อิตาลีสั่งห้ามใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า เพราะยังไม่มีกฎหมายที่รัดกุม

Loading

  สำนักงานคุ้มครองข้อมูลของอิตาลี (GPDP) สั่งห้ามการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าและเทคโนโลยี ‘smart glasses’ หรือเทคโนโลยีอื่นใดที่ใช้ข้อมูลไบโอเมตริกซ์ภายในประเทศ   คำสั่งข้างต้นออกมาภายหลังจากที่เมืองเลชเช ทางตอนใต้ของประเทศ และเมืองอเรซโซ ในแคว้นทัสคานี ประกาศจะนำเทคโนโลยีฯ ดังกล่าวมาใช้   GPDP ระบุว่าการสั่งห้ามในครั้งนี้จะมีผลไปจนกว่าจะมีการใช้บังคับกฎหมายเป็นการเฉพาะ หรือจนกว่าจะสิ้นปี โดยให้เหตุผลว่าที่ต้องห้ามเพราะว่าในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการควบคุมที่มารองรับได้อย่างเหมาะสม   แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่ว่าหากเทศบาลใดอยากนำเทคโนโลยีทั้ง 2 ชนิดไปใช้ จะต้องทำข้อตกลงด้านความปลอดภัยเมืองกับผู้แทนของรัฐบาลกลางก่อน โดยจะต้องมอบรายละเอียดของระบบที่จะนำมาใช้ รวมถึงวัตถุประสงค์ หลักเหตุผลรองรับทางกฎหมาย และรายชื่อฐานข้อมูลที่อุปกรณ์เหล่านี้จะเข้าถึง ประกอบกันด้วย   สำหรับ smart glasses เป็นแว่นอินฟราเรตที่ใช้จดจำหมายเลขทะเบียนของประชาชน     ที่มา iTnews         ————————————————————————————————————————- ที่มา :                     …

โดรนส่งปืนให้ถึงในคุกอิตาลี นักโทษใช้จี้ปล้นกุญแจผู้คุม-ยิงขู่อริ3นัด

Loading

  โดรนส่งปืนให้ถึงในคุกอิตาลี – วันที่ 20 ก.ย. เดอะการ์เดียน รายงานว่า เกิดเหตุนักโทษในเรือนจำความมั่นคงสูงห่างจากกรุงโรม ประเทศอิตาลี ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 100 กิโลเมตร ใช้ปืนที่ถูกส่งมาให้ทางโดรนจี้ผู้คุมเพื่อปล้นกุญแจ ก่อนนำไปปืนไปยิงขู่คู่อริถึง 3 นัด แล้วยอมจำนน นักโทษผู้ก่อเหตุเป็นหนึ่งในสมาชิกของแก๊งมาเฟีย Neapolitan โดยก่อนเกิดเหตุนั้นได้รับอนุญาตให้ไปห้องอาบน้ำ แต่นักโทษกลับใช้ปืนจี้ผู้คุมเพื่อนำกุญแจไปเปิดห้องขังของคู่อริแต่ว่าเปิดไม่สำเร็จจึงใช้ปืนกระบอกดังกล่าวยิงผ่านกรงห้องขังเข้าไป 3 นัด แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บ     ต่อจากนั้นนักโทษผู้ก่อเหตุจึงใช้โทรศัพท์ที่ซุกซ่อนไว้โทรหาทนายความ โดยทางทนายแนะนำให้ยอมจำนนและมอบปืนกระบอกดังกล่าวให้กับผู้คุมเรือนจำ นายโดนาโต คาปีซี หัวหน้าผู้คุมเรือนจำเซ็ปเป้ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่คาดว่านักโทษได้ปืนกระบอกที่ใช้ก่อเหตุมาจากโดรนที่ลักลอบบินเข้ามาส่งให้ รายงานระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากสังคมของอิตาลี ถึงการบริหารจัดการที่ไม่ได้มาตรฐาน ข้อมูลจากรัฐสภาแห่งสหภาพยุโรป พบว่า อิตาลีมีเรือนจำที่มีนักโทษหนาแน่นที่สุดในอียู ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 120 คน ต่อ 100 ห้องขัง รองลงมาเป็นฝรั่งเศส (115 คน) และสเปน (70.8 คน) เหตุนี้ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องจากคลิปหลุดที่ผู้คุมของเรือนจำอิตาลีใช้ไม้กระบองทุบตีนักโทษด้วยความเคียดแค้นที่ก่อเหตุประท้วงในช่วงที่รัฐบาลสั่งล็อกดาวน์เพื่อสกัดกั้นการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19…

อิตาลีตะเพิดทูตรัสเซีย จับได้ซื้อความลับทางทหาร

Loading

    จับได้คาหนังคาเขา ตำรวจอิตาลีรวบตัวนาวาเอกของกองทัพเรืออิตาลี ขณะส่งมอบเอกสารลับแก่เจ้าหน้าที่ทูตทหารของรัสเซียแลกกับเงินไม่ถึง 2 แสนบาทเมื่อคืนวันอังคาร พร้อมสั่งตะเพิดเจ้าหน้าที่สำนักงานผู้ช่วยทูตทหารรัสเซีย 2 คนรัสเซียหน้าม้านเสียใจเจ้าหน้าที่โดนเนรเทศ แต่เชื่อไม่กระทบสัมพันธ์ แถลงการณ์ของตำรวจและรายงานของสื่ออิตาลีเมื่อวันพุธกล่าวว่า บุคคลทั้งสองโดนจับได้คาหนังคาเขา ขณะลอบพบกันที่ลานจอดรถแห่งหนึ่งในกรุงโรมเมื่อคืนวันอังคาร ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าขัดขวางการขายความลับครั้งนี้ และจับกุมนาวาเอก ซึ่งเป็นผู้บังคับการเรือฟริเกตของกองทัพเรืออิตาลี นายนี้ไว้ได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารรัสเซียนั้น มีเอกสิทธิ์ทางการทูตคุ้มครองจึงต้องปล่อยตัวไป ทหารอิตาลีนายนี้ถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมร้ายแรง ฐานจารกรรมข้อมูลและส่งมอบเอกสารลับเพื่อแลกกับเงิน คำแถลงของตำรวจไม่ได้เปิดเผยชื่อของเขา แต่สื่ออิตาลีรายงานว่า เขาชื่อวอลเตอร์ บิออต ทำงานในหน่วยนโยบายทางทหารสังกัดสำนักงานหัวหน้าคณะเสนาธิการกลาโหม ที่ดูแลเกี่ยวกับเอกสารลับทั้งหมด รวมถึงแฟ้มของนาโต ข่าวบอกด้วยว่า เขามอบเอกสารลับให้รัสเซียแลกกับเงิน 5,000 ยูโร (ราว 183,000 บาท) ลุยจิ ดิ มาโย รัฐมนตรีต่างประเทศของอิตาลี เรียกเอกอัครราชทูตเซอร์เกย์ ราซอฟ ของรัสเซียเข้าพบเช้าวันพุธเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการ และสั่งเนรเทศเจ้าหน้าที่ทูตรัสเซีย 2 คนที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ดิ มาโย กล่าวว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างยิ่งนี้ สำนักข่าวของรัสเซีย อ้างสถานทูตรัสเซียประจำอิตาลีว่า เจ้าหน้าที่ 2 คนที่โดนขับออกนอกอิตาลีทำงานที่สำนักงานผู้ช่วยทูตทหาร แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ทหารของรัสเซียที่พบกับนาวาเอกอิตาลีรายนี้เป็นหนึ่งในคนที่โดนเนรเทศหรือไม่ สถานทูตรัสเซียประจำกรุงโรมยืนยันว่ามีสมาชิกในสำนักงานผู้ช่วยทูตทหารคนหนึ่งโดนตำรวจอิตาลีเรียกหยุดเมื่อวันอังคาร…