อื้ออึง!! ตอลิบานขาย “อาวุธเมดอินยูเอสเอ” โจ่งครึ่ม หลังอเมริกาทิ้งไว้ถึง 7.1 พันล้านดอลลาร์

Loading

    เอเจนซีส์ – คลิปโผล่ไปทั่วในอินเดียเดือนที่ผ่านมา เมื่อกลุ่มติดอาวุธในแคชเมียร์ถือปืนไรเฟิล M4 carbine อย่างหรูของสหรัฐฯ หลังตอลิบานครอบครองอาวุธยุทโธปกรณ์อเมริกันมูลค่า 7.1 พันล้านดอลลาร์ หลังสหรัฐฯ และนาโต้ถอนตัวออกจากอัฟกานิสถานไปอย่างจ้าละหวั่นเมื่อสิงหาคม ปี 2021 เชื่อใช้โดรนลักลอบขนอาวุธอเมริกันข้ามพรมแดนเข้าแคชเมียร์ในเขตปกครองของอินเดีย   NBC News สื่อสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (31 ม.ค.) ว่า หลังกองทัพสหรัฐฯ และนาโต้ต่างถอนกำลังออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อสิงหาคมปี 2021 และเพนตากอนยอมรับว่ามียุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ อยู่ในอัฟกานิสถานหลังตอลิบานเข้าครอบครองมูลค่า 7.1 พันล้านดอลลาร์   กลายเป็นคำถามเกิดขึ้นมาหลังมีวิดีโอคลิปกลุ่มติดอาวุธในแคชเมียร์ และจัมมูใช้อาวุธเมดอินยูเอสเอ รวมถึงปืนไรเฟิล M4 carbine ปืนไรเฟิลอัตโนมัติ M249 ปืนเชิงยุทธวิธี 509 ปืนพก M1911 ซึ่งอาวุธเหล่านี้ถูกใช้ภายในกองทัพสหรัฐฯ wionews ของอินเดียรายงาน ซึ่งปืนไรเฟิล M4 carbine ขึ้นชื่อว่าเป็นปืนที่ทหารอเมริกันใช้ในอัฟกานิสถาน   สื่ออินเดียชี้ว่า เชื่อว่าอาวุธยุทโธปกรณ์และกระสุนปืนจำนวนมากที่ทิ้งในอัฟกานิสถานถูกขายอย่างเปิดเผยโดยตอลิบาน และกลุ่มติดอาวุธในปากีสถานซื้ออาวุธเหล่านี้…

อินเดียพิจารณาแบนเนื้อหาออนไลน์ ที่รัฐบาลถือเป็น “ข่าวปลอม”

Loading

    รัฐบาลอินเดียจะไม่อนุญาตให้แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์แสดงข้อมูลใด ๆ ที่ถูกระบุว่าเป็น “ข้อมูลเท็จ” ตามข้อเสนอร่างกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ของประเทศ ที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้   สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นมาตรการล่าสุดของรัฐบาลนิวเดลี ของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ผู้นำอินเดีย ซึ่งถูกมองว่าเป็นความพยายามที่จะควบคุมบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี   ข้อมูลใด ๆ ที่ถูกระบุ “ปลอมหรือเท็จ” โดยสำนักประชาสัมพันธ์ (พีไอบี) หรือหน่วยงานอื่นใดที่ได้รับอนุญาตในการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากรัฐบาล หรือจาก “หน่วยงานที่มีการทำธุรกรรมดังกล่าว” จะถูกห้ามเผยแพร่ภายใต้ร่างกฎหมายใหม่นี้   เมื่อข้อมูลถูกระบุว่าปลอมหรือเท็จ แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ หรือ “ตัวกลางทางออนไลน์อื่น ๆ” จะต้อง “ใช้ความพยายามตามสมควร” เพื่อทำให้มั่นใจว่า ผู้ใช้งานจะไม่จัด, แสดง, อัปโหลด, ดัดแปลง, เผยแพร่, ส่งต่อ, จัดเก็บ, อัปเดต หรือแชร์ข้อมูลนั้น ๆ   India…

“ปากีสถาน-อินเดีย” แลกเปลี่ยนข้อมูลนิวเคลียร์ประจำปี

Loading

  รัฐบาลปากีสถานและอินเดียแบ่งปันข้อมูลด้านนิวเคลียร์รายปี ซึ่งเกิดขึ้นทุกวันปีใหม่ และเป็นธรรมเนียมที่ทั้งสองประเทศปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ตลอดระยะเวลา 3 ทศวรรษที่ผ่านมา   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ว่า กระทรวงการต่างประเทศของปากีสถานออกแถลงการณ์ว่า ได้มีการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับ “สถานที่ตั้งด้านนิวเคลียร์” และโครงสร้างพื้นฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้แก่รัฐบาลนิวเดลี ผ่านสำนักงานข้าหลวงใหญ่อินเดียประจำกรุงอิสลามาบัด หรือสถานเอกอัครราชทูต   ?: PR NO. 0️⃣1️⃣/2️⃣0️⃣2️⃣3️⃣ Annual Exchange of Lists of Nuclear Installations and Facilities between Pakistan and India ?⬇️https://t.co/avr8VeH3Vy pic.twitter.com/eFy7RwPVFs — Ministry of Foreign Affairs – Pakistan (@ForeignOfficePk) January 1, 2023   ด้านกระทรวงการต่างประเทศอินเดียยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม…

ย้อนปมขัดแย้งจีน-อินเดีย ปัญหาพรมแดนปะทุ ปะทะเดือดครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี

Loading

  กองทัพจีนและอินเดียปะทะกันบริเวณชายแดนพื้นที่พิพาทบนเทือกเขาหิมาลัย ครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี หลังทั้งสองฝ่ายพยายามลดความตึงเครียด จากเหตุการณ์ปะทะครั้งใหญ่ จนคร่าชีวิตทหารไปอย่างน้อย 24 นาย เมื่อปี 2563   กองทัพอินเดียออกมาระบุเมื่อวันจันทร์ (12 ธ.ค.) ว่า ทหารของตนได้ปะทะกับทหารกองทัพจีนในพื้นที่พิพาทตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศ ทำให้มีทหารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวนหนึ่ง   การปะทะครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ (9 ธ.ค.) ในพื้นที่เมืองตาวัง รัฐอรุณาจัลประเทศ ซึ่งเป็นพรมแดนทางตะวันออกสุดของอินเดีย   โดยกองทัพอินเดียระบุในแถลงการณ์ว่า ทั้งสองฝ่ายได้ถอนกำลังออกนอกพื้นที่ในทันทีหลังเกิดการปะทะ ในขณะที่ผู้บัญชาการของทั้งสองได้จัดการเจรจาขึ้นอย่างเร่งด่วน เพื่อรื้อฟื้นสันติภาพและความสงบสุขในพื้นที่   อย่างไรก็ตาม จากรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ส ทางการจีนยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงแหล่งข่าวจากกองทัพอินเดียที่เปิดเผยว่า มีทหารอินเดียได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการปะทะครั้งนี้อย่างน้อย 6 นาย       เกิดอะไรขึ้นที่พรมแดนจีน-อินเดีย   จีนและอินเดียมีพรมแดนร่วมกันเป็นระยะทางยาว 4,056 กิโลเมตร แต่ในระยะทางดังกล่าวมีอยู่ราว 3,440 กิโลเมตร เป็นจุดที่ไม่สามารถกำหนดเส้นแบ่งเขตแดนได้อย่างชัดเจน เพราะเป็นแนวแม่น้ำ ทะเลสาบ…

ปะทะรอบใหม่! ทหารอินเดีย-จีน เผชิญหน้าที่พรมแดนอรุณาจัลประเทศ

Loading

FILE – A signboard is seen from the Indian side of the Indo-China border at Bumla, in the northeastern Indian state of Arunachal Pradesh, Nov. 11, 2009.   ทางการอินเดียเปิดเผยว่า ทหารของตนได้พยายามสกัดกั้นทหารจีนกลุ่มหนึ่งไม่ให้รุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของอินเดียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จนนำไปสู่การปะทะกันรอบใหม่บริเวณพรมแดนในเขตรัฐอรุณาจัลประเทศของอินเดีย   การปะทะกันครั้งล่าสุดนี้ถือเป็นการเผชิญหน้ากันอีกครั้งของสองประเทศมหาอำนาจในเอเชีย นับตั้งแต่เกิดการต่อสู้ระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายในอีกด้านหนึ่งของพรมแดนเทือกเขาหิมาลัยเมื่อปี ค.ศ. 2020 ซึ่งทำให้มีทหารอินเดียเสียชีวิต 20 คน และทหารจีนเสียชีวิต 4 คน   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอินเดีย ราชนาธ ซิงห์ กล่าวต่อรัฐสภาอินเดียในวันอังคารว่า “เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ทหารจีนได้พยายามเปลี่ยนสถานะด้วยการรุกล้ำเข้ามาในเส้นแบ่งพรมแดนในเขตตาวัง พื้นที่แยงซี” และว่า “ทหารอินเดียได้เข้าสกัดกั้นอย่างกล้าหาญต่อการรุกล้ำของกองทัพจีนเข้ามาในพรมแดนอินเดีย และขับไล่ทหารเหล่านั้นจนถอนกำลังกลับไป”…

ผู้นำอินเดียชี้ “เงินคริปโต” เป็นแหล่งทุนหนุน “กิจกรรมก่อการร้าย”

Loading

  นายกรัฐมนตรีอินเดียกล่าวว่า กลุ่มก่อการร้ายบนโลก กำลังอาศัยการทำธุรกรรมด้วยเงินดิจิทัล เป็นช่องทางสร้างผลประโยชน์   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ว่า นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ผู้นำอินเดีย กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า “สกุลเงินดิจิทัลเอกชน” ถือเป็น “ความเสี่ยงร้ายแรงต่อความมั่นคง” โดยเป็นเทคโนโลยีใหม่ซึ่งใช้สนับสนุนการจัดหาและการดำเนินการของกลุ่มก่อการร้าย ตอนนี้โลกกำลังเผชิญกับ “ความท้าทายจากเครือข่ายสีดำ” ในระดับซึ่งมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง   ผู้นำอินเดียกล่าวต่อไปว่า จากสถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ ทุกภาคส่วนควรจัดตั้งกลไกซึ่งมีประสิทธิภาพร่วมกัน เพื่อศึกษาเรียนรู้ ตรวจสอบ และรักษาสมดุลให้กับโครงสร้างของเงินดิจิทัล   “New kinds of technology are being used for terror funding and recruitment. Challenges from the dark net, private currencies and more are emerging,” says…