สหรัฐจับมือยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีรับมือก่อการร้าย

Loading

สหรัฐจับมือบรรดาบ.ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี ตั้งหน่วยงานร่วมกันเพื่อรับมือความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายในโลกอินเทอร์เน็ต รัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีบารัก โอบามาประกาศจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีในการต่อต้านการโฆษณาชวนเชื่อออนไลน์เพื่อปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงในอินเทอร์เน็ต หลังได้หารือกับบรรดาผู้บริหารของบริษัทเทคโนโลยีเมื่อวานนี้ (8 ม.ค.) หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว นายเดนิส แมคโดโน ซึ่งเป็นประธานในการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลและกลุ่มตัวแทนธุรกิจด้านเทคโนโลยีในเมืองซานโฮเซในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นเปิดเผยว่า รัฐบาลจะยกระดับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและผู้ประกอบการในการรับมือกับภัยก่อการร้ายที่ปรับรูปแบบมาใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการเผยแพร่แนวคิด โดยจะมีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและกระทรวงยุติธรรมเป็นแกนหลักในการดำเนินงาน นอกจากนี้ เนื้อหาหลักของการหารือยังครอบคลุมถึงการหาทางรับมือกับการใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมออนไลน์ในการระดมพลและเผยแพร่แนวคิดของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส การใช้เทคโนโลยีในการยับยั้งความรุนแรง และระบุรูปแบบของการระดมพลเพื่อตัดตอนวงจร รวมถึงการใช้กฎหมายเพื่อจัดการกับการสื่อสารที่เข้ารหัสของกลุ่มผู้ต้องสงสัย สำหรับผู้เข้าร่วมการหารือครั้งนี้ ฝ่ายผู้ประกอบการประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงทั้งจากเฟซบุ๊ค กูเกิล ทวิตเตอร์ ไมโครซอฟท์ ยาฮู ลิงค์อิน รวมถึงนายทิม คุก หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอของแอ๊ปเปิ้ล ส่วนฝ่ายรัฐบาลนอกจากนายแมคโดโนแล้ว ยังมีนางลอเร็ตตา ลินช์ รัฐมนตรียุติธรรม นายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง หรือเอฟบีไอ นายเจมส์ แคล็ปเปอร์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐ หรือซีไอเอ และนายไมค์ โรเจอร์ส ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ หรือเอ็นเอสเอ ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 09 มกราคม 2559, 19:00

ทำเนียบขาวเล็งหารือบ.ไอทีสกัดไอเอส

Loading

ทำเนียบขาว หน่วยข่าวกรอง และฝ่ายความมั่นคงสหรัฐเตรียมคุยผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีหาทางรับมือกลุ่มติดอาวุธใช้โซเชียลมีเดียหาสมาชิก แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดกับการประชุมเปิดเผยว่า ผู้ที่เข้าร่วมประชุมมีทั้งหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว “นายเดนิส แม็คโดนาฟ” ประธานที่ปรึกษาต่อต้านการก่อการร้าย “นางลิซา โมนาโก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม “นางลอเร็ตต้า ลินช์“ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ หรือเอฟบีไอ ”นายเจมส์ โคมีย์” ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ “นายเจมส์ แคลปเปอร์” และผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ “นายไมค์ โรเจอร์ส” ส่วนภาคเอกชนที่เข้าร่วมประชุมมีทั้งทวิตเตอร์, แอ๊ปเปิ้ล อิงค์, เฟซบุ๊ค, กูเกิล ไมโครซอฟท์ คอร์ป, ดร็อปบ็อกซ์ และบริษัทอินเทอร์เน็ตอีกจำนวนมาก คาดว่าทั้งหมดจะส่งผู้บริหารระดับสูงเข้าประชุมแต่ไม่ใช่หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอ โดยประเด็นที่จะหารือกันเน้นไปที่เนื้อหาของโซเชียลมีเดีย การสื่อสารที่ไม่เข้ารหัส และหัวข้ออื่น ๆ ขณะนี้ บริษัทเทคโนโลยีรวมทั้งโซเชียลมีเดีย เช่น ทวิตเตอร์ อิงค์, อัลฟาเบต อิงค์ เจ้าของยูทูบ และเฟซบุ๊ค อิงค์ ต้องเจอแรงกดดันที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ให้จัดการกับการโฆษณาชวนเชื่อออนไลน์จากกลุ่มติดอาวุธ เช่น กลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสให้มากกว่านี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ไปจนถึงเหตุกราดยิงในซานเบอร์นาร์ดิโน…

โลกผวา!! ก่อการร้าย IS โชว์เทคโนโลยี “คาร์บอมบ์เคลื่อนที่ไร้คนขับ”

Loading

     ฮอฟฟิงตันโพสต์/สกายนิวส์ – พบวิดีโอชุดใหม่ของพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) เป็นภาพช่างเทคนิคของนักรบกลุ่มนี้กำลังทดสอบคาร์บอมบ์เคลื่อนที่ไร้คนขับและดัดแปลงขีปนาวุธพื้นผิวสู่อากาศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธของอังกฤษถึงกับตกตะลึงต่อขีดความสามารถขององค์กรก่อการร้ายกลุ่มนี้      รายงานข่าวของสกายนิวส์ระบุว่า พวกไอเอสสามารถดัดแปลงซ่อมแซมขีปนาวุธหลายพันลูกที่เหล่ารัฐบาลชาติตะวันตกสันนิษฐานว่าไม่สามารถใช้งานได้แล้ว เนื่องจากมีอายุเก่าเก็บ จนกลับมาใช้การได้อีกครั้ง      ภาพแสดงให้เห็นว่าไอเอสมีความสามารถผลิตแบตเตอรี่ทำเองสำหรับขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศ บางอย่างที่เคยถูกมองว่าเป็นไปไม่ได้สำหรับกลุ่มก่อการร้ายหนึ่งที่ปราศจากโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร นอกจากนี้แล้ว ยังแสดงให้เห็นว่าพวกไอเอสสามารถผลิตรถยนต์ควบคุมจากระยะไกลได้อย่างสมบูรณ์ ที่จะถูกใช้เป็นระเบิดเคลื่อนที่      รถยนต์เหล่านี้จะติดตั้งคนขับที่เป็นหุ่นยนต์ติดเครื่องควบคุมอุณหภูมิซึ่งกำหนดค่าได้เอง สำหรับสร้างความร้อนระดับเดียวกับร่างกายมนุษย์ เพื่อให้ผ่านเครื่องสแกนที่ปกป้องอาคารต่างๆ ของรัฐบาลและกองทัพตะวันตก      รายงานข่าวระบุว่า กองกำลังปลดปล่อยซีเรียเป็นผู้ส่งต่อวิดีโอฉบับที่ไม่ตัดต่อความยาว 8 ชั่วโมงนี้ หลังพวกเขายึดมันมาได้จากครูฝึกไอเอสรายหนึ่ง ที่ควบคุมตัวได้ระหว่างกำลังมุ่งหน้าผ่านตุรกีไปยังยุโรป      พันตรี คริส ฮันเตอร์ ที่ปรึกษาทางทหารชาวอังกฤษ อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิดของกองกำลังพิเศษ ให้สัมภาษณ์ต่อสกายนิวส์ว่า เขารู้สึกช็อกอย่างยิ่งต่อพัฒนาการบางอย่างในวิดีโอ ที่เผยให้เห็นขีดความสามารถของเหล่านักวิทยาศาสตร์จาก “มหาวิทยาลัยญิฮาด” ในเมืองรักกา ของซีเรีย เมืองหลวงโดยพฤตินัยของไอเอส      “ผมคิดว่านี่อาจเป็นหนึ่งในข่าวกรองเกี่ยวกับไอเอสที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เราได้เห็นคือรูปแบบวิดีโอโฆษณาชวนเชื่อที่มีคุณภาพสูงมาก พวกเขาออกแบบและผลิตเพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้คน มุ่งหวังเขย่าประสาทใครก็ตามที่ได้ดู”  …

แคสเปอร์สกี้เผยยอดโจมตีแรนซัมแวร์2015เพิ่มขึ้น2เท่า องค์กรตกเป็นเป้าเพราะยอมจ่ายเงิน

Loading

ปี 2015 ทูลที่ใช้โจมตีไซเบอร์ในภาคธุรกิจมีลักษณะแตกต่างจากทูลที่ใช้กับผู้ใช้งานทั่วไป รวมถึงการแสวงหาผลประโยชน์จากซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายและมัลแวร์ที่มีลายเซ็นดิจิตอลที่ถูกต้อง เพื่อซุกซ่อนไฟล์ประสงค์ร้ายในระบบได้นานขึ้น

นิวยอร์กเริ่มแล้ว! เปลี่ยนตู้โทรศัพท์เป็นเสากระจายไว-ไฟ แรงระดับกิกะบิต

Loading

น่าจะเป็นการคืนความสุขให้อเมริกันชนชาวนิวยอร์กและนักท่องเที่ยว เมื่อนครแห่งนี้จับมือกับกูเกิลและ CityBridge ผุดโปรเจกต์ LinkNYC เปลี่ยนตู้โทรศัพท์สาธารณะเดิมให้กลายเป็นเสาป้ายโฆษณากระจายสัญญาณไว-ไฟ แรงระดับกิกะบิต แต่ละเสากระจายได้ไกล 150 ฟุต ส่งต่อไคลเอนต์หากันได้ไม่เด้งหลุด และตรงฐานมีจอทัชสกรีนไว้คุย-ใช้เน็ตฟรี มีพอร์ต USB ไว้ให้ชาร์จไฟด้วย โมเดลการทำเงินคือที่เสาจะมีจอ 55″ ทั้งสองด้านไว้แสดงโฆษณา หารายได้จุนเจือบริการฟรี LinkNYC ในล็อตแรกจะติดตั้งก่อน 10,000 จุด (7,500 จุดจะเป็นตู้โทรศัพท์เดิม) ซึ่งไอเดียนี้คิดตั้งแต่สมัยเทศบาลชุดก่อนหน้า ที่ได้มาจากการประกวดไอเดียพัฒนาเมืองให้ทันศตวรรษที่ 21 ครับ ที่มา : LinkNYC ทาง The Next Web Link : https://www.blognone.com/node/76271

แนวโน้มการโจมตีโลกไซเบอร์ปี 2559

Loading

     ผู้เชี่ยวชาญจาก Sophos คาดการณ์ถึงสถานการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดในปี 2559 จากเหตุการณ์โจมตีบนโลกไซเบอร์ที่ทวีความซับซ้อน และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยระบุชัดระบบแอนดรอยด์มีแนวโน้มถูกโจมตีมากขึ้น ด้านระบบ iOS ก็จะพบมัลแวร์มากขึ้น โดยองค์กรธุรกิจทั้ง SME และ SMB จะตกเป็นเป้าหมายใหญ่สำหรับการโจมตี และที่สำคัญ Ransomware จะน่ากลัวมากขึ้น ฯลฯ โดยมีแนวโน้มทั้ง 11 อย่างดังต่อไปนี้ 1.อันตรายบนแอนดรอยด์จะร้ายแรงมากกว่าแค่ข่าวพาดหัว      ในปี 2559 การโจมตีบนแอนดรอยด์จะรุนแรงมากขึ้น (โดยช่วงต้นปี 2558 มีการรายงานถึงบั๊กชื่อ Stagefright เป็นจำนวนมาก แต่บั๊กตัวนี้ยังไม่สามารถเจาะระบบได้สมบูรณ์) มีช่องโหว่จำนวนพอสมควรบนแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ที่ต้องใช้เวลาหลายเดือนในการสร้างแพทช์ขึ้นมาแก้ไข แม้กูเกิลจะอ้างว่า ยังไม่มีใครเจาะช่องโหว่เหล่านี้ได้จนถึงปัจจุบัน แต่นั่นก็เป็นการท้าทายที่เชื้อเชิญเหล่าแฮกเกอร์เข้ามาอย่างมหาศาล      SophosLabs พบตัวอย่างการใช้ความพยายามอย่างสูงในการหลีกเลี่ยงการตรวจจับ และคัดกรองของ App Store เพื่อให้แอปอันตรายอยู่รอดใน App Store ได้ เช่น แฮกเกอร์บางคนออกแบบแอปเกมที่ไม่มีอันตรายแฝงเมื่อพบว่ากำลังถูกตรวจสอบ แต่เมื่อพ้นการตรวจแล้วก็จะโหลดโค้ดอันตรายเข้ามาแทน ยิ่งกว่านั้นเมื่อเร็วๆ…