนักข่าวรัสเซีย ตั้งแต่ปลายปี 2558 ซึ่งขณะนั้น เรียกว่า ‘Ocean Multipurpose System Status-6’ ไม่ใช่ โพไซดอน ซึ่งตามรายงานของสื่อรัสเซีย เผยว่า โดรนใต้น้ำนิวเคลียร์โพไซดอนนี้ สามารถแล่นใต้น้ำด้วยความเร็ว 85…

บึ้มสองครั้งซ้อน! ถล่มทหาร-ตร.ฟิลิปปินส์ ดับอย่างน้อย 10 ศพ เจ็บอีกอื้อ

Loading

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อช่วงราวเที่ยงวันของวันจันทร์ (24 ส.ค.) นี้ตามเวลาท้องถิ่น เกิดเหตุระเบิดโจมตีสองครั้งซ้อนขึ้นในเมืองโจโล จังหวัดซูลู ทางตอนใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ ที่มีมือระเบิดฆ่าตัวตายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ได้ส่งผลให้ผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบคน ซึ่งรวมถึงทหารและตำรวจ พลโท คอร์เลโต วินลูอัน ของฟิลิปปินส์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุโจมตีครั้งแรกเกิดมาจากระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายซุกซ่อนไว้บนรถมอเตอร์ไซค์ จอดอยู่หน้าซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง บนถนนในเมืองโจโล ซึ่งเป็นพื้นที่มั่นของกลุ่มอาบูไซยัฟ ซึ่งกลุ่มมุสลิมติดอาวุธในประเทศ แรงระเบิดได้ทำให้ทหาร 5 นาย และพลเรือนอีก 4 ราย เสียชีวิตในเหตุโจมตีครั้งแรกนี้ และมีทหารได้รับบาดเจ็บอีก 16 นาย นอกจากนี้ ยังมีพลเรือนได้รับบาดเจ็บอีกราว 20 คน ส่วนเหตุโจมตีครั้งที่ 2 เกิดขึ้นไม่นานหลังจากเหตุการณ์แรก ซึ่งเกิดขึ้นบนถนนเดียวกัน เมื่อมือโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายซึ่งเป็นผู้หญิงได้จุดระเบิดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อมพื้นที่ดังกล่าว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ————————————————– ที่มา :…

แนวโน้มล่าสุดของสงครามไซเบอร์ (CYBERWARFARE) และการจารกรรมทางดิจิทัล (ESPIONAGE)

Loading

ที่มาภาพ: https://www.forbes.com/sites/steveandriole/2020/01/14/cyberwarfare-will-explode-in-2020-because-its-cheap-easy–effective/#53af1d216781 Written by Kim  “สงครามไซเบอร์จะระเบิดขึ้นในปี 2020 เพราะ “ต้นทุน (ราคา) ถูก ง่ายและมีประสิทธิภาพ” Steve Andriole, Professor of Business Technologyin the Villanova School of Business at Villanova University” ในการแข่งขันเพื่อเป็นชาติแรกของโลกที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา (COVID-19) ปรปักษ์ของสหรัฐฯได้แอบขโมยข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนดังกล่าวจากมหาวิทยาลัย บริษัทเภสัชภัณฑ์และสถาบันดูแลสุขภาพของสหรัฐฯ เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงและศักดิ์ศรีของประเทศรวมทั้งแรงกระตุ้นทางการเงินประกอบกับความสัมพันธ์สหรัฐฯ – จีนที่เสื่อมทรามลง โอกาสที่ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันจึงมีค่าเท่ากับศูนย์ (nil) ขณะที่กลุ่ม Cozy Bear นักเจาะระบบชาวรัสเซีย ซึ่งใกล้ชิดกับหน่วยข่าวกรองต่างประเทศรัสเซีย (SVR) ได้เล็งเป้าที่การวิจัยวัคซีนดังกล่าวเช่นกัน อย่างไรก็ดี รัสเซีย จีนและปรปักษ์อื่น ๆ ต่างก็ใช้ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในการ “ชักชวน” ให้นักเจาะระบบผู้ช่ำชองและอาชญากรไซเบอร์ “ทำงาน” ที่ยากต่อการเชื่อมโยงกลับไปยังรัฐผู้อุปถัมป์ (state sponsors)[1] ปัจจุบัน นักเจาะรบบจากจีน รัสเซียและอิหร่านได้ขโมยข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาจากมหาวิทยาลัย บริษัทเวชภัณฑ์และสถาบันดูแลสุขภาพในสหรัฐฯ โดยทำให้การแข่งขันเพื่อเป็นชาติแรกที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-19 ทวีความรุนแรง ทั้งนี้ การโจมตีทางไซเบอร์ (Cyberattacks) ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับประเทศเหล่านี้…

เปิดผลสอบเบื้องต้น ‘ระเบิดเบรุต’ ไม่พบสัญญาณโจมตี

Loading

เจ้าหน้าที่เลบานอนเผยผลสอบเบื้องต้นเหตุระเบิดครั้งใหญ่ในกรุงเบรุตเมื่อต้นเดือนนี้ เกิดจาก “ความประมาทร้ายแรง” และไม่พบสัญญาณการโจมตี สำนักข่าวซินหัวของจีน และสถานีโทรทัศน์แอลบีซีไอ ทีวี ของเลบานอน รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (16 ส.ค.) ว่า ผลการสืบสวนเบื้องต้นของเหตุระเบิดใหญ่ในกรุงเบรุตเมื่อไม่นานมานี้ ชี้ให้เห็นถึงความประมาทเลินเล่อขั้นร้ายแรง โดยไม่พบสัญญาณบ่งบอกการโจมตีด้วยขีปนาวุธหรือเครื่องบินรบ ผลการสืบสวนข้างต้นไม่ได้ระบุว่าเหตุระเบิดเกิดขึ้นโดยเจตนาหรือไม่ แต่พบพฤติกรรมหละหลวมอย่างร้ายแรงในโกดังที่ท่าเรือกรุงเบรุต ซึ่งกักเก็บสารแอมโมเนียไนเตรท 2,700 ตัน ร่วมกับดอกไม้ไฟ น้ำมันก๊าด เมธิลีน และไนโตรเจนรวม 24 ตัน ต้นเหตุจากเก็บแอมโมเนียมไนเตรทสะเพร่า แหล่งข่าวเผยกับแอลบีซีไอว่า สารแอมโมเนียมไนเตรทเพียงอย่างเดียวไม่สามารถก่อให้เกิดเหตุระเบิดใหญ่ได้ แต่การจัดเก็บแอมโมเนียมไนเตรทรวมกับสารเคมีชนิดอื่น ๆ อาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้ นอกจากนั้น ผลการสืบสวนยังพบว่ามีแรงงาน 3 คน เชื่อมโลหะอยู่ที่โกดัง และออกจากพื้นที่หลังเวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นราว 1 ชั่วโมงก่อนเกิดเหตุระเบิด ช่วงต้นเดือน ส.ค. นายกัสซัน อัล-ฮูรี อัยการสูงสุดของเลบานอน ออกคำสั่งจับกุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของท่าเรือเบรุต 3 คน ฐานไม่สามารถจัดการกับสารแอมโมเนียมไนเตรท รวมถึงจัดเก็บสารเคมีอื่น ๆ…