ทรัมป์ประณามการใช้อาวุธเคมีโจมตีในซีเรีย เปรียบ อัสซาด เป็น “สัตว์”

Loading

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ออกโรงประณามประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ของซีเรีย พร้อมชาติพันธมิตรอย่างรัสเซีย และอิหร่าน ว่าอยู่เบื้องหลังเหตุใช้อาวุธเคมีโจมตีเมืองดูมา ในเขตกูตาตะวันออก โดยผู้นำสหรัฐฯ เปรียบผู้นำซีเรียเป็น “สัตว์” ชี้จะต้องชดใช้ต่อเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างสาสม คาดว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากเหตุโจมตีเมืองดูมา ซึ่งเป็นพื้นที่ยึดครองแห่งสุดท้ายของกลุ่มกบฏในซีเรียเมื่อวานนี้ (7 เม.ย.) ประธานาธิบดีทรัมป์ ทวีตข้อความในวันนี้ว่า “ผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ทั้งผู้หญิงและเด็ก ในเหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมีอย่างไร้เหตุผลในซีเรีย” และว่าจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณที่ถูกปิดและโอบล้อมด้วยกองทัพซีเรีย ทำให้คนจากภายนอกเข้าไปไม่ถึง ผู้นำสหรัฐฯ ชี้ว่า “ประธานาธิบดีปูติน รัสเซีย และอิหร่าน มีส่วนรับผิดชอบด้วยเพราะสนับสนุน เจ้าสัตว์อัสซาด” นายทรัมป์ประกาศว่า คนเหล่านี้จะต้องชดใช้ต่อกรณีที่เกิดขึ้นอย่างสาสม และเรียกร้องให้เปิดพื้นที่ในทันทีเพื่อนำความช่วยเหลือด้านการแพทย์ไปให้ผู้ประสบภัยและให้มีการสอบสวนเรื่องนี้ “เป็นอีกหายนะด้านมนุษยธรรมที่ไร้เหตุผลสิ้นดี บ้าบอชัด ๆ!” ด้านสหราชอาณาจักรเรียกร้องให้เปิดการสอบสวนเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน ขณะที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสว่าไม่มีเหตุผลใด ๆ จะใช้อ้างความชอบธรรมในการใช้อาวุธเคมีโจมตีได้ ก่อนหน้านี้หน่วยกู้ภัยและทีมแพทย์ ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 70 ราย ในการโจมตีครั้งนี้ โดยอาสาสมัครกู้ภัยได้ทวีตภาพผู้เสียชีวิตหลายรายภายในห้องใต้ดิน พร้อมระบุว่ามีแนวโน้มที่จำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก แต่ยังคงไม่มีการยืนยันตัวเลขอย่างเป็นทางการจากฝ่ายองค์กรที่เป็นอิสระ องค์กรมอบความช่วยเหลือทางการแพทย์ (The Union of…

ใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีในยุโรปและอเมริกาเหนือ?

Loading

บีบีซีร่วมกับผู้เชี่ยวชาญการก่อการร้ายและปฏิบัติการของพวกหัวรุนแรงนอกองค์กรรวบรวมและวิเคราะห์เหตุการณ์โจมตีที่เกิดขึ้นในโลกตะวันตกเพื่อให้เห็นว่ารูปแบบของปฏิบัติการเหล่านี้เป็นอย่างไร ดร.ลอเรนโซ วิดิโน ผู้อำนวยการโครงการศึกษากลุ่มที่มีแนวความคิดสุดโต่งของมหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลของบีบีซีชี้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในโลกตะวันตกจากน้ำมือของนักรบจิฮัดในช่วงสามปีที่ผ่านมามีจำนวนรวมกันถึง 420 คนแล้ว ต่อไปนี้เป็นการจำแนกข้อมูลคร่าว ๆ ของรูปแบบการโจมตี ซึ่งมีทั้งสถานที่ อายุของผู้ปฏิบัติการ สถานะคนเข้าเมือง และความเกี่ยวเนื่องกับองค์กร เช่น กลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลาม (ไอเอส) การโจมตีมักจะเกิดขึ้นที่ใด การโจมตีเกิดขึ้น 63 ครั้งในช่วงตั้งแต่เดือน ก.ย.ปี 2014 (หลังคำประกาศแนวทางการต่อสู้ของ “กาหลิบ” โดยไอเอส) มาถึงจนปลายเดือน ส.ค. 2017 ประเทศถูกที่โจมตีก็คือยุโรปเก้าประเทศ ประกอบด้วยสหรัฐและแคนาดา เป้าหมายคือเมืองใหญ่ที่มีคนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นนครบาร์เซโลนาของสเปน, กรุงลอนดอนและเมืองแมนเชสเตอร์ของอังกฤษ, กรุงปารีสและเมืองนีซของฝรั่งเศส กรุงเบอร์ลินของเยอรมนี กรุงบรัสเซลล์ของเบลเยียม กรุงสตอกโฮล์มของสวีเดน และเมืองออร์แลนโดของสหรัฐฯ การโจมตีเกิดขึ้น 63 ครั้ง ทำให้คน 424 คนเสียชีวิตและทำให้คนมากกว่า 1,800 คนได้รับบาดเจ็บ โดยไม่นับรวมผู้ที่ก่อการที่มักเสียชีวิตในขณะที่โจมตีด้วย การโจมตีในกรุงปารีสเมื่อเดือนพ.ย. 2015 เป็นครั้งร้ายแรงที่สุด มีผู้เสียชีวิตถึง 130 คน…

รัฐสภาฟลอริดาผ่านกฎหมายเพิ่มอายุขั้นต่ำผู้ซื้อปืน-ให้บุคลากรในโรงเรียน “พกอาวุธ”

Loading

รอยเตอร์ – รัฐสภาแห่งรัฐฟลอริดาผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยอาวุธปืนเมื่อวานนี้ (7 มี.ค.) โดยกำหนดเพิ่มอายุขั้นต่ำสำหรับบุคคลที่จะซื้อปืนไรเฟิลเป็น 21 ปี การจำหน่ายปืนทุกประเภทต้องมีระยะเวลารอ 3 วัน และอนุญาตให้ลูกจ้างบางคนในโรงเรียนของรัฐสามารถพกอาวุธได้ มาตรการทางกฎหมายล่าสุดมีขึ้นหลังเกิดโศกนาฏกรรมกราดยิงโรงเรียนมัธยม มาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส ในเมืองพาร์คแลนด์ เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ซึ่งทำให้นักเรียนและครูเสียชีวิตรวม 17 ราย และนำมาซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของกลุ่มผู้รอดชีวิตที่ต้องการเห็นรัฐควบคุมปืนมากกว่านี้ แม้ร่างกฎหมายฉบับนี้จะครอบคลุมข้อเสนอส่วนใหญ่ของนักเรียนและผู้ปกครอง แต่ยังไม่ตอบสนองข้อเรียกร้องสำคัญ คือการสั่งแบนปืนไรเฟิลจู่โจมแบบที่ถูกนำมาใช้ก่อเหตุเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ฝ่ายที่สนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้อ้างว่า เหตุกราดยิงโรงเรียนในสหรัฐฯ ซึ่งเกิดถี่ขึ้นจนน่าตกใจในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คนร้ายมักจะใช้ “ปืนพก” เสียเป็นส่วนใหญ่ มาตรการเหล่านี้จะมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายโดยอัตโนมัติภายใน 15 วัน เว้นเสียแต่จะถูก “วีโต” โดย ริค สก็อตต์ ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาซึ่งเป็นคนของพรรครีพับลิกัน โฆษกหญิงของ สก็อตต์ ออกมาระบุเมื่อวันอังคาร (6) ว่า เขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงนามรับรองร่างกฎหมายนี้หรือไม่ ร่างกฎหมายยังเปิดทางให้บุคลากรในโรงเรียนสามารถพกปืนขณะปฏิบัติหน้าที่ได้ ซึ่งก็มีเสียงวิจารณ์ว่า การอนุญาตเช่นนี้อาจทำให้นักเรียนส่วนน้อยเสี่ยงต่อการถูกยิงเพราะทำผิดวินัย…