ชี้หน่วยงานรัฐเสี่ยงโดนโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นหลังก.ม.บังคับให้บริการปชช.ผ่านออนไลน์

Loading

  สกมช. เผยแนวโน้มภัยคุกคามทางไซเบอร์ในประเทศไทย มีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังไทยจะบังคับใช้ปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในเดือน ม.ค. 66   พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (สกมช.) เปิดเผยว่า แนวโน้มภัยคุกคามทางไซเบอร์ทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาค และในประเทศไทย มีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่ประเทศไทยมีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการทำงานเพิ่มสูงขึ้น ทั้งในหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานเอกชน และหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ   ล่าสุดได้มีกฎหมายสำคัญ คือ พระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565  ที่จะบังคับใช้ในเดือน ม.ค. 66 ซึ่งมุ่งผลักดันให้หน่วยงานของรัฐจะต้องให้บริการประชาชนด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้น จนอาจส่งผลกระทบต่อการให้บริการต่อประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะหลายหน่วยงานรัฐยังขาดแคลนบุคลากรที่ทำงานดูแลด้านไอทีจำนวนมาก   พลอากาศตรี อมร กล่าวต่อว่า สกมช. มุ่งมั่นที่จะลดความเสี่ยงดังกล่าว เพื่อยกระดับประเทศเพื่อให้มีความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยได้มีการประกาศนโยบายและแผนปฏิบัติการว่าด้วยความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2565-2570 ซึ่งจะเป็นกรอบแนวทางการดำเนินการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ ที่มุ่งเน้นทั้งการเสริมสร้างศักยภาพ การป้องกัน การรับมือ ลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ และการตอบสนองต่อเหตุภัยคุกคาม พร้อมฟื้นฟูระบบให้กลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้น ทำให้หน่วยงานต่าง ๆ เกิดความตระหนักรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ของประเทศ และเกิดความปลอดภัยต่อประชาชนมากยิ่งขึ้น.     ——————————————————————————————————————————————————————————- ที่มา :                                เดลินิวส์ออนไลน์         …

“สกมช.”ปิดศูนย์เฝ้าระวังภัยไซเบอร์ประชุมเอเปค เจอ 84 ภัยคุกคาม รับมือได้ไม่มีผลต่อการประชุม

Loading

  สกมช. ประกาศปิดศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังและตอบสนองภัยคุกคามทางไซเบอร์ หลังเสร็จสิ้นภารกิจการประชุม APEC 2022 เผย พบเหตุการณ์ภัยคุกคามฯ รวม 84 เหตุการณ์ สามารถรับมือไม่มีผลกระทบต่อการประชุม พร้อมรับมือการจัดงานใหญ่ในอนาคตต่อไป   พลอากาศตรี อมร  ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจรเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้องในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ปี 2565 ได้แต่งตั้งคณะทำงานด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งมีเลขาธิการฯ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังและตอบสนองภัยคุกคามทางไซเบอร์ระหว่างการประชุมเอเปคระหว่างวันที่ 11 – 20 พ.ย. ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมหน่วยงานสำคัญ 34 หน่วยงาน   ได้สรุปรายงานความพร้อมของระบบรวม 122 ระบบ พบเหตุการณ์ภัยคุกคามฯ รวม 84 เหตุการณ์ แบ่งเป็น   ●    ระบบของหน่วยงานสำคัญ 122 ระบบ พบเหตุการณ์ภัยคุกคาม 4 เหตุการณ์   ●    ระบบ…

สัมภาษณ์พิเศษ : ‘พล.อ.ต.อมร ชมเชย’โชว์แผน ยกระดับสู้ภัยไซเบอร์

Loading

  ‘พล.อ.ต.อมร ชมเชย’โชว์แผนยกระดับสู้ภัยไซเบอร์   หมายเหตุ – บทสัมภาษณ์ พล.อ.ต.อมร ชมเชย รองเลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ในโอกาสที่ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.2562 และกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง มีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ   ขณะนี้อยู่ระหว่างการเฝ้าติดตามความสามารถในการส่งเสริม หรือสนับสนุนให้แต่ละหน่วยงานที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ หรือซีไอไอ ประกอบด้วย 1.หน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐ 2.หน่วยงานด้านบริการภาครัฐที่สำคัญ 3.หน่วยงานด้านการเงินการธนาคาร 4.หน่วยงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม 5.หน่วยงานด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ 6.หน่วยงานด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และ 7.หน่วยงานด้านสาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานด้านอื่น ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนดเพิ่มเติม   ประเด็นสำคัญของกฎหมายลูก กำหนดให้หน่วยงานซีไอไอต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด จึงถือเป็นความท้าทายของ สกมช. เพราะแต่ละหน่วยงานแตกต่างกันด้วยอัตลักษณ์ อาทิ ธนาคาร หรือสถาบันการเงิน ที่มีความพร้อมด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อย่างมาก เนื่องจากกระบวนการกำกับดูแลที่เข้มแข็ง และมีขั้นตอนครบถ้วนตามข้อกำหนด ขณะที่บางหน่วยงานไม่ถนัดด้านไซเบอร์ แม้มีหน่วยงานกำกับดูแล แต่การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไม่เข้มแข็งนัก เนื่องจากขาดแคลนบุคลากร เช่น สายการบิน ที่กำกับดูแลโดย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นต้น…

แคสเปอร์สกี้ ผนึก สกมช.ยกระดับกูรูภัยไซเบอร์ในไทย!!!

Loading

  แคสเปอร์สกี้ (Kaspersky) จับมือกับ NCSA เพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรด้านรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ รับการโจมตีที่ซับซ้อนมากขึ้น เหตุการณ์ไซเบอร์ที่ซับซ้อนส่งสัญญาณบอกถึงความท้าทายที่เฉพาะเจาะจงอย่างมากต่อหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ด้วยการโจมตีมักจะเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรในหลายๆ ด้าน เนื่องจากการโจมตีทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น และโซลูชันการรักษาความปลอดภัยต้องการทรัพยากรมากขึ้นในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่รวบรวมไว้ทุกวัน องค์กรจำนวนมากต่างต้องการบริการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงที่สามารถจัดการกับความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ด้วยตระหนักถึงประเด็นข้างต้นนี้ แคสเปอร์สกี้ (Kaspersky) บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลก และสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช. หรือ NCSA) ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านเทคนิคในหัวข้อ ‘Building a Safer Future for Thailand’ (การสร้างอนาคตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับประเทศไทย) เพื่อสร้างความตระหนักรู้ สร้างคลังความรู้สำหรับบุคลากรผู้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในประเทศ และแบ่งปันวิธีการใช้เทคโนโลยีข้อมูลภัยคุกคามหรือ Threat Intelligence ในการสร้างความสามารถในการป้องกันประเทศ ครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมืออย่างเป็นทางการครั้งแรกของแคสเปอร์สกี้กับ สกมช. นางสาวจีนี่ ซูจีน กัน หัวหน้าฝ่ายกิจการสาธารณะประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง ตุรกี และแอฟริกา แคสเปอร์สกี้ ได้กล่าวถึงภารกิจของแคสเปอร์สกี้ในการสร้างโลกที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ซึ่งเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทต่ออนาคตที่โปร่งใสและไว้วางใจได้ ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่สร้างโอกาสไร้ขีดจำกัด และรักษาความปลอดภัยโดยบริษัทอย่างแคสเปอร์สกี้ “ปัจจุบัน ประเทศไทยก้าวสู่ความเป็นดิจิทัลและโลกาภิวัตน์มากขึ้น…

“สกมช.- หัวเว่ย” ลงนาม MOU หวังแก้ปมข้อมูลรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์

Loading

  รมว.ดีอีเอส ร่วมเป็นสักขีพยาน “สกมช.- หัวเว่ย” ลงนาม MOU ความปลอดภัยด้านไซเบอร์ของประเทศ หวังผลักดันไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างปลอดภัย ลดเรื่องข้อมูลรั่วไหล   วันที่ 2 ส.ค. 65 ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์กับ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ร่วมเป็นสักขีพยาน   นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ประเด็นเรื่องข้อมูลรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์มีจำนวนครั้งที่เกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ และมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำด้านองค์ความรู้และทักษะทางดิจิทัลเริ่มส่งผลกระทบกับองค์กรต่างๆ อย่างรุนแรงยิ่งกว่าเดิม นั่นเป็นสาเหตุที่กระทรวงดิจิทัลฯ ได้ร่วมจับมือกับผู้นำด้านนวัตกรรมด้านดิจิทัลอย่างหัวเว่ยในการรับมือกับปัญหานี้ เพื่อช่วยผลักดันประเทศไทยให้เข้าสู่ยุคดิจิทัลแห่งอนาคตที่มีความปลอดภัย   ด้านพล.อ.ปรัชญา เฉลิมวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (ลธ.กมช.) ได้กล่าวถึงการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความร่วมมือในหมู่องค์กรเอกชน องค์กรสาธารณะ และหน่วยงานรัฐต่างๆ เพื่อให้สามารถสร้างไซเบอร์สเปซที่มีความน่าเชื่อถือในระดับโลกให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งนี้ ทาง สกมช. เชื่อว่าการลงนามในครั้งนี้…

ติดกระบองให้ยักษ์

Loading

  ในขณะที่สังคมไทยตื่นตัวกับกฎหมาย PDPA ที่มุ่งเน้นคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะมีการกำหนดโทษทั้งทางแพ่งและอาญา ตามความผิด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล   ประเด็นที่ต้องตระหนักไปพร้อมกัน ก็คือ การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลภายในองค์กร และการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ทั้งจากภายในและภายนอก ที่อาจส่งผลกระทบต่อข้อมูลส่วนบุคคล ได้เช่นการจารกรรมข้อมูลส่วนบุคคลของธนาคาร โรงพยาบาล รวมทั้งความมั่นคงในภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม ไปจนถึงความมั่นคงของประเทศ ที่นับวันปัญหาดังกล่าวจะยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น   ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่เป็นภัยความมั่นคงระดับประเทศ หรือความเสียหายทางธุรกิจ เช่น กรณี Apple ได้ตรวจสอบความปลอดภัยและได้พบมัลแวร์ Pegasus ในไอโฟนของนักเคลื่อนไหวการเมืองไทยกว่า 30 คน หรือกรณี ที่ T-Mobileต้องจ่ายเงิน350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 12,800ล้านบาท เพื่อชดเชนให้ยุตืคดีที่ลูกค้าฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัท ฐานปล่อยให้ถูกแฮกข้อมูลรั่วไหล 76.6ล้านคน   โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโควิดที่ผ่านมา ที่มีการทำงานที่บ้านหรือเวิร์กฟรอมโฮม เพราะคนอยู่หน้าจอออนไลน์กันมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ทำให้ตกเป็นเหยื่อ และเมื่อเกิดปัญหาขึ้นคนส่วนใหญ่ก็มักจะคิดถึงการติดตามไล่ล่าตัวผู้กระทำผิด และมักคิดถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือตำรวจไซเบอร์เพียงเท่านั้น   อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหานอกจากจะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีของแต่ละองค์กรแล้ว ปัจจุบันไทยเรามีกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการโจตีทางไซเบอร์ โดยมีพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พ.ศ.2562  …