ศาลฎีกาพิพากษายืน ผอ.ประชาไท ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

Loading

     23 ธ.ค. 2558 ที่ห้องพิจารณาคดี 908 ศาลอาญา รัชดา ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ในคดีที่ จีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเว็บไซต์ประชาไทเป็นจำเลยในความผิดตามมาตรา 15 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ให้จำคุก 8 เดือน ปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา จากกรณีที่ปล่อยให้มีการโพสต์ผิดกฎหมายในเว็บบอร์ดประชาไทนาน 20 วัน      ศาลฎีการะบุถึงพฤติการณ์แวดล้อมที่ชี้ว่า จำเลยไม่ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ โดยไม่ส่งข้อมูล IP address ของผู้ใช้บริการเว็บบอร์ดที่มีข้อความเข้าข่ายหมิ่นสถาบันให้เอง จนเลยระยะเวลา 90 วันตามกฎหมายที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ต้องเก็บ IP address ไว้ ทำให้พนักงานสอบสวนไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้ใช้รายอื่นได้      จีรนุช เปรมชัยพร แสดงความผิดหวังต่อคำพิพากษาและแสดงความกังวลต่อประเด็นการพัฒนาเศรษฐกิจด้านอินเทอร์เน็ต หากมีการบังคับใช้กฎหมายเช่นนี้ โดยอาจสร้างความยากลำบากในการปฏิบัติตัวของผู้ให้บริการ เพราะข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเป็นข้อมูลสำคัญ หากไม่มีเหตุอันควร การยื่นข้อมูลเหล่านี้ให้เจ้าหน้าที่โดยไม่ต้องร้องขอ ผู้ให้บริการอาจละเมิดต่อผู้ใช้บริการได้…

“ไอเอส”บุกอาเซียน! เผยคลิปฐานฝึกในป่า

Loading

     กลุ่มไอเอสเผยคลิปฐานฝึกกองกำลังใจกลางป่าดงดิบของประเทศฟิลิปปินส์ พร้อมชักจูงคนท้องถิ่นเข้าร่วม      ในที่สุดกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส ก็เดินทางมาปักหมุดที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างค่อนข้างจะเป็นทางการแล้ว หลังมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ ซึ่งเปิดเผยกิจกรรมและฐานฝึกกองกำลังของกลุ่มเป็นครั้งแรกใจกลางป่าดงดิบของประเทศฟิลิปปินส์พร้อมชักจูงให้คนท้องถิ่นเข้าร่วมกับกองกำลังต่อสู้ในซีเรีย      คลิปวิดีโอดังกล่าวบันทึกภาพระหว่างการฝึกจู่โจม การออกกำลังกายเสริมความเข้มแข็ง โดยบุคคลในคลิปปกปิดใบหน้าด้วยหมวกไหมพรมสีดำ และแต่งกายด้วยชุดสีดำเหมือนกับสมาชิกไอเอส ในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ ยังถือธงสัญลักษณ์ของไอเอส พร้อมประกาศว่านี่กองกำลังแห่งเคาะลีฟะฮ์ในฟิลิปปินส์ ซึ่งเคาะลีฟะฮ์หมายถึงรัฐอิสลามในซีเรียและอิรัก      บุคคลในคลิปยังเรียกร้องให้บุคคลที่สนใจร่วมเดินทางไปแสวงบุญที่เคาะลีฟะฮ์ ซึ่งหมายถึงการเชื้อเชิญให้เข้าร่วมกับกองกำลังไอเอส คาดว่าคลิปนี้ถ่ายทำที่เกาะมินดาเนา ทางใต้ของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นฐานกำลังสำคัญของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนและประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม      ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าขบวนการแบ่งแยกดินแดนกลุ่มใดบนเกาะมินตาเนาที่แสดงตัวเป็นสมาชิกไอเอส แต่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า หลายกลุ่มในฟิลิปปินส์ประกาศสวามิภักดิ์กับไอเอส เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ปรากฎภาพยืนยันอย่างชัดเจนว่ามีการผนึกกำลังกันจริง ๆ      ก่อนหน้านี้รัฐบาลฟิลิปปินส์ยืนยันเช่นกันว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดนในท้องถิ่นประกาศสวามิภักดิ์กับไอเอส และเมื่่อเดือนที่แล้วสมาชิกกลุ่มอันซาร์ อัลเคาะลีฟะฮ์ 8 คนที่ประกาศเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับไอเอส ถูกเจ้าหน้าที่เด็ดชีพระหว่าการปะทะที่เมืองปาลิมบัง ทางภาคใต้ของประเทศ      ด้านเจ้าหน้าที่ด้านการทหารของฟิลิปปินส์กล่าวว่า กลุ่มอันซาร์ อัลเคาะลีฟะฮ์ พยายามโหนกระแสความดังของไอเอส แต่ไม่ใช่ขบวนการเดียวกัน      ทั้งนี้…

ออสเตรเลียและอินโดนีเซีย เห็นชอบเพิ่มการแบ่งปันข่าวกรองระหว่างกัน เพื่อต่อสู้กับการก่อการร้าย

Loading

     ออสเตรเลียและอินโดนีเซีย เห็นชอบเพิ่มการแบ่งปันข่าวกรองระหว่างกัน เพื่อต่อสู้กับการก่อการร้าย หลังจากตำรวจอินโดนีเซียจับกุมเครือข่ายกลุ่มสุดโต่ง ที่วางแผนก่อเหตุระเบิดพลีชีพในกรุงจาการ์ตาได้เมื่อสองวันก่อน      รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย “นางจูลี บิช็อป” กล่าวหลังประชุมทวิภาคีประจำปีกับรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย “นางเรตโน มาร์ซูดี” ที่นครซิดนีย์ว่า ออสเตรเลียและอินโดนีเซียกำลังร่วมมือกันใกล้ชิดอย่างยิ่ง ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการรับมือการก่อการร้าย และจะแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองระหว่างกันต่อไป เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนและศาสนาที่เคารพรัก      (Ins: 7082) เมื่อวันศุกร์และเสาร์ที่ผ่านมา (18-19 ธ.ค.58) ตำรวจอินโดนีเซียได้บุกจู่โจมหลายเมืองทั่วเกาะชวา พร้อมจับกุมสมาชิกเครือข่ายกลุ่มสุดโต่งได้ 5 คน และยึดเคมีภัณฑ์ อุปกรณ์ทดลอง และธงที่ได้รับแรงใจจากกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสได้ด้วย โดยมีรายงานว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ได้รับเบาะแสมาจากสำนักงานตำรวจกลางของออสเตรเลียและหน่วยสืบสวนสอบสวนกลางของสหรัฐ หรือเอฟบีไอ      นางบิช็อป กล่าวว่า เธอไม่สามารถให้รายละเอียดเรื่องแผนการระเบิดพลีชีพในกรุงจาการ์ตาได้ แต่เห็นว่าการแบ่งปันข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งออสเตรเลียได้เตรียมความพร้อมในส่วนของตนไว้เสมอ และปฏิบัติการครั้งนี้ตำรวจอินโดนีเซียประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในการกวาดล้างความพยายามก่อการร้าย      ด้านนางมาร์ซูดี ไม่ได้ให้รายละเอียดเรื่องแผนการก่อการร้ายเช่นกัน กล่าวเพียงว่า การแบ่งปันข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในความร่วมมือต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างอินโดนีเซียกับออสเตรเลีย ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์วันที่ 21 ธันวาคม 2558, 19:00 น. Link : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/679418

เขมรจัดตำรวจนับหมื่น รปภ.นายกฯ รัสเซียเยือนนครวัด-พนมเปญ

Loading

  เขมรจัดตำรวจนับหมื่น รปภ.นายกฯ รัสเซียเยือนนครวัด-พนมเปญ        ซินหวา – ทางการกัมพูชาเสริมกำลังรักษาความปลอดภัยเข้มงวดในประเทศระหว่างการเยือนของ นายกรัฐมนตรีดมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย ระหว่างวันที่ 22-24 พ.ย. ตามการรายงานของเว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา        “เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมากกว่า 10,000 นาย จะเข้าประจำตามสถานที่สำคัญต่างๆ ในกรุงพนมเปญ และ จ.เสียมราฐ ระหว่างการเยือนของผู้นำรัสเซีย” เว็บไซต์รายงานอ้างคำกล่าวของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ        นายกรัฐมนตรีเมดเวเดฟ มีกำหนดเดินทางถึง จ.เสียมราฐ ในเย็นวันอาทิตย์ (22) เพื่อเยี่ยมชมปราสาทนครวัด ก่อนเดินทางต่อไปยังกรุงพนมเปญ เพื่อพบหารืออย่างเป็นทางการกับนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ในวันอังคาร (24)        หลังการหารือ ผู้นำสองประเทศจะร่วมเป็นพยานในพิธีลงนามเอกสารความร่วมมือ 6 ฉบับ ตามคำแถลงที่ออกโดยกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา โดยเอกสารทั้ง 6 ฉบับ จะประกอบด้วยข้อตกลงความร่วมมมือระหว่างพรรคประชาชนกัมพูชาของรัฐบาลกัมพูชา และพรรคยูไนเต็ดรัสเซียที่เป็นพรรครัฐบาล…

อึ้ง! นักข่าวจีนงง ปินส์ใช้ปืนใหญ่สมัยสงครามโลก รักษาความปลอดภัยในการประชุมเอเปค

Loading

  ภาพจากเฟซบุ๊ก China Xinhua News ภาคภาษาไทย เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 เฟซบุ๊ก China Xinhua News ภาคภาษาไทยเผยแพร่ภาพ และข้อความตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับสภาพการรักษาความปลอดภัยในการประชุมสุดยอด ผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก หรือ เอเปค (Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC) จัดขึ้นในวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งมีประเทศฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพ โดยมีผู้นำสูงสุดของชาติชั้นนำในโลกเข้าร่วมมากมาย โดยมีรายละเอียดดังนี้ “ฟิลิปปินส์ใช้อาวุธโบราณรักษาความปลอดภัยในการประชุมเอเปค เนื่องจากวันที่ 18-19 พฤศจิกายนนี้ จะมีการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 23 ขึ้นที่กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เพื่อเป็นการดูแลรักษาความปลอดภัยในระหว่างการประชุม หน่วยงานรัฐบาลของฟิลิปปินส์จึงได้ระดมกำลังพลประมาณ 3.2 หมื่นคนเข้าร่วมในการรักษาความปลอดภัยและการรับมือกับภาวะฉุกเฉิน แต่ทว่า เมื่อมองดูแล้วในบรรดาอาวุธที่เตรียมใช้รักษาความปลอดภัยในระหว่างการประชุม เอเปคนั้นมีอยู่ไม่น้อยทีเดียวที่เป็นอาวุธ “โบราณ” ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่เห็นในรูปคือปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานBofors หนึ่งในอาวุธรบภาคพื้นดินสำหรับป้องกันภัยทางอากาศขนาดกลางที่ใช้กันมาก ตั้งแต่หลังสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์ได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมากมาควบคุมดูแลความสงบและความปลอดภัย…

ตำรวจปินส์ “ปะทะ” ม็อบต้านเอเปก-ด้าน “จีน” สุดเซ็งสหรัฐฯ ชงปัญหาทะเลจีนใต้บดบังเจรจา “ศก.-การค้า”

Loading

          เอเอฟพี – ตำรวจปราบจลาจลฟิลิปปินส์ปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วงหลายร้อยที่พยายามฝ่าแนวกั้นด้านนอกสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มความร่วมมือเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) วันนี้ (19 พ.ย.) ขณะที่การหารือระหว่างผู้นำ 21 ชาติถูกครอบงำด้วยปมปัญหาทะเลจีนใต้ที่สหรัฐฯ และจีนต่างงัดข้อกันอยู่        การประชุมเอเปกซึ่งฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพในปีนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างกลไกการค้าที่เป็นเอกภาพในกลุ่มประเทศสมาชิก แต่ก็มักจะถูกเบนประเด็นด้วยข้อพิพาทที่กำลังร้อนระอุ        ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ประกาศหนุนหลังชาติพันธมิตรที่พัวพันข้อพิพาทกับปักกิ่งในเรื่องทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือสินค้าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโลก        แม้ทางการฟิลิปปินส์จะระดมกำลังตำรวจและทหารกว่า 20,000 นายคุมเข้มความปลอดภัยอย่างเต็มพิกัด แต่ก็ไม่วายเกิดเหตุกระทบกระทั่งกับกลุ่มผู้ชุมนุมใกล้ๆ สถานที่จัดประชุม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา        ตำรวจซึ่งมีอุปกรณ์ปราบจลาจลครบมือทั้งหมวก โล่ และกระบอง ได้ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงสกัดกลุ่มผู้ประท้วงที่พยายามจะฝ่าแนวกั้นเข้าไปยังสถานที่จัดประชุมเอเปกที่อยู่ห่างออกไปราว 1 กิโลเมตร แต่ถึงแม้จะเกิดเหตุชุลมุนตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ทว่าสถานการณ์ก็ไม่ได้รุนแรงมาก และตำรวจยังคงอนุญาตให้ผู้ประท้วงยืนชุมนุมอยู่ที่หลังแนวกั้นต่อไปได้      …