มุมมองผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยไซเบอร์ การแบน TikTok อาจทำให้ ภัยคุกคาม รุนแรงขึ้น

Loading

TikTok ไม่ใช่แอปแรกและแอปเดียว ที่มีการใช้งานข้อมูลส่วนบุคล แต่ TikTok เป็นแอปที่สร้างความกังวลในกลุ่มนักการเมืองสหรัฐฯ กว่าแอปอื่น ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ เพราะเป็นแอปที่มาจากจีน   ซึ่งหลายคนคงเคยอ่านผ่านตามาบ้าง ทั้งเรื่องความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน และการกีดกันการค้าด้วยการแบนหัวเว่ย, ZTE ไปแล้ว ลามมาถึง TikTok ซึ่งสหรัฐฯ ก็ฮึ่มๆ อยากแบนจากสหรัฐฯ อยู่ในตอนนี้   แต่การแบน TikTok เป็นทางออกที่ดีที่สุดจริงหรือ   Robert Olson ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้จากสถาบัน Rochester Institute of Technology เขียนบทความความเห็นว่า การแบน TikTok จะเป็นหายนะทางไซเบอร์ และอาจทำให้ความปลอดภัยทางดิจิทัลของบุคคลถดถอย   หากเกิดการแบน TikTok ในสหรัฐฯ จริงๆ วิธีที่รัฐบาลจะใช้ก็มีไม่กี่อย่าง คือถอดแอปออกจาก Play Store และ App Store หรือกรองทราฟฟิกที่ส่งไปยังที่อยู่ซึ่งเชื่อว่าเป็นของ TikTok ออกไป  …

มีผู้บุกรุกทำเนียบขาว เจ้าหน้าที่พบ เป็น “เด็ก 2 ขวบ”

Loading

    เกิดเหตุผู้บุกรุกทำเนียบขาว เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับเร่งเข้าควบคุมตัว พบเป็น “เด็กชายวัย 2 ขวบ” ที่คลานลอดรั้วเข้ามา   เมื่อวานนี้ (18 เม.ย.) เกิดเหตุมีผู้บุกรุกทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับเร่งเข้าควบคุมตัวผู้บุกรุกอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อไปถึง ก็พบว่า ผู้ที่บุกรุกเข้ามาเป็นเพียง “เด็กชายวัย 2 ขวบ” เท่านั้น และสั่งยกเลิกระบบแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยทันที   แอนโทนี กูกลิเอลมี หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของหน่วยสืบราชการลับ รายงานว่า ผู้บุกรุกตัวน้อยแทรกซึมเข้ามาในบริเวณทำเนียบขาวโดยการคลานผ่านช่องว่างของรั้วทางด้านทิศเหนือของทำเนียบขาว     “วันนี้หน่วยสืบราชการลับในเครื่องแบบพบอาคันตุกะอายุน้อยที่อยากรู้อยากเห็นบริเวณแนวรั้วด้านทิศเหนือของทำเนียบขาว โดยรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ทำเนียบขาวเพียงช่วงสั้น ๆ” กูกลิเอลมีกล่าว   เขาเสริมว่า หลังจากพบตัวเด็กน้อย ก็ได้ดำเนินการส่งคืนให้กับพ่อแม่ซึ่งอยู่ที่ถนนเพนซิลเวเนียติดกับทำเนียบขาวอย่างรวดเร็ว พ่อแม่ของเด็กชายถูกสอบปากคำสั้น ๆ ก่อนจะถูกปล่อยตัวไป   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุมีเด็กน้อยคลานผ่านรั้วของทำเนียบขาว เคยมีเหตุการณ์ที่คล้ายกันนี้ในปี 2014 เมื่อเด็กวัยหัดเดินเบียดตัวผ่านรั้วทำเนียบขาวก่อนที่ประธานาธิบดี บารัก โอบามา จะกล่าวปราศรัย การบุกรุกนั้นทำให้ต้องปิดทำเนียบขาวชั่วคราว และทำให้การปราศรัยล่าช้า   รั้วของทำเนียบขาวที่เด็กวัยหัดคลานผ่านเข้าไปได้นี้มีความสูงเกือบ 4…

นักเรียนต่างชาติกังวลเรื่องความรุนแรงในรั้วมหาวิทยาลัย

Loading

  ความรุนแรงจากการใช้ปืนอาจเกิดขึ้นได้ทุกที่ในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียน ขบวนพาเหรดในวันหยุด หรือร้านขายอาหาร และยังอาจเกิดขึ้นได้ในรั้วมหาวิทยาลัยอีกด้วย   เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ มือปืนคนหนึ่งเข้าไปก่อเหตุในบริเวณมหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตท ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คนและบาดเจ็บอีก 5 คน และเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว นักศึกษามหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย 3 คนถูกเพื่อนร่วมชั้นฆ่าตายขณะที่เดินทางกลับมาจากกรุงวอชิงตัน   นอกจากนี้ยังมีการใช้ความรุนแรงรูปแบบอื่น ๆ ตามรั้วมหาวิทยาลัย อย่างเช่นเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว มีการก่อเหตุโดยใช้มีดคร่าชีวิตนักศึกษา 4 คนจากมหาวิทยาลัยไอดาโฮ ในขณะที่พวกเขานอนหลับอยู่ในบ้านที่อยู่ใกล้กับโรงเรียน ปัจจุบันยังคงมีการสืบสวนคดีนี้กันอยู่ ส่วนที่รัฐมิชิแกน ชายที่ก่อเหตุยิงนักเรียนฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา และที่รัฐเวอร์จิเนีย ตำรวจได้จับกุมนักเรียนที่ก่อเหตุยิงเพื่อนร่วมชั้นของเขาเอง   ข้อมูลจาก Violence Project ระบุว่า มีการก่อเหตุกราดยิงเก้าครั้งทั้งในหรือรอบ ๆ มหาวิทยาลัยในอเมริกาตั้งแต่ปี 1966   สำหรับเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเทคในปี 2007 โดยนักศึกษาคนหนึ่งได้สังหารผู้คนไป 32 คนและบาดเจ็บอีก 17 คน   15 ปีต่อมา แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและกฎเกณฑ์บางอย่าง แต่การก่อเหตุกราดยิงก็ยังคงเกิดขึ้น  …

กล้าหือไหม! ร้อง รบ.เกาหลีใต้สืบสวนสหรัฐฯ ‘จารกรรม’ หลังเอกสารหลุดแฉโดนอเมริกาสอดแนม

Loading

    ฝ่ายค้านเกาหลีใต้ ในวันพุธ (12 เม.ย.) ออกมาเรียกร้องรัฐบาลให้ดำเนินการสืบสวนคำกล่าวหาถูกสหรัฐฯ จารกรรมข้อมูล หลังเอกสารหลุดของกระทรวงกลาโหมอเมริกา (เพนตากอน) เผยให้เห็นว่า วอชิงตันกำลังสอดแนมพันธมิตรหลักในเอเชียของพวกเขาแห่งนี้   เอกสารข่าวกรองของสหรัฐฯ ที่อ่อนไหวอย่างมากได้หลุดไปปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์เมื่อไม่นานมานี้ นั่นรวมถึงเอกสารที่เปิดโปงว่าวอชิงตันได้ทำการดักฟังสอดแนมบรรดาที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดี ยุน ซุกยอล ของเกาหลีใต้ ส่วนหนึ่งในความพยายามหาทางรับประกันว่าโซลจะจัดหาอาวุธมอบให้แก่ยูเครน   เมื่อวันอังคาร (11 เม.ย.) รัฐบาลเกาหลีใต้พยายามกลบกระแสความกังวลเกี่ยวกับความสำคัญของเอกสารหลุดดังกล่าว โดยทางทำเนียบประธานาธิบดีอ้างว่า “เอกสารจำนวนมาก” เป็นของปลอม และระบุที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของเขา เชื่อว่า “ไม่มีเจตนาประสงค์ร้าย” ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   อย่างไรก็ตาม เอกสารหลุดดังกล่าวโหมกระพือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเกาหลีใต้ เกี่ยวกับความอ่อนแอของที่ตั้งที่อ่อนไหวต่าง ๆ ในนั้นรวมของทำเนียบประธานาธิบดี   “รัฐบาลต้องขีดเส้นใต้คำกล่าวหาลอบดักฟังนี้ และหากพบว่ามันเป็นความจริง มันจำเป็นต้องมีการขอโทษอย่างเป็นทางการ และสหรัฐฯ ต้องรับประกันว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง” ลี แจ-มยุง หัวหน้าพรรคเดโมแครต ปาร์ตี พรรคฝ่ายค้าน กล่าวในวันพุธ (12 เม.ย.)   บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากฝ่ายค้าน กล่าวหาว่ารัฐบาลพยายามปล่อยผ่านเหตุการณ์นี้…

เพนตากอนเร่งสอบ เอกสารลับเกี่ยวกับสงครามยูเครนหลุดว่อนโซเชียล

Loading

    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน อยู่ระหว่างการตรวจสอบกรณีที่ข้อมูลลับด้านการทหารของสหรัฐฯ และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) เกี่ยวกับสงครามในยูเครน ถูกนำไปเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์   CNN ได้ตรวจสอบภาพสกรีนช็อตบางส่วนที่เผยแพร่บน Twitter และ Telegram แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นภาพจริงหรือผ่านการตัดต่อมา ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า เอกสารดังกล่าวเป็นภาพจริง โดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับสงครามที่เพนตากอนจัดทำขึ้น แต่ดูเหมือนว่าเอกสารดังกล่าวถูกแก้ไขในบางจุด   ซาบรินา ซิงห์ รองเลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนของเพนตากอน ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับความถูกต้องของเอกสารดังกล่าว แต่ระบุในแถลงการณ์ว่า กระทรวงกลาโหมรับทราบรายงานเกี่ยวกับข้อมูลที่ถูกเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ และกระทรวงกลาโหมกำลังตรวจสอบเรื่องนี้   ด้าน มีไคโล โปโดลีแอก ที่ปรึกษาหัวหน้าสำนักประธานาธิบดียูเครน กล่าวผ่านช่อง Telegram ส่วนตัวว่า เขาเชื่อว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ พร้อมทั้งระบุว่าเอกสารที่รั่วไหลและถูกนำไปเผยแพร่บนสื่อโซเชียลนั้นไม่ใช่ของจริง โดยข้อมูลจำนวนมากที่ถูกอ้างอิงนั้นเป็นข้อมูลที่แต่งขึ้น และไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับแผนการที่แท้จริงของยูเครน   รายงานข่าวระบุว่า เอกสารที่ปรากฏนั้นไม่ว่าจะเป็นของจริงหรือไม่ก็ตาม มุ่งนำเสนอเกี่ยวกับประเด็นที่ว่า การวางแผนตอบโต้ของยูเครนจะเริ่มขึ้นเมื่อใด และฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับการเตรียมการของอีกฝ่าย   ภาพหนึ่งที่เผยแพร่ในช่อง Telegram ของรัสเซีย และได้รับการตรวจสอบโดย CNN คือภาพถ่ายเอกสารฉบับพิมพ์ชื่อ…

สื่อผู้ดีอ้างจีนตั้งฐานเรดาร์ทหารกลางป่าทึบศรีลังกา สอดแนมสหรัฐฯ-อังกฤษ-อินเดีย

Loading

    เอเจนซีส์ – โปรเจกต์สถานีรับสัญญาณดาวเทียมกลางป่าทึบของสถาบันวิจัยข้อมูลอวกาศ AIR (Aerospace Information Research Institute) ของสถาบันวิทยาศาสตร์จีน CAS ที่กำลังจะเกิดขึ้นกลางป่าทึบที่อ่าวดอนดรา (Dondra Bay) มีเป้าหมายเพื่อสอดแนมความเคลื่อนไหวเรือรบชาติตะวันตกและอินเดียในมหาสมุทรอินเดีย รวมถึงฐานที่ตั้งทางทหารอเมริกัน-อังกฤษในดินแดนอาณานิคมอังกฤษ ดิเอโก การ์เซีย (Diego Garcia) กลางมหาสมุทรอินเดียและของอินเดียอย่างไม่ต้องสงสัย   เดลีเอ็กซเพรสของอังกฤษรายงานวันนี้ (3 เม.ย.) ว่า โปรเจกต์สถานีรับสัญญาณดาวเทียมจีนนี้ถูกเปิดเผยโดยแหล่งข่าวกรองศรีลังกา และโปรเจกต์ฐานเรดาร์ลับของทางการทหารของจีนกลางป่าทึบที่อ่าวดอนดรา (Dondra Bay) ในรูฮูนา (Ruhuna) ตั้งอยู่ทางปลายสุดศรีลังกา ที่ถูกผู้เชี่ยวชาญประณามได้กลายเป็นข้อพิสูจน์อย่างแน่นหนาว่า ปักกิ่งใช้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเพื่อทำให้ศรีลังกาตกอยู่ในบ่วงหนี้โปรเจกต์โครงสร้างพื้นฐานพันล้านอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเพื่อผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ของปักกิ่ง   สถานีรับสัญญาณดาวเทียมเป็นของสถาบันวิจัยข้อมูลอวกาศ AIR (Aerospace Information Research Institute) ของสถาบันวิทยาศาสตร์จีน CAS สื่ออังกฤษชี้ว่า ปักกิ่งสามารถใช้ฐานเรดาร์ลับใหม่นี้ที่มีที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญในทางปลายแหลมของศรีลังกาเพื่อการเพิ่มศักยภาพในการสอดแนมปฏิบัติการข่าวกรองของตัวเองต่อการเคลื่อนไหวเรือรบโลกตะวันตกในมหาสมุทรอินเดีย   และที่ร้ายแรงกว่านั้นมันจะเป็นการเปิดโอกาสให้จีนสามารถสอดแนมที่ตั้งทางการทหารสหรัฐฯ และอังกฤษตั้งอยู่ในดินแดนอาณานิคมอังกฤษกลางมหาสมุทรอินเดีย ดิเอโก การ์เซีย (Diego Garcia) และอินเดีย…