“ตำรวจสายลับไบเดน” โดนส่งกลับ เมาก่อวิวาทในเกาหลีใต้

Loading

  หน่วยตำรวจสายลับอารักขาประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ ต้องถูกส่งตัวกลับประเทศ หลังเมาแอ่น ก่อเหตุวิวาทในเกาหลีใต้   เจ้าหน้าที่หน่วยตำรวจสายลับ 2 นายซึ่งเป็นคณะล่วงหน้าที่ปฏิบัติภารกิจอารักขา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ในระหว่างการเยือนเอเชีย ได้ถูกทางการเกาหลีใต้ส่งตัวกลับประเทศ หลังถูกกล่าวหาว่าเมาและก่อเหตุทำร้ายคนเกาหลี ก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะเดินทางถึงกรุงโซล   ตำรวจเกาหลีใต้เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า หนึ่งในตำรวจสายลับถูกจับกุมเมื่อช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากทะเลาะวิวาทกับแท็กซี่   เจ้าหน้าสหรัฐรายหนึ่งโต้แย้งข้อกล่าวหาที่ถูกควบคุมหรือจับกุมตัว แต่เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ทำการ “สอบสวน” เพียงเท่านั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐอีกรายหนึ่งยืนยันว่า เหตุการณ์นี้ไม่ได้ถูกเรียกเพื่อทำการสอบสวนฐานกระทำความผิด   แอนโธนี กูกลิเอลมี โฆษกหน่วยงานตำรวจลับสหรัฐกล่าวว่า ทางหน่วยงานตระหนักถึงเหตุการณ์นอกการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นาย ซึ่งละเมิดกฎระเบียบที่อาจเกิดขึ้นได้   “บุคคลทั้งสองได้ถูกส่งตัวกลับ และพักงาน เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเยือนต่อไป” โฆษกหน่วยงานตำรวจสายลับสหรัฐกล่าว   อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นนอกพื้นที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท ซึ่งไบเดนจะพักที่นี่ในระหว่างเริ่มการเยือนเกาหลีใต้ โดยประธานาธิบดีไบเดนได้เดินทางมาถึงกรุงโซลในเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา   การเยือนเอเชียของประธานาธิบดีไบเดนครั้งนี้ เป็นการเดินทางไปยังเกาหลีใต้ และญี่ปุ่นในวันที่ 20-24 พฤษภาคมนี้   สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานด้วยว่า…

‘สายลับ’ ในคราบ ‘มิชชันนารี’ การแทรกซึมและจารกรรมข้อมูลของอเมริกา ในช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475

Loading

  หากกล่าวถึงสายลับของรัฐบาลอเมริกาในปัจจุบัน หลายคนอาจนึกถึงซีไอเอ (C.I.A. – Central Intelligence Agency) หรือสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ ที่มีบทบาทในฐานะตัวแทนสายลับรัฐบาลอเมริกา ซึ่งทำงานด้านการข่าวและการต่อต้านข่าวกรอง ซีไอเอมักมีบทบาทที่โดดเด่นด้านการต่อต้านการก่อการร้าย หรืออาชญากรรมร้ายแรงข้ามชาติ สายลับพวกนี้มักปฏิบัติการในต่างประเทศ โดยแฝงตัวอยู่ในรูปแบบหรืออาชีพอะไรก็ได้ อาทิ นักธุรกิจ นักการทูต หรือแม้กระทั่งประชาชนอเมริกาธรรมดา อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะมีการก่อตั้งซีไอเอในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีหลักฐานที่น่าเชื่อว่า อเมริกาได้จัดตั้งสายลับหรือจารชนเข้ามาสอดแนมความเป็นไปของประเทศต่างๆ ที่พวกเขาให้ความสนใจ หรือมองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์และความมั่นคงของอเมริกามานานแล้ว สำหรับประเทศไทยนั้น เชื่อกันว่าสายลับอเมริการุ่นก่อนซีไอเอกลุ่มแรกๆ ที่แฝงตัวเข้ามา คือบรรดาผู้ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะทำงานหลังฉากเป็นสายลับได้ ผู้คนเหล่านั้นก็คือ หมอสอนศาสนา “บางคน” และจากข้อมูลในประวัติศาสตร์ จารชนชาวอเมริกันในคราบหมอสอนศาสนาที่มีหลักฐานมัดตัวมากที่สุด ได้แก่ “นายแคนแนต เพอรรี่ แลนดอน” (Kenneth Perry Landon) อดีตมิชชันนารีอเมริกัน ที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 7 โดยอาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอทับเที่ยง จังหวัดตรัง ซึ่งต่อมาเขาได้ข้ามไปดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญประเทศไทย ประจำกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงได้ไม่นาน…

GRU หน่วยสายลับมือฉมังของรัสเซียที่ตระเวนล้วงความลับไปทั่วโลก

Loading

นอกจากหน่วยลอบสังหารแล้ว รัสเซียยังมีไม้ตายอย่างหน่วยสายลับ GRU ที่คอยล้วงความลับของประเทศต่างๆ ทั่วโลก   เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อเชิงสืบสวนสอบสวนของรัสเซีย 2 กลุ่มคือ Agentura.ru และ Bellingcat รายงานว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ปลดหน่วยสายลับ FSB (หน่วยข่าวกรองหลักของรัสเซียที่เปลี่ยนชื่อมาจาก KGB) จากหน้าที่ในการหาข่าวในยูเครน แล้วแต่งตั้งให้หน่วย GRU ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองทางทหารมารับหน้าที่นี้แทน เนื่องจาก FSB ทำหน้าที่ล้มเหลว   1.หน่วย GRU ถูกก่อตั้ง โดย โจเซฟ สตาลิน ผู้นำสหภาพโซเวียต เมื่อปี 1942 ไม่ถึงปีหลังจากนาซีเยอรมันบุกสหภาพโซเวียต ในช่วงพีคของสงครามโลกครั้งที่ 2 GRU ได้รับมอบหมายให้สอดแนมเยอรมนีและพันธมิตร และในช่วงสงครามเย็นมีผลงานที่โดดเด่นคือ การแทรกซึมเข้าไปล้วงข้อมูลโครงการระเบิดปรมาณูของอังกฤษ   2.รายงานต่อสภาคองเกรสของสหรัฐบรรยายถึง GRU ไว้ว่า เป็นองค์กร “ขนาดใหญ่ กว้างขวาง และทรงพลัง” แต่ไม่ค่อยมีใครทราบเกี่ยวกับขนาดและการดำเนินงานของ…

เกมไล่จารชน

Loading

  นอกจากสงครามการเมือง สงครามเศรษฐกิจ และสงครามที่ใช้อาวุธห้ำหั่นกันระหว่างรัสเซียกับยูเครนแล้ว ล่าสุด กองหนุนยูเครนเช่น สหรัฐและชาติยุโรปตะวันตกนอกจากส่งอาวุธให้ยูเครนสู้กับรัสเซียแล้ว มาตรการหนึ่งที่รัฐบาลวอชิงตันนิยมใช้ในทางการเมือง คือ ขับนักการทูตรัสเซียที่ประจำอยู่ในสถานทูตและสถานกงสุลรัสเซียในสหรัฐ   คราวนี้ วอชิงตันได้ชักชวนสมาชิกนาโตในยุโรปช่วยกันขับนักการทูตรัสเซียที่ประจำอยู่ในประเทศนั้น ๆ อิตาลีได้ขับนักการทูตรัสเซียประจำอิตาลีกลับประเทศไปแล้ว 30 คน ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงและวิกฤติการณ์ยูเครน เยอรมนี ซึ่งนำเข้าก๊าซธรรมชาติจำนวนมากจากรัสเซีย ก็สั่งขับ 40 คน สเปนสั่งขับนักการทูตรัสเซียประมาณ 25 คนกลับประเทศ อิตาลี จับนักการทูตรัสเซีย 30 คน สวีเดน สั่งขับทูตรัสเซีย 3 คน เดนมาร์กขับทูตรัสเซีย 15 คน โรมาเนียขับนักการทูตรัสเซีย 10 คน สโลวาเนีย ขับนักการทูตรัสเซีย 33 คน เอสโทเนีย ก็เอากับเขาด้วยเหมือนกัน   เพียง 48 ชั่วโมงแรก ประเทศพันธมิตรนาโตขับทูตรัสเซียแล้วรวมประมาณ 150 คน หากรวมตั้งแต่รัสเซียเริ่มบุกยูเครน มีนักการทูตรัสเซียถูกขับออกจากสหรัฐและสมาชิกนาโตมากกว่า…

เกาหลีใต้ จับพลเรือน-ร้อยเอก ใช้อุปกรณ์ให้ โสมแดง ล้วงความลับทหาร

Loading

  วันที่ 28 เม.ย. บีบีซี รายงานว่า ตำรวจใน เกาหลีใต้ จับกุม 2 คน ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยในข้อหาแพร่งพรายความลับทางทหารแก่คนที่เชื่อว่าเป็นสายลับเกาหลีเหนือ ถือเป็นกรณีแรกที่พบว่าเจ้าหน้าที่ประจำการและพลเรือนภายใต้คำสั่งของสายลับเกาหลีเหนือสมรู้ร่วมคิดและสืบหาความลับทางทหาร   ตำรวจระบุว่า ผู้ต้องสงสัย 2 คน ได้แก่ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี และนายทหาร ซึ่งเปิดเผยรายละเอียดการเข้าสู่ระบบสำหรับหน่วยบัญชาการทหารร่วมของ เกาหลีใต้ และทั้งสองถูกกล่าวหาได้รับได้รับเงินจำนวนมหาศาลเป็นการแลกเปลี่ยน   ทั้งสองถูกจับเมื่อต้นเดือนเม.ย. 65 ซึ่งใช้นาฬิกากล้องถ่ายภาพ และอุปกรณ์ยูเอสบี เพื่อให้สายลับเข้าถึงข้อมูลระหว่างเดือนม.ค.-มี.ค. 65 ส่วนที่อยู่และตัวตนของสายลับเกาหลีเหนือคนดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน     อัยการและตำรวจเกาหลีใต้ประกาศการจับกุมเจ้าของบริษัทคริปโตเคอเรนซีซึ่งมีชื่อเพียง “นายลี” และนายทหาร “ร้อยเอกบี” ในวันพฤหัสบดี 28 เม.ย. ทั้งสองถูกตั้งข้อหาละเมิดรัฐบัญญัติความมั่นคงแห่งชาติของประเทศ   เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้กล่าวหานายลีได้รับการติดต่อครั้งแรกในเดือนก.ค. 64 เพื่อพยายาม “จ้างเจ้าหน้าที่ประจำการเพื่อตรวจสอบความลับทางการทหาร”   เดือนต่อมาคือ ส.ค. 64 นายอีเข้าหาร้อยเอกบี โดยสัญญาจะจ่ายบิตคอยน์แก่ร้อยโทบี เพื่อแลกกับความลับทางทหาร ตามคำสั่งของสายลับเกาหลีเหนือ…

4 ชาติ EU ไล่ทูตรัสเซีย 43 คน สงสัยเป็นสายลับ

Loading

4 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป ออกคำสั่งไล่นักการทูตรัสเซียรวม 43 คน ออกจากประเทศ เนื่องจากต้องสงสัยว่าคนกลุ่มนี้คอยส่งข้อมูลให้รัสเซีย สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า รัฐบาลของประเทศไอร์แลนด์  เบลเยียม, เนเธอร์แลนด์ และสาธารณรัฐเช็ก ออกคำสั่งขับไล่เจ้าหน้าที่สถานทูตรัสเซีย จำนวนรวม 43 คน ออกจากประเทศ เมื่อช่วงบ่ายวันอังคารที่ 29 มี.ค. 2565 ที่ผ่านมา ด้วยข้อสงสัยว่าเป็นสายลับ ตามรอยชาติสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นๆ รวมถึงโปแลนด์ ที่ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ นางโซฟี วิลเมส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของเบลเยียม บอกกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า เจ้าหน้าที่ 21 คนที่สถานทูตรัสเซียในกรุงบรัสเซลส์ กับสถานกงสุลในเมืองอันท์เวิร์ป ถูกขอให้ออกจากประเทศภายในเวลา 2 สัปดาห์ โดยการขับไล่ครั้งนี้เกี่ยวพันกับความมั่นคงของชาติ เธอเสริมด้วยว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นเป็นความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเนเธอร์แลนด์ ซึ่งกระทรวงต่างประเทศสั่งขับไล่นักการทูตรัสเซีย 17 ราย ที่ต้องสงสัยว่า มีแบบปฏิบัติการโดยลับในฐานะเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง ขณะที่ นายไมเคิล มาร์ติน นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ บอกกับเหล่า ส.ส.ว่า รัฐบาลของเขาขับไล่ทูตรัสเซีย 4…