สหรัฐฯ-เกาหลีใต้ซ้อมรบครั้งใหญ่ใกล้ชายแดนเกาหลีเหนือ

Loading

    กองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ร่วมทำการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่มีการยิงกระสุนจริงที่บริเวณใกล้ ๆ พรมแดนที่ติดกับเกาหลีเหนือในวันพฤหัสบดี แม้กรุงเปียงยางจะเตือนแล้ว ตนจะไม่อดกลั้นอดทนต่อสิ่งที่เป็นการซ้อมแผนรุกรานที่หน้าประตูบ้านเป็นอันขาด ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี   การซ้อมรบครั้งนี้ซึ่งเป็นรอบแรกจากทั้งหมด 5 รอบ ที่มีกำหนดจัดไปจนถึงกลางเดือนมิถุนายน เป็นการฉลองครบรอบ 70 ปีของการจัดตั้งพันธมิตรทางทหารระหว่างกรุงโซลและกรุงวอชิงตัน   โดยปกติ เกาหลีเหนือมักตอบโต้การซ้อมรบระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ด้วยการซ้อมยิงขีปนาวุธและการทดสอบอาวุธต่าง ๆ   นับตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 2022 เป็นต้นมา เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธกว่า 100 ลูกไปแล้ว แต่หยุดการทดสอบไปหลังการยิงขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยไกลข้ามทวีปที่ใช้เชื้อเพลิงแข็งเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา   กรุงเปียงยางระบุว่า การยิงทดสอบทั้งหมดเป็นการตอบโต้การฝึกซ้อมรบทางทหารระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ที่มีการจัดบ่อยและขยายวงกว้างขึ้น แต่ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า เกาหลีเหนือนั้นมีเป้าหมายที่จะยกระดับโครงการพัฒนาอาวุธของตนเพื่อให้เป็นแรงต่อรองที่หนักหน่วงขึ้นเมื่อต้องมีการเจรจาทางการทูตกับคู่ปรับทั้งหลาย   การซ้อมรบระหว่างสองพันธมิตรนี้มีชื่อว่า “Combined annihilation firepower drills” หรือ การซ้อมกำลังอาวุธทำลายล้างร่วม ซึ่งเป็นครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับการซ้อมรบประเภทนี้ที่มีการจัดมาทั้งหมด 11 ครั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1977 ตามข้อมูลของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้     ในครั้งนี้ กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เปิดเผยว่า…

สหรัฐฯ-เกาหลีใต้ ประกาศคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ โดยเฉพาะด้านไอที

Loading

    สหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ประกาศคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือรอบใหม่ โดยมุ่งเน้นไปที่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) หลังได้รับรายงานว่า มีพนักงานด้านไอทีจำนวนหลายพันคนปฏิบัติงานอยู่ในประเทศจีนและรัสเซีย พร้อมทั้งอ้างว่า พนักงานเหล่านี้อาจมีส่วนพัวพันกับการช่วยจัดหาเงินทุน เพื่อนำมาส่งเสริมและพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องกับอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (WMD) ในเกาหลีเหนือ   ทางการสหรัฐฯ ชี้ว่า ชาวเกาหลีเหนือที่ทำงานเป็นพนักงานด้านไอทีหลายพันคนกระจายตัวอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะที่จีนและรัสเซีย คนกลุ่มนี้มีส่วนนำรายได้ไปสนับสนุนโครงการขีปนาวุธและโครงการ WMD ของเกาหลีเหนือ ที่มิชอบด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ โดยพนักงานส่วนใหญ่จะปกปิดอัตลักษณ์ของตนเอง ไม่ระบุสถานที่เกิด-สถานที่อยู่อาศัย รวมถึงสัญชาติที่แน่ชัด และใช้เอกสารปลอมในการยื่นสมัครงาน   ที่ผ่านมาทางการสหรัฐฯ เองก็เคยประกาศเตือนว่า การว่าจ้างพนักงานด้านไอทีชาวเกาหลีเหนืออาจนำไปสู่การขโมยทรัพย์สินทางปัญญาได้ด้วยเช่นกัน โดยนอกจากบริษัท Chinyong Information Technology Cooperation Company ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเกาหลีเหนือ และติดอยู่ในลิสต์รายชื่อบริษัทด้านไอทีที่ถูกคว่ำบาตรในครั้งนี้แล้ว ศูนย์วิจัยหมายเลข 110, Pyongyang University of Automation และหน่วยงานของรัฐอย่าง Technical Reconnaissance Bureau ก็เป็นอีก 3 หน่วยงานด้านไอทีที่เคยถูกเกาหลีใต้ประกาศแบนมาแล้วก่อนหน้านี้   โดย ไบรอัน เนลสัน ผู้แทนสหรัฐฯ…

คนมันเหงา! สาวต่างแดนวัย 29 ในสหรัฐฯ ลงทุนใช้เอกสารเท็จกลับเข้าเรียนระดับมัธยม

Loading

    หญิงสาววัย 29 ปีรายหนึ่ง ถูกกล่าวหาใช้เอกสารปลอมเพื่อเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐฯ และเข้าเรียนในบางคาบในช่วงเวลา 4 วัน สุดท้ายถูกจับได้ และศาลแห่งรัฐในวันจันทร์ (15 พ.ค.) สั่งให้เข้าร่วมโปรแกรมคุมประพฤติในชั้นก่อนพิจารณาคดี   ฮเยจอง ชิน ไม่ยอมสารภาพผิดในเดือนมีนาคม ตามข้อกล่าวหามอบเอกสารราชการเท็จ ขณะที่ทนายควาของเธอแก้ต่างว่าที่ผู้หญิงรายนี้ทำเช่นนั้นก็เพราะเธอเหงาและปรารถนากลับคืนสู่วันเก่าๆ ในช่วงวัยเรียน ใช้ชีวิตกับเพื่อนๆ ในโรงเรียน แต่ตอนนี้เธอตระหนักแล้วว่าได้ทำผิดพลาดลงไป   เวลานี้เธอจะต้องเข้ารับการประเมินสุขภาพจิต และหากว่าเธอสิ้นสุดระยะเวลาการเข้าร่วมโปรแกรมคุมประพฤติ ท้ายที่สุดแล้วศาลอาจพิจารณาตีตกข้อกล่าวหาที่จะเอาผิดกับเธอ   ทนายความเปิดเผยว่า ชิน เป็นพลเมืองเกาหลีใต้ ซึ่งเดินทางมาสหรัฐฯ ด้วยตนเองตั้งแต่อายุ 16 ปี จากนั้นเข้าเรียนที่โรงเรียนประจำเอกชนแห่งหนึ่ง ต่อมาเธอเรียนจบระดับปริญญา จากมหาวิทยาลัยรัตเกอร์ส ในปี 2019   ทั้งนี้ ทนายความชี้แจงว่าลูกความของเขาไม่ได้มีเจตนาชั่วร้าย ตอนที่สมัครเข้าเรียน ณ โรงเรียนมัธยมนิว บรุนส์วิค ในเดือนมกราคม โดยเธอแค่ต้องการกลับสู่ “สถานที่ที่ปลอดภัยและเป็นที่ต้อนรับ รวมถึงสภาพแวดล้อมที่เธอมองย้อนกลับไปด้วยความรัก”   เจ้าหน้าที่บอกว่า…

สังคมโลก : ปฏิญญาวอชิงตัน

Loading

    รัฐบาลโซลและรัฐบาลวอชิงตัน ประกาศร่วมกัน ว่าหากเกาหลีเหนือใช้อาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐ หรือพันธมิตรอย่างเกาหลีใต้ มันจะเป็น “จุดจบ” ต่อระบอบการปกครองของนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ   คำขู่รุนแรงดังกล่าวเกิดขึ้น ระหว่างประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ผู้นำเกาหลีใต้ เยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเขาและประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ หารือเกี่ยวกับการยกระดับเกราะป้องกันด้านความมั่นคงของสหรัฐสำหรับเกาหลีใต้ ในการเผชิญกับการทดสอบขีปนาวุธที่เพิ่มขึ้นของเกาหลีเหนือ   อนึ่ง “ปฏิญญาวอชิงตัน” จะส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า “ร่มนิวเคลียร์” หรือการที่สหรัฐให้หลักประกันการป้องกันอาวุธนิวเคลียร์แก่เกาหลีใต้, ส่งเรือดำน้ำติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีพลังงานนิวเคลียร์ (เอสเอสบีเอ็น) มาติดตั้งบนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยุคทศวรรษที่ 1980 และมาตรการอื่น ๆ รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลเพิ่มเติมในเหตุการณ์การโจมตีของเกาหลีเหนือ   ทว่าสหรัฐยืนยัน ยังไม่มีแผนที่จะนำอาวุธนิวเคลียร์ กลับเข้ามาประจำการในเกาหลีใต้แต่อย่างใด และนักวิเคราะห์บางคนยังสงสัยใน “คุณค่าทางปฏิบัติ” ของปฏิญญาฉบับนี้อีกด้วย   ยุนพยายามสร้างความมั่นใจให้ชาวเกาหลีใต้ ซึ่งมีความวิตกกังวลมากขึ้น เกี่ยวกับความมุ่งมั่นของสหรัฐต่อสิ่งที่เรียกว่า “การป้องปรามที่ขยายวงกว้างขึ้น” ว่าทรัพย์สินทางทหารของสหรัฐ รวมถึงอาวุธนิวเคลียร์ จะปกป้องเกาหลีใต้จากการโจมตี “ได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง”    …

เกาหลีเหนือยัน ข้อตกลงสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ ‘ยกระดับความตึงเครียด’

Loading

    เกาหลีเหนือออกโรงวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ที่จะเปิดทางให้กรุงวอชิงตันส่งเจ้าหน้าที่และยุทโธปกรณ์เข้ามาในคาบสมุทรเกาหลี ว่าเป็นชนวนที่ทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคนี้ยกระดับขึ้นจน “เข้าใกล้การเกิดสงครามนิวเคลียร์” แล้ว ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่อ้างข้อมูลจากสื่อ KCNA ของกรุงเปียงยางในวันจันทร์   ระหว่างที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดียูน ซุก ยอล ร่วมประชุมสุดยอดผู้นำ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่กรุงวอชิงตัน ผู้นำสหรัฐฯ ได้ให้สัญญาว่า จะเปิดทางให้กรุงโซลได้รับข้อมูลเกี่ยวกับแผนการด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความขัดแย้งกับเกาหลีเหนือ ขณะที่ หลายฝ่ายมีความวิตกกังวลมากขึ้นต่อการเผชิญหน้าระหว่างโครงการพัฒนาอาวุธของกรุงเปียงยางและศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของอเมริกา   ทั้งนี้ สองผู้นำได้ตกลงที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับความสามารถด้านกลาโหมของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ จะนำส่งปัจจัยทางยุทธศาสตร์ของตนมาให้อย่างสม่ำเสมอ โดยภายใต้คำสัญญานี้ กองทัพเรือสหรัฐฯ จะส่งเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธวิถีโค้งมายังเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1980 ด้วย   สื่อ KCNA รายงานโดยอ้างอิงความเห็นของ เช จู ฮยอน นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงระหว่างประเทศว่า ข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้แสดงให้เห็นถึงความสมัครใจของพันธมิตรทั้งสองที่จะ “ดำเนินการอุกอาจและเป็นปฏิปักษ์อย่างที่สุด” ต่อเกาหลีเหนือ   รายงานข่าวนี้ยังระบุด้วยว่า การที่สหรัฐฯ จะส่งปัจจัยทางยุทธศาสตร์ของตนมาในแถบคาบสมุทรเกาหลีเป็นเหมือน “ปลักหล่มของการไม่มีเสถียรภาพ” ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้าง “กลุ่มก้อนทางทหารพิเศษจำเพาะเชิงรุก” ในภูมิภาคนี้   นอกจากนั้น…

ผู้นำเกาหลีใต้ฟุ้งความสัมพันธ์กับมะกันแน่นแฟ้น ไม่หวั่นอีกฝ่ายสอดแนม

Loading

    ผู้นำเกาหลีใต้ฟุ้งความสัมพันธ์กับมะกันแน่นแฟ้น ไม่หวั่นอีกฝ่ายสอดแนม ขณะเตรียมหารือกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือประเด็นเกาหลีเหนือ จีน และปัญหาอื่นๆ   สัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้จะไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่ สหรัฐสอดแนมเกาหลีใต้ อย่างแน่นอน โดยการลอบดักฟังพันธมิตรของสหรัฐนั้นถูกเปิดโปงต่อสาธารณชน หลังเอกสารลับของกระทรวงกลาโหมสหรัฐรั่วไหลบนโลกออนไลน์   ทั้งนี้ การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุนซอกยอล และ ประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน มีกำหนดพบปะกันในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือประเด็นเกาหลีเหนือ จีน และปัญหาอื่นๆ   เจ้าหน้าที่สหรัฐ และเกาหลีเหนือ ระบุว่า ข้อมูลส่วนใหญ่ในเอกสารลับที่รั่วไหลบนโลกออนไลน์นั้นไม่ถูกต้องและอาจถูกดัดแปลงแก้ไข แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงเพิ่มเติม   “ผมเชื่อว่าประเด็นนี้จะไม่สั่นคลอนความไว้วางใจที่แข็งแกร่งที่สนับสนุนความเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐ และเกาหลีใต้ เพราะความไว้วางใจดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่ทั้งสองประเทศต่างก็ให้คุณค่า เช่น เสรีภาพ” ประธานาธิบดี ยุนซอกยอล กล่าวเมื่อวันจันทร์ (24 เม.ย.)   ประธานาธิบดี ยุนซอกยอล กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ และเกาหลีใต้ตั้งอยู่บนความไว้เนื้อเชื่อใจระดับสูง “หากคุณมีความเชื่อใจในระดับนี้แล้ว คุณก็จะไม่สั่นคลอน”  …