ลับสุดยอด! ลือเกาหลีเหนือสร้างห้องส้วมในรถส่วนตัวคิม ป้องกันล้วงข้อมูลจาก ‘อึ’ ท่านผู้นำ

Loading

  ว่ากันว่า “คิม จองอึน” มักพาห้องส้วมส่วนตัวไปด้วยทุกหนทุกแห่ง เพราะไม่ไว้วางใจห้องน้ำสาธารณะ ผูู้นำเกาหลีเหนือได้สร้างห้องสุขาบนยานพาหนะของเขาเกือบทุกประเภท และล่าสุดสื่อมวลชนอังกฤษรายงานว่าเขาได้ขยายขอบเขตสู่รถยนต์ส่วนตัวแล้ว   ยานยนต์ต่างๆ ของเขา ในนั้นรวมถึงเมอร์เซเดส เบนซ์ กันกระสุน เวลานี้ได้ถูกดัดแปลง เพื่อปกป้องไม่ให้อุจจาระของผู้นำของเกาหลีเหนือตกไปอยู่ในมือของฝ่ายประสงค์ร้าย   ที่ผ่านมา คิม จองอึน ปฏิเสธใช้ห้องน้ำสาธารณะ เนื่องจากเกรงว่าจะมีผู้เก็บอุจจาระของเขาไปเพื่อนำการวิเคราะห์เกี่ยวกับสุขภาพร่างกายของเขา จึงมักนำส้วมส่วนตัวไปด้วยทุกหนทุกแห่ง ในนั้นรวมถึงตอนที่เดินทางไปยังต่างประเทศ     ห้องส้วมส่วนตัวของ คิม จองอึน จะได้รับการดูแลตรวจตราโดยบอร์ดีการ์ดของท่านผู้นำ และมิร์เรอร์ สื่อมวลชนอังกฤษอ้างว่าใครก็ตามถูกจับได้ว่าแอบใช้ห้องสุขาเหล่านี้ อาจถึงขั้นถูกลงโทษประหารชีวิต   สุขภาพของคิม จองอึน ก่อประเด็นถกเถียงมากมายในช่วงไมกี่ปีที่ผ่านมา และเมื่อเร็วๆ นี้ดูเหมือนว่าเขาจะผอมลง คาดหมายว่ามีน้ำหนักลดลงประมาณ 20 กิโลกรัมเลยทีเดียว   มิร์เรอร์อ้างแหล่งข่าววงในระบุว่า “ห้องส้วมไม่ได้อยู่เฉพาะบนขบวนรถไฟส่วนตัวของคิม จองอึน แต่มันยังอยู่ทั้งบนรถยนต์ขนาดเล็กหรือขนาดกลางที่เขาใช้เดินทาง หรือแม้แต่ยานพาหนะพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อลุยภูมิประเทศที่เป็นภูเขาหรือหิมะ“   “มีรถยนต์หลายคันอยู่ในขบวน ดังนั้น คนอื่นๆ จึงไม่สามารถบอกว่าเขาอยู่คันไหน และมีรถยนต์แยกออกมาคันหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นห้องน้ำของเขาโดยเฉพาะ”…

ยังไม่หยุด! ‘เกาหลีเหนือ’ ซัดขีปนาวุธลงทะเลอีก 2 ลูก เป็นรอบที่ 6 ในเดือนนี้

Loading

  เกาหลีเหนือยิงทดสอบสิ่งที่น่าจะเป็น “ขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้” จำนวน 2 ลูก ไปตกในทะเลนอกชายฝั่งตะวันออกเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (27 ม.ค.) ซึ่งนับเป็นการทดสอบขีปนาวุธครั้งที่ 6 แล้วสำหรับเดือนนี้ คณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ (JCS) ระบุว่า กองทัพสามารถตรวจจับการยิงขีปนาวุธทิ้งตัว 2 ลูก เมื่อเวลา 8.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ใกล้ๆ กับเมืองฮัมฮุง (Hamhung) ริมชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือ โดยขีปนาวุธดังกล่าวเดินทางไปได้ราวๆ 190 กิโลเมตร และมีเพดานบินสูงสุด 20 กิโลเมตร ด้านโนบุโอะ คิชิ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์สื่อเช้านี้ (27) ว่า ขีปนาวุธทั้ง 2 ลูก ดูเหมือนจะตกลงสู่ทะเลนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของญี่ปุ่น ขณะที่นายกรัฐมนตรี ฟุมิโอะ คิชิดะ ออกมาย้ำเตือนว่า หากโสมแดงทดสอบขีปนาวุธทิ้งตัวจริงก็นับว่าเป็นเรื่อง “น่าผิดหวังอย่างยิ่ง” และยังเป็นการละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติด้วย เกาหลีเหนือประกาศจะยกระดับการป้องกันตนเองจากสหรัฐฯ พร้อมขู่จะพิจารณารื้อฟื้น “กิจกรรมต่างๆ ที่ถูกระงับไว้ชั่วคราว”…

เกาหลีใต้ระบุ ‘ชายผู้ข้ามเขตปลอดทหาร’ เคยแปรพักตร์จากเกาหลีเหนือ

Loading

A South Korean soldier walks along a military fence near the demilitarized zone separating the two Koreas in Paju , South Korea , Sep. 28 , 2021   SEOUL – กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เปิดเผยในวันจันทร์ว่า ชายผู้เดินทางข้ามเขตปลอดทหารบริเวณพรมแดนเกาหลีใต้เข้าไปในเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว น่าจะเป็นชายชาวเกาหลีเหนือที่เคยแปรพักตร์เข้ามาอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้เมื่อปี ค.ศ. 2020 ผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วมของเกาหลีใต้ระบุว่า ได้เริ่มปฏิบัติการค้นหาเมื่อวันเสาร์หลังจากพบว่า มีชายผู้หนึ่งลักลอบเข้าไปในเขตปลอดทหาร หรือ Demilitarized Zone (DMZ) ซึ่งแบ่งแยกทั้งสองประเทศออกจากกัน แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ในวันจันทร์กล่าวว่า “เจ้าหน้าที่เชื่อว่าชายผู้นั้นเป็นชาวเกาหลีเหนือที่เคยแปรพักตร์ และกำลังตรวจสอบว่าใช่หรือไม่” โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ชายผู้นี้มีอายุราว 30 ปี ซึ่งเดินทางเข้ามาในเกาหลีใต้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีค.ศ. 2020 เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้กำลังตรวจสอบว่า การเคลื่อนไหวบริเวณพรมแดนเกาหลีเหนือเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น…

เกาหลีเหนือ : อดีตพันเอกผู้แปรพักตร์เผยความลับอันดำมืดใต้การปกครองของตระกูลคิม

Loading

  คิม กุก-ซอง ยังคงไม่ทิ้งนิสัยเดิมที่มักทำตัวลึกลับซับซ้อน   ทีมข่าวบีบีซีต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการหารือเพื่อขอสัมภาษณ์อดีตเจ้าที่ระดับสูงของหน่วยสายลับเกาหลีเหนือผู้นี้ ซึ่งเขายังคงมีท่าทางกังวลว่าจะมีคนแอบดักฟัง เขาสวมแว่นตาดำเมื่ออยู่หน้ากล้อง และมีเพียงทีมงานของบีบีซีเพียง 2 คนเท่านั้น ที่รู้ชื่อจริงของเขา   นายคิม ใช้เวลา 30 ปีในการไต่เต้าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในหน่วยงานสายลับอันทรงอิทธิพลของเกาหลีเหนือ เขากล่าวว่า หน่วยงานเหล่านี้ถือเป็น “ตา หู และสมองของท่านผู้นำสูงสุด“ เขาอ้างว่าตัวเองคือผู้กุมความลับของหน่วยงานเหล่านี้ เป็นผู้ส่งนักฆ่าไปลอบสังหารนักวิจารณ์ฝ่ายตรงข้าม และแม้แต่สร้างห้องแล็บผลิตยาเสพติดเพื่อช่วยหาเงินทุน “เพื่อการปฏิวัติ“ ตอนนี้ อดีตพันเอกชาวเกาหลีเหนือได้ตัดสินใจบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองกับบีบีซี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่นายทหารระดับสูงจากกรุงเปียงยางให้สัมภาษณ์กับสื่อรายใหญ่ของโลก   ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับบีบีซี นายทหารผู้แปรพักตร์คนนี้บอกว่าตนเองเป็นคน “แดงเข้มที่สุดในบรรดาสีแดงทั้งปวง” เป็นผู้รับใช้ที่จงรักภักดีต่อลัทธิคอมมิวนิสต์ ทว่ายศตำแหน่งและความจงรักภักดีก็ไม่อาจรับประกันความปลอดภัยในเกาหลีเหนือได้   เขาหลบหนีออกมาในปี 2014 และนับแต่นั้นก็อาศัยอยู่ในกรุงโซล โดยทำงานให้หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ นายคิมเล่าว่า คณะผู้นำเกาหลีเหนือพยายามที่จะหาเงินเข้าประเทศด้วยสารพัดวิธี ตั้งแต่ค้ายาเสพติดไปจนถึงอาวุธให้ชาติในตะวันออกกลางและแอฟริกา เขายังเผยกับบีบีซีถึงยุทธศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจต่าง ๆ ของรัฐบาลเกาหลีเหนือ รวมทั้งการโจมตีเกาหลีใต้ และคำกล่าวอ้างว่าสายลับและเครือข่ายทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือได้ปฏิบัติภารกิจไปทั่วทุกมุมโลก   แม้บีบีซีจะไม่สามารถหาแหล่งข้อมูลอิสระในการยืนยันคำกล่าวอ้างเหล่านี้ได้แน่ชัด แต่ก็สามารถยืนยันตัวตนของนายคิม และพบหลักฐานสนับสนุนคำกล่าวอ้างต่าง ๆ ของเขา บีบีซีได้ติดต่อไปยังสถานทูตเกาหลีเหนือในกรุงลอนดอน…

เกาหลีเหนือกล่าวหาว่าญี่ปุ่นใช้ภัยทางไซเบอร์เป็นข้ออ้างในการขยายอิทธิพล

Loading

  สำนักข่าว KCNA ของรัฐบาลเกาหลีเหนือได้เผยแพร่คำวิจารณ์ของคิมซอลฮวา (Kim Sol Hwa) นักวิจัยจากสถาบันญี่ปุ่นศึกษา แห่งกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือ ที่ระบุว่ายุทธศาสตร์ไซเบอร์ฉบับใหม่ของญี่ปุ่นที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมามีเนื้อหาใส่ร้ายเกาหลีเหนือ และเป็นเสมือนแผนการรุกรานอย่างโจ่งแจ้ง เนื่องจากยุทธศาสตร์ฯ ฉบับดังกล่าวกำหนดให้เกาหลีเหนือ จีน และรัสเซียเป็นประเทศที่เป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ ฉะนั้นจึงถือว่ากระทบต่อความสันติสุขและเสถียรภาพของภูมิภาค เขาอ้างว่าญี่ปุ่นซึ่งเป็น ‘รัฐอาชญากร’ หวังใช้ภัยคุกคามไซเบอร์จากประเทศเพื่อนบ้านที่อุปโลกน์ขึ้นมาเองเป็นเหตุในการพัฒนาขีดความสามารถทางไซเบอร์ในด้านการทหาร คิมซอลฮวายังอ้างว่าการปล่อยดาวเทียมและการทดสอบขีปนาวุธที่ผ่านมาของเกาหลีเหนือนั้นเป็นไปอย่างสันติและทำไปเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการทหาร แต่ญี่ปุ่นกลับเอาไปใช้เป็นข้ออ้างในการเสริมกำลังรบและมาตรการอื่น ๆ เพื่อขยายอิทธิพล “ญี่ปุ่นควรดำเนินการอย่างระมัดระวัง อย่าได้หวังใช้ลูกไม้อ้างความชอบธรรมในการรุกรานเหมือนในอดีต หากญี่ปุ่นไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และหวังจะมารุกรานอีกครั้งหนึ่ง ก็จะเป็นเหมืิอนแมงเม่าบินเข้ากองเพลิงเป็นแน่” คิมซอลฮวาระบุทิ้งท้าย โดยอ้างอิงการรุกรานของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มา KCNA Watch   ————————————————————————————————————————————————- ที่มา : Beartai      / วันที่เผยแพร่  10 ต.ค.2564 Link : https://www.beartai.com/news/itnews/810366

เกาหลีเหนือ : ทำไมการปล่อยขีปนาวุธร่อนของรัฐบาลเปียงยางทำให้หลายชาติกังวล

Loading

เมื่อต้นสัปดาห์นี้ เกาหลีเหนือประกาศว่าประสบความสำเร็จในการทดสอบการปล่อยขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลที่มีขีดความสามารถในการโจมตีพื้นที่ส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นได้ ขีปนาวุธร่อน (cruise missiles) ต่างจากขีปนาวุธทิ้งตัว (ballistic missiles) มันสามารถเปลี่ยนทิศทางและหักเลี้ยวได้ระหว่างการเดินทาง ทำให้โจมตีเป้าหมายได้จากมุมที่คาดเดาไม่ได้ การทดสอบนี้แสดงให้เห็นว่า เกาหลีเหนือยังคงพยายามที่จะพัฒนาวิธีการที่ซับซ้อนและหลากหลายต่าง ๆ เพื่อให้สามารถปล่อยอาวุธนิวเคลียร์ได้ เป็นที่ชัดเจนว่าในช่วงการระบาดใหญ่ การเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายครั้ง และความยากลำบากของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ แทบไม่เป็นอุปสรรคต่อเกาหลีเหนือในป้องกันอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งเกาหลีเหนือให้ความสำคัญอย่างมากได้เลย การทดสอบที่ประสบความสำเร็จครั้งล่าสุด ทำให้เกิดคำถามหลายข้อขึ้นว่า ทำไมเกาหลีเหนือจึงทำการทดสอบในช่วงนี้ การทดสอบนี้มีความสำคัญอย่างไร และมันบอกอะไรเราบ้างเกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญของเกาหลีเหนือ     รัฐบาลเกาหลีเหนือยังไม่เปลี่ยนเป้าหมาย เกาหลีเหนือกำลังพัฒนาขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ของประเทศ ทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ นับตั้งแต่ มี.ค. 2019 นับตั้งแต่กลับจากการประชุมสุดยอดที่ล้มเหลวในเดือน ก.พ. 2019 กับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ในกรุงฮานอยของเวียดนาม คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ก็ได้แสดงความแน่วแน่ในการลงทุนด้านการป้องกันอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือต่อไป และเดินหน้ายุทธศาสตร์กลาโหมแห่งชาติ “พึ่งพาตัวเอง” แต่ทำไมเกาหลีเหนือเลือกที่จะทำเช่นนี้ ทั้งที่ก็เผชิญกับการขาดแคลนอาหารและวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรง มันตอบสนองต่อเป้าหมายหลายอย่างของเกาหลีเหนือ ภายในประเทศ การทดสอบเหล่านี้ช่วยสนับสนุนสิ่งที่นายคิมบอกว่า พยายามที่จะพึ่งพาตัวเองในการป้องกันประเทศและเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจด้วย ในทางปฏิบัติ ขีดความสามารถใหม่ของขีปนาวุธร่อนเหล่านี้ ทำให้การวางแผนของศัตรูเกาหลีเหนือยุ่งยากขึ้น เพราะต้องต่อกรกับขีดความสามารถใหม่เหล่านี้…