มาตรการความปลอดภัยทางอากาศหลังเหตุการณ์ 911 ช่วยป้องกันการโจมตีซ้ำแต่ต้องแลกกับความเป็นส่วนตัว

Loading

  หลังการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 ประธานาธิบดีจอร์จ ดับบลิว บุชในขณะนั้นได้ลงนามในกฎหมายเพื่อตั้งหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ คือ TSA เพื่อรักษาความปลอดภัยสำหรับการเดินทางทางอากาศ และถึงแม้มาตรการด้านความปลอดภัยต่างๆ อย่างเข้มงวดที่นำมาใช้จะช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดการโจมตีจากผู้ก่อการร้ายซ้ำในสหรัฐฯ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาแต่เรื่องดังกล่าวก็ต้องแลกกับความเป็นส่วนตัวของผู้เดินทาง และได้เปลี่ยนทั้งโฉมหน้าแvละการทำงานของอุตสาหกรรมการบินโดยสิ้นเชิง รวมทั้งยังทำให้การเดินทางทางอากาศของผู้คนมีปัญหากดดันมากขึ้นด้วย ทั้งนี้เพราะสองเดือนหลังการโจมตีดังกล่าวประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชได้ลงนามในกฎหมายเพื่อตั้งหน่วยงานรักษาความปลอดภัยของรัฐบาลกลางในสังกัดกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิชื่อ Transportation Security Administration หรือที่เรียกย่อๆ ว่า TSA เพื่อทำหน้าที่ตรวจคัดกรองผู้เดินทางแทนเจ้าหน้าที่ของภาคเอกชนซึ่งอุตสาหกรรมการบินเคยใช้อยู่ก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นกฎหมายดังกล่าวยังกำหนดให้ต้องมีการตรวจเอ็กซเรย์กระเป๋าสัมภาระทุกใบ มีการเสริมความมั่นคงที่ประตูห้องนักบิน และมีการส่งสารวัตรอากาศหรือ Air Marshal ขึ้นไปกับเครื่องบินบางลำเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยด้วย ข้อกำหนดด้านการรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้ผู้เดินทางทางอากาศต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นและถูกกดดันมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีกฎข้อบังคับอื่นๆ เช่นการต้องถอดรองเท้าและเข็มขัดก่อนเดินผ่านเครื่องตรวจ รวมถึงการห้ามนำของเหลวหรือเครื่องดื่มบางอย่างผ่านจุดตรวจแต่สามารถซื้อเครื่องดื่มเหล่านั้นได้หลังผ่านจุดตรวจไปแล้วซึ่งก็ทำให้หลายคนตั้งคำถามแต่ก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เป็นต้น ดูเหมือนว่าหน่วยงาน TSA จะพยายามช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เดินทางที่สมัครใจจ่ายค่าธรรมเนียมและลงทะเบียนในโปรแกรมบางอย่าง เช่น Global Entry หรือ PreCheck ซึ่งจะช่วยให้เสียเวลาและมีขั้นตอนต่างๆ ที่จุดตรวจน้อยลง อย่างไรก็ตามมาตรการด้านความปลอดภัยทั้งหมดที่นำมาใช้นี้แม้จะเรียกว่าได้ผลเพราะไม่เคยมีการโจมตีในลักษณะเดียวกันอีกในสหรัฐฯ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่เรื่องดังกล่าวก็ต้องแลกกับความเป็นส่วนตัวของผู้เดินทางเช่นกัน…

ระเบิดโจมตีสนามบินกรุงคาบูล 2 ครั้งซ้อน! ตายเจ็บอื้อ หลังตต.เพิ่งเตือนภัยคุกคามจากไอเอส

Loading

ระเบิดโจมตีสนามบินกรุงคาบูล 2 ครั้งซ้อน! ตายเจ็บอื้อ หลังตต.เพิ่งเตือนภัยคุกคามจากไอเอส เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดโจมตีอย่างน้อย 2 ครั้งขึ้นบริเวณสนามบินในกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน ขณะที่ยังคงมีการเร่งอพยพพลเมืองต่างชาติและชาวอัฟกันครั้งใหญ่อยู่ออกจากอัฟกานิสถานของนานาชาติ เบื้องต้นมีรายงานว่าแรงระเบิดส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ศพ และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก จากการเปิดเผยของเพนตากอนหรือกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริการะบุว่าในจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนั้นมีพลเรือนและเจ้าหน้าที่สหรัฐรวมอยู่ด้วย     นายจอห์น เคอร์บี โฆษกเพนตากอนระบุว่า เหตุระเบิดโจมตีครั้งหนึ่งเกิดขึ้นใกล้กับประตูแอ๊บบีเกตของสนามบินในกรุงคาบูล ส่วนเหตุระเบิดอีกครั้งเกิดขึ้นใกล้กับโรงแรมบารอนที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับสนามบิน เจ้าหน้าที่สหรัฐ 2 รายระบุว่า เหตุระเบิดอย่างน้อยหนึ่งในนั้นดูเหมือนเป็นการก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย “เราสามารถยืนยันได้ว่าเหตุระเบิดที่แอ๊บบีเกตนั้นเป็นผลจากการโจมตีที่ซับซ้อนซึ่งส่งผลให้เจ้าหน้าที่สหรัฐและพลเรือนจำนวนหนึ่งเสียชีวิต” โฆษกเพนตากอนเปิดเผยถึงเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นผ่านทางทวิตเตอร์ และว่า “เรายังสามารถยืนยันได้ว่ามีเหตุระเบิดอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้งที่หรือใกล้กับโรงแรมบารอน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากแอ๊บบีเกตนัก”     ด้านซาบิฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกกลุ่มทาลิบัน เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า มีผู้เสียชีวิตระหว่าง 13 ถึง 20 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 52 รายจากเหตุระเบิดโจมตีทั้งสองครั้ง เจ้าหน้าที่ทาลิบันอีกส่วนหนึ่งระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย รวมถึงเด็กๆและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของกลุ่มทาลิบันอีกจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บด้วย ขณะที่โรงพยาบาลในกรุงคาบูลรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต…

งามไส้! เครื่องบินเอธิโอเปียไปผิดที่ ลงจอดท่าอากาศยานกำลังก่อสร้าง

Loading

    เครื่องบินลำหนึ่งของเอธิโอเปีย แอร์ไลน์ส ลงจอดผิด ณ สนามบินแห่งหนึ่ง ซึ่งยังไม่เปิดใช้งานและยังคงอยู่ระหว่างการก่อสร้างในแซมเบีย จากการเปิดเผยของสายการบินเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เคราะห์ดีที่สามารถลงจอดอย่างปลอดภัย เที่ยวบินซึ่งบริการขนส่งสินค้า เดินทางจากกรุงแอดดิสอาบาบา เมืองหลวงของเอธิโอเปีย โดยมีจุดหมายปลายทางที่ท่าอากาศยานซิมง เอ็มวานซา คัปเวปเว ในเมืองเอ็นโดลา ประเทศแซมเบีย แต่เมื่อวันอาทิตย์ (4 เม.ย.) มันกลับไปลงจอดที่สนามบินนานาชาติคอปเปอร์เบลต์ ซึ่งยังไม่เปิดใช้อย่างเป็นทางการ และอยู่ห่างออกไปราวๆ 21 กิโลเมตร คำแถลงของสายการบินเอธิโอเปีย แอร์ไลน์ส ระบุว่า เที่ยวบิน ET 3891 ลงจอดอย่างปลอดภัยในสนามบินใหม่ ปลัดกระทรวงคมนาคมของแซมเบีย เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า นักบินลงจอด ณ ท่าอากาศยานที่ยังไม่เปิดใช้งาน สืบเนื่องจากความผิดพลาด “ตอนที่เขากำลังลงจอด เขาสื่อสารกับเรดาร์ แต่ทางเรดาร์บอกกับเขาว่า เราไม่เห็นคุณ” ปลัดกระทรวงคมนาคมระบุ “ดังนั้น เขาจึงใช้สายตามองแทน เขาไม่มีหอควบคุมและลงจอด ณ สนามบินที่ยังคงอยู่ระหว่างก่อสร้าง” สายการบินเอธิโอเปีย แอร์ไลน์ส ระบุว่า “แม้รายละเอียดของเหตุการณ์ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนภายใต้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่การบินของแซมเบีย แต่ข้อเท็จจริงคือ ไม่มี…

สนามบินดูไบเริ่มใช้วิธี ‘ตรวจม่านตา’ แทนหนังสือเดินทาง

Loading

    ที่สนามบินดูไบ ผู้โดยสารสามารถใช้ม่านตาเพื่อยืนยันตัวตนโดยไม่จำเป็นต้องแสดงเอกสารใดๆ ระบบดังกล่าวเปิดตัวขึ้นในขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ยังคงต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด -19 ซึ่งรัฐบาลยกให้โครงการนี้เป็นเครื่องมือในการช่วยควบคุมการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เพราะวิธีดังกล่าวช่วยให้ผู้โดยสารไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ระบบสแกนม่านตานี้ใช้ biometric หรือชีวมิติ ซึ่งได้รับการออกแบบขึ้นมาเพื่อรวบรวมข้อมูลทางชีวภาพที่มีลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคลเพื่อระบุตัวตน ทั้งนี้ระบบจดจำใบหน้าก็เป็นการใช้ไบโอเมตริกรูปแบบหนึ่ง ระบบดังกล่าวใช้วิธีการคล้ายกับที่ใช้ในเทคโนโลยีการพิมพ์ลายนิ้วมือ สนามบินดูไบใช้อุปกรณ์ในการสแกนม่านตาซึ่งเป็นส่วนที่มีสีของดวงตา โดยการให้ผู้โดยสารมองตรงเข้าไปในกล้องเพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลทางชีวภาพได้ การใช้ระบบสแกนม่านตานั้นแพร่หลายมากขึ้นทั่วโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความแม่นยำของเทคโนโลยีจดจำใบหน้า ไบโอเมตริกของม่านตาถือว่าเป็นระบบที่เชื่อถือได้มากกว่าระบบที่สแกนใบหน้าของผู้คนจากระยะไกล ในสนามบินดูไบซึ่งเป็นสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในโลกสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ ผู้โดยสารจะเดินเข้าเครื่องสแกนม่านตาหลังจากเช็คอินแล้ว หลังจากที่มองเข้าไปในกล้องพวกเขาก็จะสามารถผ่านจุดตรวจหนังสือเดินทางได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที โดยที่ไม่ต้องพกบัตรเดินทางกระดาษหรือใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ใดๆ เจ้าหน้าที่ในดูไบกล่าวว่าการสแกนดังกล่าวนี้จะเชื่อมต่อข้อมูลม่านตาของบุคคลกับฐานข้อมูลการจดจำใบหน้าของ UAE ทำให้ผู้โดยสารไม่ต้องใช้เอกสารในการเดินทาง ระบบนี้เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทสายการบิน Emirates และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของดูไบ เจ้าหน้าที่กล่าวอีกว่าระบบจะช่วยให้ผู้โดยสารผ่านกระบวนการอัตโนมัติตั้งแต่การเช็คอินไปจนถึงการขึ้นเครื่องบินได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย พลตรี Obaid Mehayer Bin Suroor รองอธิบดีกองอำนวยการทั่วไปด้านถิ่นที่อยู่และกิจการต่างประเทศของดูไบบอกกับ The Associated Press ว่าการสแกนม่านตานี้เป็นระบบอัจฉริยะที่ใช้เวลาเพียงห้าถึงหกวินาที อย่างไรก็ตาม ผู้คนยังหวั่นเกรงว่าเทคโนโลยีนี้จะทำให้สูญเสียความเป็นส่วนตัวเช่นเดียวกันกับระบบจดจำใบหน้า ทั้งนี้ UAE ได้เผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในการสอดส่องนักข่าวและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ในคำชี้แจงสิทธิส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับระบบไบโอเมตริก Emirates ระบุไว้ว่าทางสายการบินเชื่อมโยงใบหน้าของผู้โดยสารกับข้อมูลระบุตัวบุคคลอื่นๆ รวมถึงหนังสือเดินทางและข้อมูลเที่ยวบิน นอกจากนี้ยังเสริมว่าข้อมูลดังกล่าวสามารถเก็บไว้ได้ตราบเท่าที่มีความจำเป็นตามสมควรสำหรับวัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูล นอกจากนี้ในเว็บไซต์ของ Emirates ยังระบุด้วยว่าข้อมูลไบโอเมตริกที่รวบรวมทั้งหมดจะถูกจัดเก็บไว้ในสารบบ…

พกปืนมาด้วย?! สนามบินสหรัฐฯ ยึดปืนจากผู้โดยสารเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวเมื่อปีก่อน

Loading

  สำนักงานดูแลความปลอดภัยด้านการคมนาคมของสหรัฐฯ หรือ TSA เผยหน่วยงานด้านความปลอดภัยที่สนามบินทั่วอเมริกา ยึดอาวุธปืนจากผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเท่าตัว ทำสถิติใหม่เมื่อปีที่แล้ว ตามรายงานของ Associated Press หน่วยงาน TSA เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า เมื่อปี 2020 เพียงปีเดียว เจ้าหน้าที่ตามจุดตรวจที่สนามบินทั่วประเทศ ยึดอาวุธปืนจากผู้โดยสารเที่ยวบินต่างๆ หรือจากกระเป๋าสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่องบินของผู้โดยสารได้ราว 3,257 กระบอก หรือเท่ากับว่าผู้โดยสาร 1 ล้านคน จะมีอาวุธปืนติดตัวมาด้วยราว 10 คน ขณะที่อาวุธปืนราว 83% อยู่ในสัมภาระที่เก็บใต้ท้องเครื่อง ที่น่าสนใจคือ การยึดอาวุธปืนที่สนามบินต่างๆ ในอเมริกาเพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2019 จากที่ผู้โดยสารเครื่องบินเฉลี่ย 5 คน จากทุกๆ 1 ล้านคน จะพกพาอาวุธปืนมาที่สนามบิน แต่ยอดนักท่องเที่ยวเดินทางโดยเครื่องบินในปี 2019 มากกว่าในปี 2020 ถึง 500 ล้านคน จากวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้การเดินทางโดยเครื่องบินลดฮวบ ทาง TSA ยังพบว่า 5 สนามบินในอเมริกาที่พบการพกพาอาวุธปืนของผู้โดยสารมากที่สุดเมื่อปีที่แล้ว…

อังกฤษเร่งสอบ หลังพบพัสดุระเบิดส่ง 3 สนามบิน

Loading

  เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายของอังกฤษกำลังเร่งตรวจสอบพัสดุต้องสงสัยที่พบวัตถุระเบิดอยู่ภายใน ซึ่งมีการส่งไปยัง 3 สนามบินหลักของอังกฤษ ประกอบด้วยสนามบินฮีทโธรว์ สนามบินวอเตอร์ลู และสนามบินเมืองลอนดอน เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลอังกฤษระบุว่า พบซองจดหมายขนาดกระดาษเอ 4 ซึ่งด้านในบรรจุระเบิดประดิษฐ์ขนาดเล็ก โดยหน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายของอังกฤษได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ในการพิจารณาคดีในฐานะการดำเนินการที่มีส่วนเกี่ยวเนื่องกัน และยังคงเปิดกว้างเกี่ยวกับแรงจูงใจในการก่อเหตุ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไอร์แลนด์ได้แจ้งเตือนมายังตำรวจนครบาลอังกฤษว่า พัสดุที่มีวัตถุระเบิด 2 ชิ้นที่ถูกส่งไปยังสนามบินฮีทโธรว์และสนามบินวอเตอร์ลูติดแสตมป์ของไอร์แลนด์ ที่สนามบินฮีทโธรว์ต้องมีการอพยพผู้คนออกจากอาคาร หลังจากมีการแจ้งพบพัสดุต้องสงสัยไปยังตำรวจ โดยพัสดุดังกล่าวเกิดติดไฟขึ้นมาหลังเจ้าหน้าที่พยายามที่จะเปิดห่อพัสดุชิ้นนี้ ตำรวจสก็อตแลนด์ยาร์ดระบุว่า พัสดุดังกล่าวมีเจลลี่สีเหลืองอยู่ภายใน ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษได้ประเมินแล้วว่ามันคือระเบิดประดิษฐ์ขนาดเล็ก ซึ่งทำให้จุดระเบิดและติดไฟได้เมื่อทำการเปิด ด้านโฆษกของสนามบินฮีทโธรว์ระบุว่า สนามบินจะให้การสนับสนุนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อการกระทำที่ถือเป็นการก่ออาชญากรรมดังกล่าว   ——————————————————————————————————————————— ที่มา :  มติชนออนไลน์          วันที่  :  6 มีนาคม 2562 Link :  https://www.matichon.co.th/foreign/news_1392792