สหรัฐขับไล่จนท.ทูต-คว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่

Loading

  รัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศขับไล่นักการทูตรัสเซีย 10 คน ออกนอกประเทศ เมื่อวันพฤหัสบดี พร้อมกับคว่ำบาตรบุคคลและนิติบุคคลรัสเซีย อีกกว่า 30 ราย เพื่อเป็นการลงโทษ การแทกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว และการเจาะล้วงข้อมูลหลายหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ว่า การขับไล่นักการทูตและคว่ำบาตรรัสเซีย ของรัฐบาลสหรัฐ เป็นไปตามความคาดหมาย ในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ และนับเป็นมาตรการตอบโต้เครมลินครั้งแรก ต่อการเจาะล้วงข้อมูล ซึ่งเชื่อกันว่าทีมแฮกเกอร์รัสเซีย สามารถเข้าถึงข้อมูลลับ ของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอย่างน้อย 9 แห่ง นอกเหนือจากการเจาะล้วงข้อมูลแล้ว เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวหาประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย อนุมัติปฏิบัติการ เพื่อช่วยเหลืออดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แม้จะไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่ารัสเซียหรือใครอื่น เปลี่ยนแปลงผลคะแนน หรือพลิกผลการเลือกตั้ง     มาตรการที่ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี รวมถึงการคว่ำบาตรธุรกิจรัสเซีย 6 บริษัท ที่สนับสนุนปฏิบัติการโจมตีไซเบอร์ บุคคลและนิติบุคคล…

มาตรการคุม “ปืนผี” ของไบเดน ส่วนเล็กๆ ของปัญหาความรุนแรงจากปืนในอเมริกา

Loading

  ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ประกาศมาตรการฝ่ายบริหาร 6 ข้อ ควบคุมการซื้อขายอาวุธปืน เน้นที่การกวาดล้าง “ปืนผี” หรือปืนแบบทำเองไม่มีทะเบียน ไม่สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้ หาซื้อง่ายตามตลาดมืด และมักถูกนำมาใช้เป็นอาวุธก่อเหตุกราดยิงนองเลือดหลายครั้ง แกนนำอาวุโสของ ส.ส.รีพับลิกัน ออกมาคัดค้าน พร้อมเตือนว่ามาตรการควบคุมปืน เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิ์ในการครอบครองอาวุธส่วนตัว เช่น ปืนพก สถิติระบุว่าชาวอเมริกันเสียชีวิตจากความรุนแรงที่จบลงด้วยการใช้อาวุธปืนสังหารวันละกว่า 100 คน ขณะที่ปี 2563 ชาวอเมริกันเสียชีวิตจากอาวุธปืนเกือบ 20,000 คน เป็นตัวเลขสูงที่สุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษ   หลังเกิดเหตุสลดมือปืนบุกกราดยิงหลายครั้งในสหรัฐฯ นับตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 25 ศพ ล่าสุดประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ประกาศมาตรการฝ่ายบริหาร 6 ข้อ เพื่อควบคุมความรุนแรงจากอาวุธปืนที่เขาระบุว่ากำลังเป็น “โรคระบาด” และ “ความอับอายขายหน้าระหว่างประเทศ” ผู้นำสหรัฐฯ ต้องการปิดช่องโหว่ของการผลิตอาวุธปืนที่ไม่มีทะเบียน ตลอดจนปืนที่ทำจากเครื่องพิมพ์สามมิติ โดยมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมออกระเบียบข้อจำกัด “ปิดช่องโหว่” ควบคุมการซื้อขายปืนผี ทั้งการซื้อทางออนไลน์…

รวบหนุ่มเท็กซัสวางแผนทำลายล้างระบบอินเทอร์เน็ตสหรัฐ

Loading

      หนุ่มหัวรุนแรงชาวเท็กซัสซื้อระเบิดเตรียมโจมตีศูนย์ข้อมูลของ Amazon Web Services สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เข้าจับกุมนายเซธ แอรอน เพนดลีย์ (Seth Aaron Pendley) วัย 28 ปี จากเมืองวิชิตาฟอลส์ ในรัฐเท็กซัส พร้อมตั้งข้อหาพยายามทำลายอาคารจากการวางแผนระเบิดศูนย์ข้อมูลของ Amazon Web Services (AWS) ในรัฐเวอร์จิเนีย โดยเพนดลีย์ได้เปิดเผยต่อสายของเจ้าหน้าที่ถึงแผนการใช้วัตถุระเบิดพลาสติก C-4 ในการโจมตีศูนย์ข้อมูลของ Amazon เพื่อทำลายระบบอินเทอร์เน็ตกว่า 70% ตลอดจนการปกครองแบบคณาธิปไตยในสหรัฐ เนื่องจากตนเชื่อว่าศูนย์ข้อมูลดังกล่าวให้บริการแก่ FBI, CIA และหน่วยงานของรัฐบาลกลางอื่นๆ ซึ่งหากการโจมตีครั้งนี้สำเร็จจะส่งผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีอีกหลายแห่ง รวมถึงการให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศจะขัดข้อง และการจับกุมครั้งนี้นับเป็นการช่วยชีวิตคนงานด้านเทคโนโลยีในสหรัฐจำนวนมาก โดยก่อนหน้านี้เพนดลีย์กล่าวบนเว็บไซต์ MyMilitia.com ซึ่งระบุว่าเครือข่ายสำหรับผู้รักชาติชาวอเมริกันที่เป็นการรวมกลุ่มกันของกลุ่มคนหัวรุนแรงและสนับสนุนการก่อการร้าย โดยเพนดลีย์ใช้นามแฝงว่า “Dionysus” พร้อมระบุว่าตนกำลังวางแผนที่จะ “ทำการทดลองเล็กๆ น้อยๆ ที่จะดึงความร้อนออกมามาก และเป็นอันตราย” เมื่อถูกถามว่าผลลัพธ์ที่ต้องการของการทดลองคืออะไรเขาตอบว่า “เสียชีวิต” นอกจากนี้เพนดลีย์ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสมาชิกหัวรุนแรงในสหรัฐที่ทำการบุกรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมาอีกด้วย…

‘ทูตอาเซียน’ ส่งหนังสือถึง ‘บลิงเคน’ ห่วงเหยียดชาติเอเชียในสหรัฐแรง

Loading

    เอกอัครรราชทูตของประเทศสมาชิกอาเซียน ประจำกรุงวอชิงตัน ร่วมส่งหนังสือถึง “แอนโทนี บลิงเคน” ห่วงสถานการณ์เหยียดชาติเอเชียในสหรัฐรุนแรง กระทบคนไทยอยู่ยาก ด้าน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ย้ำทุกคนในสหรัฐจะได้รับคุ้มครองและศักดิ์ศรีเท่าเทียม เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564 นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการดำเนินการของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน กรณีเหตุการณ์ความรุนแรงและการเหยียดเชื้อชาติต่อชาวเอเชียในสหรัฐ ว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ได้รับทราบและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และตระหนักถึงผลกระทบต่อคนไทยที่อาศัยอยู่ในสหรัฐ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ร่วมกับเอกอัครราชทูตของประเทศสมาชิกอาเซียนประจำสหรัฐ ในนามคณะกรรมการอาเซียนประจำกรุงวอชิงตัน (ASEAN Committee in Washington : ACW) ได้ร่วมกันสะท้อนข้อห่วงกังวลต่อเหตุการณ์นี้ไปยังรัฐบาลสหรัฐ โดยเอกอัครราชทูตมาเลเซียในฐานะประธาน ACW ได้มีหนังสือลงนามถึงนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เพื่อแสดงความห่วงกังวลต่อเหตุการณ์ความรุนแรงและการเหยียดเชื้อชาติชาวเอเชียในสหรัฐที่เกิดเพิ่มมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา       กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ได้มีหนังสือตอบกลับเมื่อวันที่ 6 เมษายน…

หนุ่มนิวยอร์กโดนรวบ หลังข่มขู่ ‘ชาวเอเชีย’ ที่เป็นตร.นอกเครื่องแบบ ที่ดูแลเรื่องนี้

Loading

  เมื่อวันที่ 11 เมษายน เอบีซีนิวส์ ได้รายงานว่าชายชาวนิวยอร์กคนหนึ่งถูกตั้งข้อหาก่ออาญากรรมจากความเกลียดชัง หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ว่าเขาข่มขู่และต่อต้านชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบที่ได้รับมอบหมายภารกิจ เพื่อจัดการกับอาชญากรรมจากความเกลียดชัง จูเวียน โรดริเกซ วัย 35 ปี ได้ถูกจับกุมเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังได้รับข้อกล่าวหาที่บริเวณใกล้กับสถานีเพนน์ เจ้าหน้าที่ทำรวจได้รายงานว่าโรดริเกซนั้นมีเจตนาข่มขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ “กลับประเทศจีนไปซะ ก่อนที่แกจะไปจบชีวิตลงในสุสาน” พร้อมทั้งขู่ว่าจะตบและทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าที่ใบหน้า       จากการกระทำดังกล่าวทำให้เขาถูกตั้งข้อหาเกี่ยวกับความผิดทางอาญา รวมไปถึงการคุกคามและการล่วงละเมิดในฐานะอาชญากรรมแห่งความเกลียดชัง ซึ่งจากการตรวจสอบก็พบว่าโรดริเกซนั้นเคยถูกจับและถูกดำเนินคดีมาแล้วเกือบ 30 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ปี 2545 โดยคดีที่เขาเพิ่งโดนมาครั้งล่าสุดก็คือคดีเกี่ยวกับการขนส่งเมื่อปี 2562 ทั้งนี้การจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ และอาชญากรรมแห่งความเกลียดชัง ที่มีต่อคนเอเชียที่อาศัยอยู่ภายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทางการของสหรัฐฯ เองก็ได้มีการยกระดับมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย เพื่อลดการก่อเหตุอาชญากรรมลง ไม่ว่าจะเป็นการออกลาดตระเวน และการเพิ่มเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบในพื้นที่ที่มีประชากรชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก     ด้าน เดอร์มอท เชน ผู้บัญชาการตำรวจได้ฝากคำเตือนไปยังผู้ที่มีพฤติกรรมต่อต้านชาวเอเชียว่า คนที่พวกเขามองว่านั่นคือเป้าหมาย ที่จะเข้าไปทำให้เขาเกิดอันตรายทั้งวาจาและร่างกาย ตามทางเดิน ถนนหรือสถานีรถไฟนั้น พวกเขาอาจจะกลายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นคิดให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป อย่างไรก็ตามการแฝงเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไป เพื่อจับตามองพฤติกรรมของผู้ที่ต่อต้านชาวเอเชียนั้นก็ได้ผลพอสมควร เพราะเมื่อวันที่ 8…

ตำรวจอเมริกันเพิ่มมาตรการคุ้มครองชุมชนเอเชียหลังอาชญากรรมจากความเกลียดชังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

Loading

    ตำรวจเมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย มากกว่า 10 คน ร่วมเดินตรวจตราในย่านชุมชนชาวเอเชียในเมืองซานโฮเซ่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการปกป้องชุมชนชาวเอเชียสืบเนื่องจากความหวาดกลัวเรื่องอาชญากรรมจากความเกลียดชังที่มุ่งเป้ามายังชุมชนคนเชื้อสายเอเชียในสหรัฐฯ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินตรวจย่านร้านค้าของชุมชนคนเชื้อสายเวียดนามและญี่ปุ่น ในเมืองซานโฮเซ่ เมื่อวันเสาร์ ซึ่งเป็นจุดที่เคยมีการชุมนุมต่อต้านอาชญากรรมจากความเกลียดชังด้านเชื้อชาติและสีผิว หลังเหตุการณ์กราดยิงที่ร้านนวดและสปาในนครแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย เมื่อเดือนที่แล้ว แอนโธนี มาทา หัวหน้าตำรวจซานโฮเซ่ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเกิดกระแสความหวาดกลัวและความไม่พอใจในหมู่คนเชื้อสายเอเชีย และเป็นสิ่งสำคัญที่ตำรวจต้องพูดคุยและมีส่วนร่วมมากขึ้นกับชุมชนเหล่านี้       เวลานี้ตำรวจในหลายเมืองทั่วสหรัฐฯ กำลังพยายามเพิ่มมาตรการคุ้มครองชุมชนชาวเอเชียหลังจากที่เกิดความรุนแรงต่อประชากรกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นตั้งแต่เกิดการระบาดของโคโรนาไวรัสเมื่อหนึ่งปีก่อน รายงานสำรวจของ Center for the Study of Hate and Extremism ที่มหาวิทยาลัย California State วิทยาเขตซานเบอร์นาดิโน ชี้ให้เห็นว่า แม้ตัวเลขการเกิดอาชญากรรมในอเมริกาลดลงเล็กน้อยเมื่อปีที่แล้ว แต่อาชญากรรมต่อกลุ่มประชากรเชื้อสายเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิกกลับเพิ่มขึ้นราว 145% รวมถึงเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่มีผู้สูงอายุชาวฟิลิปปินส์ถูกทำร้ายที่นครนิวยอร์ก และภาพวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ สร้างความตกใจและโกรธแค้นในกับชุมชนคนเอเชียจำนวนมาก นอกจากที่เมืองซานโฮเซ่แล้ว ตำรวจในนิวยอร์กและนครชิคาโก ต่างเพิ่มมาตรการคุ้มครองชุมชนชาวเอเชียมากขึ้นเช่นกัน รวมทั้งการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนและเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเข้าไปในย่านที่มีคนเอเชียหนาแน่นมากขึ้นด้วย   ———————————————————————————————————————————————————…