สังคมโลก : การทูตเรือดำน้ำ

Loading

แนวคิดที่เรียกว่า “การทูตเครื่องบินทิ้งระเบิด” ซึ่งสหรัฐใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ บี-52 กับ บี-1 ร่วมกับเครื่องบินขับไล่ พร้อมกับส่งข้อความเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับการป้องปราม ไปยังจีนและเกาหลีเหนือ หรือรัสเซีย ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพันธมิตรของสหรัฐ   แม้การป้องปราม หรือการสร้างความมั่นใจ จะทำได้โดยใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด แต่ดูเหมือนตอนนี้ เรือดำน้ำนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นเรือดำน้ำติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีพลังงานนิวเคลียร์ (เอสเอสบีเอ็น) กำลังเข้าสู่ภารกิจเดียวกัน หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น “การทูตเรือดำน้ำ”   เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา สหรัฐกับเกาหลีใต้ร่วมลงนามในเอกสารฉบับใหม่ที่เรียกว่า “ปฏิญญาวอชิงตัน” ซึ่งสหรัฐให้คำมั่นที่จะยกระดับการมองเห็นทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์ในคาบสมุทรเกาหลีให้มากขึ้น ตลอดจนขยายและกระชับความร่วมมือระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น   นอกเหนือจากการตัดสินใจก่อตั้งหน่วยงานใหม่ระหว่างสองประเทศตามปฏิญญาวอชิงตัน ซึ่งเรียกว่า “กลไกความร่วมมือที่ปรึกษานิวเคลียร์” (เอ็นซีจี) แนวคิดของการส่งเอสเอสบีเอ็นไปเทียบท่าในเกาหลีใต้ ถูกมองว่าเป็นมาตรการสร้างความมั่นใจใหม่ที่รัฐบาลโซลได้รับจากสหรัฐ โดยแลกกับการที่เกาหลีใต้ต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (เอ็นพีที)   อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ใช่แนวคิดใหม่เสียทีเดียว เนื่องจากมันเคยปรากฏในรายงาน การทบทวนสถานการณ์นิวเคลียร์ (เอ็นพีอาร์) เมื่อเดือน ต.ค. 2565 ว่าสหรัฐจะทำงานร่วมกับพันธมิตรและหุ้นส่วน เพื่อหาโอกาสในการเพิ่มการมองเห็นของทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจอันแน่วแน่ของสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็น การเทียบท่าของเรือดำน้ำติดตั้งขีปนาวุธนำวิถี…

รุนแรงขึ้น! กราดยิง 3 เหตุการณ์ ก่อนหยุดยาววันชาติสหรัฐฯ ‘ไบเดน’ ชี้ต้องปฎิรูปกม.

Loading

    เหตุความรุนแรงจากอาวุธปืนในสหรัฐฯ Gun Violence Archive เอ็นจีโอที่รวบรวมสถิติเหตุรุนแรงจากปืนในสหรัฐฯ ระบุว่า ช่วงครึ่งปีแรก มากกว่า 340 ครั้ง   ก่อนวันหยุดยาว วันชาติสหรัฐฯ 4 ก.ค.66 เกิดเหตุกราดยิงในฟิลาเดลเฟีย บัลติมอร์ และฟอร์ตเวิร์ธ รัฐเท็กซัส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บอีกเกือบ 40 คน ทั้ง 3 เหตุการณ์ ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่ ระบุว่า เป็นการย้ำเตือนให้เห็นถึงความล้มเหลวยาวนานหลายทศวรรษในการควบคุมความรุนแรงจากอาวุธปืนในสหรัฐฯ   ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันอังคาร 4 ก.ค.66 ประณามความรุนแรงและเรียกร้องอีกครั้งให้เข้มงวดกับกฎหมายปืนที่หละหลวม ประเทศของเราต้องทนกับเหตุการณ์กราดยิงที่น่าสลดใจ เรียกร้องให้สมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในสภาคองเกรส หารือกันเกี่ยวกับการปฏิรูปกฎหมายควบคุมอาวุธปืนเพื่อสร้างความปลอดภัยในสังคม เนื่องจาก ความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนได้ทำลายชุมชนชาวอเมริกัน   เหตุกราดยิงในเมืองฟอร์ตเวิร์ธ รัฐเท็กซัส มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และ บาดเจ็บ…

เจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐฯ พบสารโคเคนที่ทำเนียบขาว

Loading

เมื่อ 2 ก.ค.66 เจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐฯ (The United States Secret Service – USSS) เข้าตรวจสอบสถานที่ทำเนียบขาวตามภารกิจเวลา 18.00 น. และค้นพบผงสีขาวต้องสงสัยบริเวณส่วนกลางของพื้นที่ปีกตะวันตกในทำเนียบขาว จึงได้ยกระดับแจ้งเตือนความปลอดภัย โดยสั่งอพยพเจ้าหน้าที่ทั้งหมดออกจากอาคารและปิดทำเนียบขาวเป็นการชั่วคราว รวมถึงเรียกเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมด้วยทีมวัตถุอันตรายของหน่วยงานดับเพลิงและบริการการแพทย์ฉุกเฉินเขตปกครองพิเศษโคลัมเบีย (DC Fire & EMS) เข้าตรวจสอบเวลา 20.49 น. ซึ่งผลทดสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นโคเคน ด้านนาย Anthony Guglielmi โฆษกของ USSS กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบสารดังกล่าวเพิ่มเติม รวมทั้งสอบสวนหาสาเหตุและวิธีการนำสารเข้ามายังทำเนียบขาว และอ้างถึงหน่วยงาน DC Fire & EMS ที่ระบุว่าสารซึ่งพบในพื้นที่นั้น “ไม่ถือเป็นภัยคุกคาม” ทั้งนี้ ขณะพบสารดังกล่าวประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่ได้อยู่ที่ทำเนียบขาว —————————————————————————————————————————————— ที่มา :               …

สหรัฐฯ เตือนพลเมืองเลี่ยงเดินทางไป ‘จีน’ อ้างมีความเสี่ยง ‘ถูกจับโดยพลการ’

Loading

    สหรัฐฯ ประกาศเตือนพลเมืองให้ทบทวนการเดินทางไปจีน โดยอ้างถึงความเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อการบังคับใช้กฎหมายตามอำเภอใจ การถูกห้ามออกนอกประเทศ รวมถึงการถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรรม   ทางการสหรัฐฯ ไม่ได้ยกเคสตัวอย่างมาประกอบ แต่คำเตือนนี้มีขึ้นหลังจากที่พลเมืองอเมริกันวัย 78 ปี ถูกศาลจีนพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตในความผิดฐานเป็นสปาย เมื่อเดือน พ.ค.   สัปดาห์ที่แล้ว จีนเพิ่งผ่านร่างกฎหมายความสัมพันธ์ต่างประเทศ (Foreign Relations Law) ที่กำหนดมาตรการตอบโต้ต่อบุคคลหรือองค์กรซึ่งบ่อนทำลายผลประโยชน์ของจีน และก่อนหน้านั้นก็มีการแก้ไขกฎหมายต่อต้านการจารกรรม โดยขยายคำนิยาม “การจารกรรม” ให้กว้างขวางยิ่งกว่าเดิม รวมถึงออกกฎหมายแซงก์ชั่นพวกนักวิจารณ์ต่างชาติด้วย   “รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นอย่างคลุมเครือ รวมถึงมีการห้ามไม่ให้พลเมืองสหรัฐฯ และพลเมืองชาติอื่น ๆ เดินทางออกจากจีน โดยปราศจากกระบวนการตามกฎหมายที่โปร่งใส” คำเตือนการเดินทางของสหรัฐฯ ระบุ   “พลเมืองสหรัฐฯ ซึ่งเดินทางหรืออาศัยอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนอาจถูกควบคุมตัว โดยไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านกงสุล หรือข้อมูลเกี่ยวกับความผิดที่ตนถูกกล่าวหา”   สหรัฐฯ ยังอ้างด้วยว่า ทางการจีน “ดูเหมือนจะให้คำนิยามที่กว้างขวางมากเกี่ยวกับเอกสาร ข้อมูล สถิติ หรือวัสดุที่จัดเป็นความลับของรัฐบาล (state secrets) เพื่อที่จะจับกุมและดำเนินคดีกับชาวต่างชาติในข้อหาจารกรรม”   สหรัฐฯ…

รายงานวุฒิสภาสหรัฐฯ เผยถึงความล้มเหลวด้านข่าวกรองและการบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ

Loading

  วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานเมื่อ 27 มิ.ย.66 ระบุว่า สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และหน่วยงานรัฐบาลกลางอื่น ๆ เพิกเฉยหรือมองข้ามคำเตือนและการเรียกร้องให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดเพื่อระงับเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งยังล้มเหลวในการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย จนนำไปสู่เหตุจลาจลและการโจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อ 6 ม.ค.65 นอกจากนี้ก่อนการโจมตีเพียงไม่กี่วัน การเฝ้าระวังและติดตามภัยคุกคามบนสื่อสังคมออนไลน์ของ FBI ได้ลดลงอย่างมาก เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาที่เกี่ยวกับบุคคลที่สามในสื่อสังคมออนไลน์ ภายในรายงานยังเน้นคำพูดของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ FBI สองคนที่ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “พวกเขาไม่ทราบว่ารัฐสภาอาจจะถูกปิดล้อม” อย่างไรก็ดี ผู้แทนของ FBI กล่าวแย้งว่า FBI มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในช่วงก่อนและในวันที่ 6 ม.ค.65 อาทิ การตั้งกองบัญชาการร่วม และหลังเหตุการณ์ก็ได้แบ่งปันข้อมูลอย่างรวดเร็ว           —————————————————————————————————————————————— ที่มา :                     …

หลักฐานมัด! สื่อสหรัฐฯเปิดคลิปเสียง อดีตปธน.ทรัมป์ รับเก็บเอกสารลับ ไว้กับตัวเอง แม้จะพ้นตำแหน่ง

Loading

  บีบีซีรายงานว่า สื่อสหรัฐฯ เช่น สถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น และซีบีเอส แพร่คลิปเสียง 2 นาที ซึ่งอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ยอมรับว่าเขาเก็บเอกสารลับไว้จำนวนมาก หลังพ้นจากตำแหน่งเมื่อต้นปี 2564 โดยไม่ได้คืนให้กับหอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯ   ในคลิปชุดนี้ บันทึกในสนามกอล์ฟ เมืองเบดมินสเตอร์ รัฐนิวเจอร์ซี เดือนกรกฎาคม 2564 ซึ่งนายทรัมป์พูดกับคนใกล้ชิดหลายคนขณะหารือเรื่องหนังสือบันทึกความทรงจำของนายมาร์ค มีโดว์ส อดีตหัวหน้าคณะทำงานของทำเนียบขาว ซึ่ง นายทรัมป์พูดว่า เป็นเอกสารลับสุดยอด   นับว่า ขัดแย้งกับคำให้การของนายทรัมป์ต่อศาลของเมืองไมอามี รัฐฟลอริดา เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ซึ่งนายทรัมป์ไปยังศาลเพื่อรับทราบข้อหารวม 37 กระทงในเรื่องการเก็บเอกสารลับโดยไม่ถูกต้อง โดยนายทรัมป์และนายวอลต์ นอตา ผู้ช่วยของเขาให้การปฏิเสธทุกข้อหา   ในตอนแรก ศาลนัดไต่สวนนายทรัมป์ในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ แต่ศาลอาจจะเลื่อนไปอีก หลังอัยการเสนอขอให้เลื่อนการไต่สวนเป็นวันที่ 11 ธันวาคมนี้        …