สหรัฐสั่งปิดล้อมอาคารสนง.วุฒิสภา หลังได้รับแจ้งเหตุมีมือปืนในอาคาร

Loading

อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐฯ (Photo : AFP)   สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตำรวจรัฐสภาสหรัฐสั่งปิดล้อมอาคารสำนักงานวุฒิสภาสหรัฐเมื่อบ่ายวานนี้ (2 ส.ค.) ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบเกี่ยวกับรายงานที่ว่า มีมือปืนอยู่ภายในอาคารสำนักงาน   ตำรวจรัฐสภาระบุผ่านทวิตเตอร์เมื่อเวลา 14.45 น.ตามเวลาสหรัฐในวันพุธว่า “เจ้าหน้าที่ของเรากำลังออกค้นหาในบริเวณโดยรอบอาคารสำนักงานวุฒิสภา หลังได้รับรายงานจากสายด่วน 911 โปรดอยู่ห่างจากพื้นที่ดังกล่าว ขณะที่เรากำลังดำเนินการตรวจสอบ”   ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอให้ผู้ที่อยู่ภายในอาคารสำนักงานหาที่หลบภัย ในขณะที่เจ้าหน้าที่ออกค้นหาบุคคลต้องสงสัยว่าเป็นมือปืนในพื้นที่ดังกล่าว ก่อนที่จะประกาศว่าไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติใด ๆ เมื่อเวลา 16.04 น.   อย่างไรก็ตาม ตำรวจรัฐสภาได้ระบุในภายหลังว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ประจำการเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดใช้อาคารสำนักงานวุฒิสภาอีกครั้ง   เจ้าหน้าที่โธมัส แมนเจอร์ หัวหน้าตำรวจรัฐสภากล่าวกับบรรดานักข่าวว่า รายงานจากสายด่วน 911 เกี่ยวกับมือปืนอาจเป็นเรื่องหลอกลวง และยังไม่มีการยืนยันว่ามีมือปืนอยู่จริง   ทั้งนี้ วุฒิสภากำลังอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมในฤดูร้อน และสมาชิกสภานิติบัญญัติส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในกรุงวอชิงตันดีซี   ที่มา :  สำนักข่าวอินโฟเควสท์     โอละพ่อ!…

สหรัฐเผชิญเหตุกราดยิงในปีนี้ สะสมมากกว่า 400 ครั้งแล้ว

Loading

      กัน ไวโอเลนซ์ อาร์ไคฟ์ (Gun Violence Archive) เว็บไซต์ระดับชาติที่ติดตามยอดผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากอาวุธปืน รายงานการเกิดเหตุกราดยิงทั่วสหรัฐฯ จำนวน 9 ครั้ง เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มจำนวนเหตุกราดยิงในปีนี้ รวมอยู่ที่มากกว่า 400 ครั้งแล้ว   สำนักข่าวซินหัวรายงานจากนครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ว่า ข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์คลังข้อมูลความรุนแรงจากอาวุธปืนนี้ ซึ่งนิยามเหตุกราดยิงเป็นเหตุการณ์ที่มีเหยื่อบาดเจ็บหรือเสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย ไม่รวมมือปืนระบุว่า เหตุกราดยิงทั้งเก้าครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมอย่างน้อย 4 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บรวมอย่างน้อย 35 คน   ทั้งนี้ กัน ไวโอเลนซ์ อาร์ไคฟ์ เก็บรวบรวมหรือตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข้อมูล 7,500 แห่ง ในแต่ละวัน และพบว่า จำนวนเหตุกราดยิงทั่วสหรัฐฯ นับตั้งแต่ต้นปีนี้ อยู่ที่อย่างน้อย 404 ครั้ง และมีจำนวนผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่อย่างน้อย 453…

ยุติธรรมสหรัฐฯ ฟ้อง “ทรัมป์” รอบใหม่หลังพบแอบสั่งการลูกน้อง “ลบภาพทีวีวงจรปิด” ในคฤหาสน์รัฐฟลอริดาคดีแอบเก็บเอกสารลับสหรัฐฯ

Loading

  เอเจนซีส์ – กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ วันพฤหัสบดี (27 ก.ค.) สั่งยื่นฟ้องดำเนินคดีเอาผิดรอบใหม่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และหัวหน้าฝ่ายบำรุงคฤหาสน์ Mar-a-Lago ในเมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา และเจ้าหน้าที่อารักขาส่วนตัว   อดีตทหารเรือสหรัฐฯ คนสนิท วอลต์ เนาตา (Walt Nauta) ในความผิดสมคบคิดและขัดขวางกระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯ หลังพบทรัมป์ออกคำสั่งให้ลบภาพทีวีวงจรปิดของคฤหาสน์ทิ้ง กันถูกใช้เป็นหลักฐานเล่นงานคดีแอบเก็บเอกสารลับสหรัฐฯ พบคำสนทนาอดีตผู้นำสหรัฐฯ ยอมรับตัวเองไม่สามารถสั่งคลายความลับเอกสารเพนตากอนเหล่านี้ได้เพราะไร้อำนาจประธานาธิบดีแล้ว   เอบีซีนิวส์ของสหรัฐฯ รายงานวันศุกร์ (28 ก.ค.) ว่า คำสั่งฟ้องดำเนินคดีในวันพฤหัสบดี (27 ก.ค.) มีผู้ต้องหา 3 คน ได้แก่ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คาร์ลอส เด โอลีเวียรา (Carlos De Oliveira) หัวหน้าฝ่ายบำรุงคฤหาสน์ Mar-a-Lago ของทรัมป์ในเมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา และเจ้าหน้าที่อารักขาส่วนตัวอดีตทหารเรือสหรัฐฯ คนสนิท วอลต์ เนาตา…

มิล้าสมัยแม้จะห้ามใช้โทรศัพท์

Loading

  โทรศัพท์อัจฉริยะ เป็นเครื่องใช้ที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราในปัจจุบัน ถึงขั้นขาดไม่ได้จนกลายเป็นเสมือนปัจจัยที่ 5 แล้ว   แต่รัฐบาลและโรงเรียนเนเธอร์แลนด์เพิ่งประกาศว่า ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปโรงเรียนจะห้ามนักเรียนใช้โทรศัพท์ในห้องเรียน ยกเว้นสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นจำพวกด้านสุขภาพและในวิชาที่เกี่ยวกับการเพิ่มทักษะทางเทคโนโลยีดิจิทัล โรงเรียนแต่ละแห่งจะนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติตามแนวที่ตนเห็นว่าเหมาะสม   นโยบายใหม่นี้ยังไม่มีกฎหมายใช้บังคับ หลังจากเวลาผ่านไป 1 ปีจึงจะมีการประเมินว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปรวมทั้งการจะตรากฎหมายใหม่ออกมาบังคับใช้หรือไม่ด้วย เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศยุโรปล่าสุดที่ประกาศนโยบายแนวนี้หลังจากฟินแลนด์ทำล่วงหน้าไป 1 สัปดาห์ มีรายงานว่าอังกฤษและฝรั่งเศสกำลังพิจารณาว่าจะทำเช่นนั้นด้วยหรือไม่   ประเทศต่าง ๆ อ้างผลการวิจัยที่สรุปว่า การอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ได้ในเวลาเรียนขัดขวางกระบวนการเรียนรู้ เพราะมันทำลายสมาธิของนักเรียน ข้อสรุปนี้น่าจะเป็นที่ประจักษ์มานานก่อนการวิจัยแล้ว   โรงเรียนจำนวนมากในสหรัฐอเมริกา จึงห้ามนักเรียนใช้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียน ตั้งแต่ครั้งโทรศัพท์จำพวกนี้เริ่มมีใช้อย่างแพร่หลาย ก่อนที่จะกลายมาเป็นโทรศัพท์อัจฉริยะ   รัฐบาลกลางอเมริกันไม่มีคำสั่ง หรือนโยบายจากส่วนกลางว่าโรงเรียนจะต้องทำอย่างไร เนื่องจากการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นงานของรัฐบาลท้องถิ่น   ในปัจจุบัน โรงเรียนอเมริกันใช้แนวปฏิบัติต่อการใช้โทรศัพท์ในโรงเรียนต่างกันโดยส่วนใหญ่ห้ามใช้ อย่างไรก็ตาม ความเข้มงวดของการห้ามมีความแตกต่างกัน เช่น ในย่านนอกกรุงวอชิงตันอันเป็นเมืองหลวง บางโรงเรียนเข้มงวดมากถึงกับยึดโทรศัพท์และกักตัวนักเรียนผู้ละเมิดข้อห้าม   แม้เด็กจะทำผิดครั้งแรกก็ตาม จนกว่าผู้ปกครองจะไปลงชื่อรับรู้ความผิดของเด็กและรับเด็กกลับบ้านด้วยตัวเอง ตัวอย่างนี้น่าจะชี้ว่า นักเรียนอเมริกันมิได้มีอิสระสารพัดที่จะทำอะไรก็ได้ดังชาวไทยมักเข้าใจกัน การบังคับใช้ข้อห้ามต่าง ๆ เขาทำกันอย่างเข้มงวด   สำหรับประเทศในยุโรป เช่น…

รัสเซียออกคำสั่งแบนเจ้าหน้าที่รัฐใช้ iPhone และสินค้าแอปเปิล เพราะกลัวสหรัฐสอดแนม

Loading

  Financial Times รายงานข่าวว่ารัฐบาลรัสเซีย ออกคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนมากใช้งาน iPhone, iPad และสินค้าของแอปเปิล ด้วยเหตุผลว่ากลัวการสอดแนมจากสหรัฐอเมริกา คำสั่งนี้มีผลเฉพาะการใช้เรื่องงาน แต่ไม่ห้ามแบนในการใช้ส่วนตัว   แหล่งข่าวของ Financial Times บอกว่าที่มาของนโยบายนี้มาจาก FSB หน่วยข่าวกรองของรัสเซีย ที่มองว่าสินค้าของแอปเปิลไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว (ข่าวก่อนหน้านี้ของ FSB) ส่งผลให้หน่วยงานรัฐต่างๆ ขานรับและเริ่มออกคำสั่งห้ามใช้งานกับบุคลากรของตน   ตามแผนของรัสเซียคือต้องการสร้างระบบปฏิบัติการขึ้นมาเอง ใช้ชื่อว่า Aurora โดยพัฒนาต่อมาจาก Sailfish OS ของบริษัท Jolla ที่หันมาใช้วิธีขายไลเซนส์การใช้งาน OS โดยแกนหลักที่พัฒนาคือบริษัทโทรคมนาคมรัสเซีย Rostelecom และมีสมาร์ตโฟน-แท็บเล็ตแบรนด์รัสเซียนำไปใช้งานอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าหลังมีคำสั่งแบน iPhone แล้ว การเปลี่ยนผ่านไปสู่อุปกรณ์ที่ใช้ Aurora จะเกิดขึ้นได้จริงแค่ไหน     ที่มา – Financial Times       ————————————————————————————————————————————————— ที่มา : …

ไมโครซอฟท์ถูกแฮ็กกุญแจเซ็นโทเค็น Azure AD แฮ็กเกอร์เข้าดาวน์โหลดเมลรัฐบาลสหรัฐฯ สำเร็จ

Loading

  ไมโครซอฟท์ออกรายงานถึงกลุ่มแฮ็กเกอร์ Storm-0558 ที่โจมตีจากประเทศจีนโดยมีแนวทางมุ่งขโมยข้อมูล โดยคนร้ายสามารถขโมยกุญแจเซ็นโทเค็นของ Azure AD ออกไปจากไมโครซอฟท์ได้ ทำให้สามารถเซ็นโทเค็นปลอมตัวเป็นบัญชีผู้ใช้อะไรก็ได้ของเหยื่อ   หน่วยงานที่ถูกโจมตีคือฝ่ายบริหารฝั่งพลเรือนของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (Federal Civilian Executive Branch – FCEB) โดยพบล็อกใน Microsoft 365 ว่ามีรายงาน MailItems Accessed ซึ่งเป็นการเข้าอ่านเมลจากไคลเอนต์ต่าง ๆ แต่ที่แปลกออกไปคือค่า AppID นั้นไม่เคยพบ แปลว่าอยู่ ๆ ก็มีคนใช้อีเมลไคลเอนต์ประหลาดเข้ามาอ่านอีเมล   หลังจากไมโครซอฟท์ได้รับแจ้งจากลูกค้า ตรวจสอบพบว่าคนร้ายเข้าอ่านเมลทาง Outlook Web Access ซึ่งน่าจะแปลว่าเครื่องผู้ใช้ถูกแฮ็ก เพื่อขโมยโทเค็นหลังจากผู้ใช้ล็อกอินตามปกติ แต่เมื่อวิเคราะห์เหตุต่อเนื่องภายหลังจึงพบว่าโทเค็นที่ใช้ล็อกอินนั้นไม่ตรงกับโทเค็นที่ออกไปจากระบบ Azure AD โดยโทเค็นที่เซ็นออกไปมี scope ผิดปกติที่ Azure AD ไม่เคยออกโทเค็นในรูปแบบเช่นนั้น   ภายหลังไมโครซอฟท์จึงยืนยันว่า Storm-0558 ขโมยกุญแจเซ็นโทเค็น Microsoft Account ออกไปได้…