สหรัฐฯเร่งส่งทีมไซเบอร์หนุนลิทัวเนียต้านภัยคุกคามรัสเซีย

Loading

  พลตรีโจ ฮาร์ตแมน ผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการไซเบอร์แห่งกองทัพสหรัฐ (U.S. Cyber National Mission Force) เผยว่า ขณะนี้สหรัฐฯได้เร่งส่งกองทัพไซเบอร์เข้าสนับสนุนลิทัวเนียในการป้องกันการโจมตีทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่รัสเซียบุกโจมตียูเครน พลตรีฮาร์ตแมนให้สัมภาษณ์นักข่าวที่เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ว่าการส่งกำลังพลดังกล่าวไปยังลิทัวเนียครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับวิกฤตที่ยูเครนกำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปฏิบัติการหยุดยั้งภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Hunt forward mission) เป็นการส่งกองกำลังไซเบอร์ไปยังประเทศต่าง ๆ ตามที่ประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯได้ขอความร่วมมือ เพื่อสอดส่องดูแลเครือข่ายโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างความยืดหยุ่น และแบ่งปันข้อมูลใหม่ ๆ เกี่ยวกับภัยคุกคาม โดยภาครัฐและเอกชนจะส่งข้อมูลกลับไปวิเคราะห์ที่สหรัฐฯ ผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการฯ เพิ่มเติมว่า ปฎิบัติการในลิทัวเนียเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการโดยเร็ว เนื่องจากภัยคุกคามที่เกิดขึ้นจากรัสเซียส่งผลต่อกลุ่มประเทศบอลติกและองค์กรอื่น ๆ ในภูมิภาค พลตรีฮาร์ตแมนยังเสริมอีกว่า สหรัฐฯเริ่มปฏิบัติการหยุดยั้งภัยคุกคามทางไซเบอร์มาตั้งแต่ปี 2561 จนถึงตอนนี้ดำเนินการไปแล้วกว่า 28 ภารกิจใน 16 ประเทศ โดยวางเครือข่ายมากกว่า 50 เครือข่าย ปัจจุบันประเทศเอสโตเนีย , มอนเตเนโกร , มาซิโดเนียเหนือ และยูเครนเป็นประเทศที่ประกาศตนอย่างชัดเจนในการให้ความร่วมมือกับปฏิบัติการนี้ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ค. 65)…

สหรัฐฯ พบ รัสเซียใช้โลมาฝึกในทะเลดำ คาดใช้ป้องกันกองเรือจากการโจมตีใต้น้ำ

Loading

  จากการรายงานการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า รัสเซียได้นำโลมาที่ได้รับการฝึกทางการทหารมาประจำการในฐานทัพเรือของตนเองบริเวณทะเลดำ โดยสหรัฐฯ คาดว่าอาจเป็นความพยายามในการใช้โลมาเพื่อปกป้องกองเรือของตนเองจากการโจมตีใต้น้ำ สถาบันกองทัพเรือสหรัฐฯ (USNI) เปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียมฐานทัพเรือบริเวณท่าเรือเซวาสโตโปล ก่อนจะชี้ให้เห็นภาพของโลมาสองจุดที่ถูกเคลื่อนย้ายมายังฐานทัพ ตั้งแต่ช่วงการรุกรานยูเครนโดยรัสเซียเมื่อช่วง ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ รัสเซียเคยมีประวัติการฝึกหัดโลมาทางการทหาร เพื่อใชhโลมาในการทำภารกิจกู้วัตถุหรือขัดขวางนักดำน้ำของศัตรู ฐานทัพเรือเซวาสโตโปลตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของไครเมีย ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของรัสเซียที่ยึดมาจากยูเครนตั้งแต่ปี 2557 โดยจากการวิเคราะห์ของสถาบันกองทัพเรือสหรัฐฯ เผยว่า มีเรือรัสเซียหลายลำที่จอดอยู่ที่นั่น แม้ว่าฐานทัพนี้จะอยู่นอกระยะยิงขีปนาวุธ และมีโอกาสเสี่ยงที่จะถูกโจมตีใต้ทะเลได้ก็ตาม ยูเครนเองก็เคยมีการฝึกโลมาในทางการทหารด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะสถานเลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณใกล้กันกับเซวาสโตโปล ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงสมัยยุคสหภาพโซเวียต โลมายังถูกใช้ในทางยุทธวิธีกองทัพเรือทั้งในสหรัฐฯ และโซเวียตตลอดช่วงสงครามเย็น โดยโลมาที่ถูกฝึกจะสามารถตรวจหาวัตถุใต้น้ำได้ โดยเฉพาะทุ่นระเบิด ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้มีการใช้งบประมาณ 28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 960 ล้านบาท) ในการฝึกโลมาและสิงโตทะเล ที่สามารถนำมาเรียนรู้ยุทธวิธีทางการทหารของมนุษย์ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหล่านี้อาจจะถูกนำมาใช้กับภารกิจในสงครามยูเครนในตอนนี้ได้ อย่างไรก็ดี ยูเครนรื้อฟื้นการฝึกโลมาทางการทหารขึ้นมาอีกครั้งเมื่อปี 2555 ก่อนที่โลมาทั้งหมดจะตกไปเป็นของรัสเซียในปี 2557 จากการเข้ายึดไครเมีย โดยรัสเซียไม่ยอมส่งคืนโลมาให้กับทางยูเครน แต่กลับขยายโครงการการฝึกต่อเนื่อง “ผู้เชี่ยวชาญของเราได้พัฒนาอุปกรณ์ใหม่ที่แปลงการตรวจจับโซนาร์ใต้น้ำของโลมา ให้เป็นสัญญาณส่งไปยังจอภาพของผู้ปฏิบัติงาน กองทัพเรือยูเครนขาดเงินทุนสำหรับความรู้ดังกล่าว และบางโครงการต้องถูกระงับ” แหล่งข่าวระบุกับทางสำนักข่าวของรัสเซีย…

สหรัฐหวั่นอาวุธที่ส่งไปช่วยยูเครนหลุดไปอยู่ในมือฝ่ายอื่น

Loading

  แม้แต่สหรัฐฯเองก็สุดจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับอาวุธมหาศาลที่ส่งไปช่วยยูเครน แหล่งข่าวหลายรายเผยกับ CNN ว่า สหรัฐฯ มีหนทางติดตามอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งขีปนาวุธต่อต้านรถถัง ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน ที่ส่งไปสนับสนุนยูเครนเพียงไม่กี่วิธี สาเหตุหลักเป็นเพราะสหรัฐฯ ไม่มีทหารอยู่ในยูเครน ขณะที่ระบบอาวุธชิ้นเล็กๆ ที่เคลื่อนย้ายได้ง่ายกำลังหลั่งไหลเข้าไปในยูเครนอย่างต่อเนื่อง แต่มันคือความเสี่ยงที่รัฐบาลไบเดนเต็มใจจะเสี่ยง ในระยะสั้นสหรัฐฯ มองว่าการส่งอาวุธมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐสำคัญอย่างยิ่งต่อศักยภาพของยูเครนในการสู้กับการรุกรานของรัสเซีย ทั้งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และนักวิเคราะห์ด้านกลาโหมมองว่า ความเสี่ยงอยู่ที่ระยะยาว อาวุธเหล่านั้นบางส่วนอาจตกอยู่ในมือของกองทัพและกองกำลังติดอาวุธอื่นๆ ที่สหรัฐฯไม่ได้ตั้งใจจะส่งมอบอาวุธให้ แหล่งข่าวรายหนึ่งที่ได้รับการบรรยายสรุปข่าวกรองของสหรัฐฯ เผยกับ CNN ว่า “เรามีความซื่อสัตย์ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เมื่อเข้าสู่เมฆหมอกแห่งสงคราม เราแทบจะไม่มีเลย มัน (อาวุธ) ตกลงไปในหลุมดำขนาดใหญ่ และไม่นานจากนั้นคุณแทบจะไม่รับรู้เกี่ยวกับมันเลย” CNN ระบุว่า เจ้าหน้าที่กลาโหมรายหนึ่งเผยว่า ในการตัดสินใจที่จะส่งอาวุธและอุปกรณ์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ไปยังยูเครน ฝ่ายบริหารของไบเดนได้คำนึงถึงความเสี่ยงที่ในท้ายที่สุดอาวุธบางส่วนอาจไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่คาดคิด แต่ขณะนี้ฝ่ายบริหารมองว่าการจัดหาอาวุธให้ยูเครนไม่เพียงพอเป็นความเสี่ยงมากกว่า เนื่องจากกองทัพสหรัฐฯไม่ได้เข้าไปในยูเครน ดังนั้นสหรัฐฯและนาโตจึงต้องพึ่งพาข้อมูลจากรัฐบาลยูเครนเป็นหลัก ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเจ้าหน้าที่หลายคนทราบดีว่า ยูเครนมีแรงจูงใจที่จะให้ข้อมูลเฉพาะที่จะช่วยสนับสนุนให้ได้รับความช่วยเหลือ ได้รับอาวุธมากขึ้น และความช่วยเหลือทางการทูตมากขึ้น เจ้าหน้าที่อีกรายหนึ่งที่เชี่ยวชาญข่าวกรองตะวันตกเผยว่า “มันคือสงคราม ทุกสิ่งที่พวกเขาทำและพูดในที่สาธารณะล้วนมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้พวกเขาชนะสงคราม แถลงการณ์ต่อสาธารณทุกฉบับคือปฏิบัติการด้านข้อมูลข่าวสาร ทุกการให้สัมภาษณ์ ทุกการปรากฏตัวออกอากาศของเซเลนสกีคือปฏิบัติการด้านข้อมูลข่าวสาร แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาทำผิดแต่อย่างใด” CNN ระบุว่า ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและตะวันตกได้แบ่งปันข้อมูลต่างๆ…

สหรัฐฯ วางแผนพา ปธน.ยูเครนหนีออกนอกกรุงเคียฟ ขณะคอนวอยรถถังพิฆาตรัสเซียวิ่งข้ามพรมแดน

Loading

เอเจนซีส์/รอยเตอร์/เอเอฟพี – สหรัฐฯ วางแผนเตรียมย้ายตัวประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ไปเมืองทางตะวันตกของยูเครนห่างจากโปแลนด์แค่ 50 กิโลเมตร ภาพล่าสุดเห็นคอนวอยรถถังรัสเซียเคลื่อนตัวเข้าพื้นที่ดอนแบส ทางตะวันออกของยูเครน รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ ซาจิด จาวิด แถลงยืนยัน รัสเซียเริ่มต้นบุกยึดยูเครน วิกฤตร้ายแรงไม่ต่างจากวิกฤตมิสไซล์คิวบาปี 1962 ในยุคสงครามเย็น   รอยเตอร์รายงานวันนี้ (22 ก.พ.) ว่า วิกฤตยูเครนส่งผลทำให้ค่าเงินรูเบิลดิ่งต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี หรือกว่า 1.1% โดยไปอยู่ที่ 80.64 รูเบิลต่อ 1 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีหุ้นรัสเซียตกไปกว่า 8% เช่นกัน อ้างอิงจากเอเอฟพี เหล่านี้เกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ประกาศรับรองอิสรภาพของเมืองโดเนตสค์ และเมืองลูฮานสค์ที่แยกตัวออกจากยูเครนเมื่อปี 2014   สปุตนิก นิวส์ ของรัสเซียรายงานว่า รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ กล่าวว่ารัสเซียรับรองความมั่นคงในโดเนตสค์และลูฮานสค์   ส่วนนายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส…

สหรัฐฯ ปิดสถานทูตในกรุงเคียฟ สั่งทำลายเอกสารละเอียดอ่อน เตรียมป้องกันหากรัสเซียบุกยูเครน

Loading

  สหรัฐฯ ปิดสถานทูตในกรุงเคียฟของยูเครน ย้ายนักการทูตไปเมืองลิวอฟทางตะวันตกชั่วคราว พร้อมทำลายอุปกรณ์และเอกสารที่มีความละเอียดอ่อน ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง ยืนยันมีข้อมูลชัดเจนว่ารัสเซียอาจบุกยูเครน   วันที่ 15 ก.พ.2565 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ กำลังดำเนินการปิดสถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน และจะย้ายเจ้าหน้าการทูตที่ยังเหลืออยู่เล็กน้อยไปยังเมืองลิวอฟ ทางตะวันตกเป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับการสะสมกำลังของรัสเซีย   นายบลิงเคนกล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (14 ก.พ.) ว่า “ผมออกคำสั่งนี้ด้วยเหตุผลเดียว คือ ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ของเรา และขอเรียกร้องให้พลเมืองอเมริกันที่ยังคงอยู่ในยูเครนเดินทางออกจากประเทศทันที”   ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์เดอะฮิลล์ได้ออกมารายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า ได้มีการสั่งการให้ทำลายเอกสารบางส่วนในสถานทูตประจำกรุงเคียฟ เพื่อเป็นการปกป้องข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน   รายงานของเดอะฮิลล์ระบุว่า นายไบรอัน แมคคีน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศได้โทรศัพท์หารือกับนายเกรกอรี มีกส์ ประธานคณะกรรมการด้านกิจการต่างประเทศของรัฐบาล เกี่ยวกับการทำลายเอกสารภายในสถานทูตประจำกรุงเคียฟ โดยเอกสารที่ถูกทำลายนั้น ได้แก่ กรีนการ์ด และหนังสือเดินทางที่ยังไม่ได้รับการดำเนินการ   นอกจากนี้ นายแมคคีนยังเปิดเผยด้วยว่า กระทรวงต่างประเทศยังไม่ทราบตัวเลขแน่ชัดว่ามีชาวอเมริกันอยู่ในยูเครนจำนวนเท่าใด แต่จนถึงขณะนี้มีชาวอเมริกันในยูเครนเข้ามาตอบแบบสำรวจออนไลน์แล้วราว 2,100…

สหรัฐฯ บอกให้นักกีฬาใช้โทรศัพท์แบบชั่วคราวในโอลิมปิกที่ปักกิ่ง

Loading

  คณะกรรมการโอลิมปิกและพาราลิมปิกแห่งสหรัฐฯ กำลังบอกนักกีฬาที่จะเข้าสู่การแข่งขันกีฬโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่งประเทศจีนในเดือนหน้าว่า ให้เก็บโทรศัพท์มือถือเอาไว้ที่บ้าน โดยแนะนำให้เปลี่ยนมาใช้โทรศัพท์แบบชั่วคราวหรือใช้แล้วทิ้งที่มีราคาถูกเพื่อป้องกันการถูกติดตามด้วยเทคโนโลยี ปีที่ผ่านมาคณะกรรมการฯ ได้ส่งคำแนะนำดังกล่าวไปยังนักกีฬาว่า ขณะอยู่ในประเทศจีนให้เฝ้าระวังกิจกรรมทางดิจิทัล ซึ่งทุกอุปกรณ์ การสื่อสาร ธุรกรรม และกิจกรรมออนไลน์ อาจถูกสังเกตการณ์ด้วยซอฟต์แวร์ที่อันตรายและอาจส่งผลเสียต่อการใช้งานในอนาคต ทั้งนี้ประเทศแคนาดา เนเธอร์แลนด์และบริเทนใหญ่ก็ได้แจ้งเตือนนักกีฬาในลักษณะนี้ด้วยเช่นกัน การกลัวถูกติดตามมีมูลเหตุมาจากเมื่อปี 2019 มีการตรวจพบว่าจีนได้แอบติดตั้งสปายแวร์บนโทรศัพท์ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาจากเขตพื้นที่ซินเจียง ดินแดนที่มีชาวอุยกูร์มุสลิมชนกลุ่มน้อยที่หลายประเทศกล่าวหาว่าถูกจีนจำคุกและทรมานพร้อมมีการเฝ้าระวังอย่างแน่นหนา มากกว่านั้นกลุ่มวิจัย Citizen Lab แห่งมหาวิทยาลัยโทรอนโทได้ตรวจพบว่า แอป My2022 Olympic ของจีนที่กำหนดให้ผู้เข้าร่วมทั้งหมดต้องติดตั้ง มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยเต็มไปหมด ซึ่งอาจนำไปสู่การละเมิดข้อมูลส่วนตัว การเข้ามาสอดส่อง และแฮกได้ กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนที่ปักกิ่งปี 2008 ฝ่ายความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ได้ออกคำแนะนำให้ผู้เดินทางไปจีนระวังอุปกรณ์จะถูกเข้าถึงและขโมยข้อมูลจากอาชญากรหรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศ แต่เนื่องจากปีนี้มีการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด – 19 จีนจึงสั่งห้ามการเข้าชมโอลิมปิกจากผู้ชมต่างประเทศ ดังนั้นจะมีแค่นักกีฬาที่ส่วนใหญ่จะใช้โทรศัพท์ติดต่อกับครอบครัวและเพื่อน ซึ่งการใช้โทรศัพท์แบบใช้แล้วทิ้งจะสร้างความยุ่งยากมากขึ้นเพราะมีความจำกัดในการเชื่อมต่อเน็ต การส่งข้อความและการโทร การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2022 จีนประกาศว่านักกีฬาและนักข่าวจะสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและเว็บต่าง ๆ ได้ไม่จำกัด ทั้งนี้เมื่อปี 2008 จีนก็เคยประกาศไว้ทำนองนี้ แต่มีนักข่าวรายงานว่ายังมีบางเว็บไซต์ที่เข้าไม่ได้ เช่น BBC สำนักข่าวในฮ่องกงจำนวนหนึ่ง และองค์กรสิทธิมนุษยชน…