โลกอยู่ยาก! รัสเซีย-จีนจับมือกันสู้ รับมือภัยอาวุธชีวภาพที่พัฒนาโดยสหรัฐฯ

Loading

รัฐบาลรัสเซียและจีนจัดการประชุมระหว่างหน่วยงานในปักกิ่ง เพื่อแบ่งปันคำประเมินของแต่ละฝ่ายในเรื่องความกังวลด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ และจัดการกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงจากอาวุธชีวภาพทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าอาวุธชีวภาพที่กำลังพัฒนาโดยกองทัพสหรัฐฯ

มือดีส่ง “จดหมายใส่สารพิษ” ไปยังสำนักงานการเลือกตั้งสหรัฐฯ

Loading

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังเร่งตามล่าตัวบุคคลที่ส่งจดหมายที่มีสารต้องสงสัยไปยังสำนักงานการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในอย่างน้อย 5 รัฐ สำนักงานการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจีย เนวาดา แคลิฟอร์เนีย ออริกอน และรัฐวอชิงตัน ได้รับจดหมายดังกล่าว โดยมี 4 ฉบับที่มี “เฟนทานิล” (Fentanyl) ซึ่งเป็นสารอันตรายถึงชีวิต แต่จดหมายบางฉบับถูกดักจับไว้ได้ก่อนที่จะถึงมือเจ้าหน้าที่

ฟอสฟอรัสขาว คืออะไร รู้จักอาวุธต้องห้าม ที่อิสราเอลใช้ อันตรายถึงชีวิต

Loading

ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุว่า อิสราเอลมีการใช้ฟอสฟอรัสขาวในการปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซาและเลบานอน โดยระบุว่า ฮิวแมนไรท์วอทช์ ได้รับและวิเคราะห์ภาพวิดีโอที่ถ่ายในฉนวนกาซาและเลบานอน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกระสุนปืนใหญ่บรรจุฟอสฟอรัสขาวกำลังระเบิดขึ้น และยังมีภาพของสำนักข่าวเอเอฟพีเหนือฉนวนกาซาซึ่งเห็นเส้นสีขาวกระจายอยู่เหนือท้องฟ้า

รัสเซียมีอาวุธเคมีมากแค่ไหนและใช้กับยูเครนจริงหรือไม่

Loading

    เป็นอีกครั้งที่ฝ่ายตะวันตกชี้ว่ารัสเซียใช้อาวุธที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ หลังจากที่รัสเซียอ้างว่าพบสหรัฐช่วยเหลือยูเครนพัฒนาอาวุธชีวภาพ เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการ NATO กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่ารัสเซียอาจใช้อาวุธเคมีหลังจากการรุกรานยูเครน และการเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นอาชญากรรมสงคราม ตามการสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์เยอรมัน Welt am Sonntag   ข้อกล่าวหาของ NATO “ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เราได้ยินคำกล่าวอ้างที่ไร้สาระเกี่ยวกับห้องปฏิบัติการอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพ” สโตลเทนเบิร์กกล่าวในการรายงานโดยสื่อเยอรมัน Welt am Sonntag พร้อมเสริมว่ารัสเซียกำลังประดิษฐ์ข้ออ้างเท็จเพื่อพิสูจน์สิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้   “ตอนนี้ที่มีการกล่าวอ้างเท็จเหล่านี้แล้ว เราต้องระมัดระวังตัวอยู่เสมอ เพราะเป็นไปได้ว่ารัสเซียเองก็สามารถวางแผนปฏิบัติการอาวุธเคมีภายใต้การหลอกลวงนี้ได้ นั่นจะเป็นอาชญากรรมสงคราม” สโตลเทนเบิร์กกล่าว   เขาเสริมว่าแม้ว่าชาวยูเครนจะต่อต้านการรุกรานของรัสเซียด้วยความกล้าหาญ แต่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้ามีแนวโน้มที่เกิดความยากลำบากมากยิ่งขึ้น   อาวุธเคมีใช้สารที่เป็นอันตรายได้รับการออกแบบมาเพื่อทำให้บาดเจ็บ ทำให้ไร้ความสามารถ หรือฆ่ากองกำลังของฝ่ายตรงข้าม หรือสกัดกั้นการใช้พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง   ทั้งนี้ ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (1992) มีผลผูกพันทางกฎหมาย ห้ามทั่วโลกในการผลิต กักตุน และใช้อาวุธเคมีและสารตั้งต้น อย่างไรก็ตาม อาวุธเคมีจำนวนมากยังคงมีอยู่ โดยปกติแล้วจะเป็นการป้องกันไว้ก่อนที่อาจเป็นไปได้โดยผู้รุกราน     รัสเซียมีอาวุธเคมีหรือไม่? รัสเซียเข้าร่วมอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (CWC) พร้อมประกาศว่ามีคลังอาวุธเคมีที่ใหญ่ที่สุด…

สองชาวอังกฤษถูกหามส่งโรงพยาบาล หลังสัมผัส “สารปริศนา” ใกล้เมืองที่สายลับรัสเซียถูกวางยาพิษ

Loading

เอเอฟพี – ตำรวจอังกฤษ ระบุในวันนี้ (4) มีคนสองคนกำลังอยู่ในอาการสาหัสในโรงพยาบาลเมืองซอลส์บรีหลังจากสัมผัสกับ “สารปริศนา” ไม่ไกลจากที่ๆ อดีตสายลับรัสเซีย เซียร์เกย์ สกริปัล และลูกสาวของเขาถูกวางยาพิษ “ผู้ป่วยสองคนกำลังรับการรักษาหลังจากสัมผัสกับสารปริศนาที่โรงพยาบาลเขตซอลส์บรี” ตำรวจวิลต์เชอร์ ระบุ “พวกเขาทั้งคู่อยู่ในอาการสาหัส” ตำรวจ กล่าว และเสริมว่า พวกเขาพิจารณาว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็น “เหตุการณ์ร้ายแรง” คนทั้งสองเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งอายุราว 40 กว่าๆ ถูกพบหมดสติเมื่อวันเสาร์ที่ 30 มิถุนายนที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านอเมสบรี ซึ่งอยู่ห่างจากซอลส์บรีประมาณสิบกว่ากิโลเมตร เซียร์เกย์และยูเลีย สกริปัล ถูกพบหมดสติบนม้านั่งในเมืองแห่งนี้ในฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษซึ่งอดีตสายลับสองหน้ารายนี้อาศัยอยู่ในเดือนมีนาคม เป็นชนวนวิกฤตทางการทูตอันขมขื่นระหว่างมอสโกและลอนดอนที่ระบุว่า สารทำลายประสาทสมัยโซเวียตชื่อว่า โนวิชอค ถูกใช้กับพวกเขาทั้งสอง ตำรวจวิลต์เชอร์ ระบุว่า เบื้องต้นพวกเขาสงสัยว่า ทั้งสองคนป่วยหลังจากใช้เฮโรอีนหรือโคเคนผงจากจากกลุ่มยาเสพติดปนเปื้อน” “อย่างไรก็ตาม กำลังมีการการทดสอบเพิ่มเติมอยู่ในตอนนี้เพื่อตรวจสอบว่าสารชนิดใดที่ทำให้ผู้ป่วยสองคนนี้ล้มป่วย และเรายังคงพิจารณาสภาพการณ์แวดล้อมเหตุการณ์นี้ด้วย” พวกเขา กล่าว เทปคำเตือนการรักษาความปลอดภัยถูกติดตั้งล้อมพื้นที่ที่พวกเขาไปมาก่อนที่จะล้มป่วย ตำรวจระบุ และมีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยในทั้งอเมสบรีและซอลส์บรี โฆษกสาธารณสุขอังกฤษ (Public Health England : PHE) ระบุว่า “ไม่น่าจะมีความเสี่ยงด้านสุขภาพต่อสาธารณะชนวงกว้าง”…