อิสราเอลเตรียมระบบ AI จัดจราจร “โดรน” บนท้องฟ้า

Loading

  อีกไม่นาน หากมองขึ้นไปท้องฟ้าในหลายประเทศจะเต็มไปด้วยโดรน หรืออากาศยานไร้คนขับ หนึ่งในนั้นคือประเทศอิสราเอล ที่ขณะนี้เตรียมพร้อมระบบการจัดการจราจรทางอากาศให้กับโดรน ผ่านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (Artificial Intelligence : AI) เพื่อไม่ให้บินชนกันกลางอากาศ ระบบการจัดการจราจรทางอากาศผ่านเอไอนี้ เจ้าหน้าที่ของอิสราเอลได้จัดการสาธิต โดยแต่ละบริษัทควบคุมโดรนของตนเองจากห้องควบคุมที่อยู่ห่างออกไปราว 50 กิโลเมตร โดรนแต่ละลำบินพร้อมกันแบบรักษาระยะห่างระหว่างกันไม่กี่เมตร แต่ละลำมีภารกิจต่างกัน อย่างเช่น การยกสิ่งของ ถ่ายคลิปวิดีโอ และจัดส่งสินค้าไปยังสถานีกระจายสินค้า คาดว่าจะมีการใช้งานได้จริงในปี 2023       ปฏิบัติการนี้ เริ่มจากต้นปี 2020 ที่อิสราเอลได้จัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการของรัฐบาลเพื่อส่งเสริมเครือข่ายการทำงานของโดรนระดับชาติ ภายใต้ชื่อ “เอ็นเอเอเอ็มเอ อินนิชิเอทีฟ” (NAAMA Initiative) โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การนวัตกรรม สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอล องค์การการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคม บริษัทภาคเอกชน หลังจากที่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีบริษัทในอิสราเอลหลายแห่ง และมือสมัครเล่น เริ่มใช้งานโดรนกันมากขึ้น ทั้งเพื่อการถ่ายภาพ การตรวจสอบพืชผล และการตรวจดูอสังหาริมทรัพย์ โดยนับจากนี้จะเห็นการใช้โดรนในภารกิจต่างๆ เช่น ส่งอาหาร ยารักษาโรค…

ไบเดนจำกัดการใช้โดรนโจมตีนอกพื้นที่สงคราม

Loading

  นับจากนี้เป็นต้นไป “จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง” หากเป้าหมายการใช้โดรนโจมตีของกองทัพ ไม่ใช่ซีเรีย อิรัก และอัฟกานิสถาน ต้องผ่านการพิจารณาและอนุมัติจากประธานาธิบดีสหรัฐก่อน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ว่า พล.ร.ต.จอห์น เคอร์บีย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีคำสั่งระงับการโจมตีทางทหารต่อเป้าหมายอย่างจำเพาะเจาะจง ที่เป็นการใช้อากาศยานไร้คนขับหรือโดรน “นอกพื้นที่สงคราม” หมายความว่า นับจากนี้เป็นต้นไป “จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง” ปฏิบัติดังกล่าวหากมีเป้าหมายอยู่นอกซีเรีย อิรัก และอัฟกานิสถาน ต้องผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจากผู้นำสหรัฐก่อน   Biden orders temporary limits on drone strikes outside of war zones https://t.co/RaNyAYHgVQ — The Washington Post (@washingtonpost) March 5, 2021   ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการกลับมาใช้คำสั่งเดิมในยุคประธานาธิบดีบารัค โอบามา แต่ผู้นำสหรัฐคนต่อมา…

กลุ่มกบฏฮูตียิงโดรน-ขีปนาวุธโจมตีแหล่งอุตสาหกรรมน้ำมันซาอุฯ แต่ถูกสกัดได้ทัน

Loading

  กลุ่มกบฏฮูตีของเยเมนได้ยิงโดรนและขีปนาวุธโจมตีแหล่งอุตสาหกรรมน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งรวมถึงโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทซาอุดี อารามโค อย่างไรก็ดี กองทัพซาอุดีอาระเบียสามารถยิงสกัดการโจมตีดังกล่าวได้ทัน ซึ่งทำให้แหล่งผลิตน้ำมันไม่ได้รับความเสียหาย กระทรวงพลังงานซาอุดีอาระเบียเปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น มีโดนรลำหนึ่งบินขึ้นจากทะเลและพุ่งเป้าโจมตีถังเก็บน้ำมันที่ท่าเรือรัสทานูราซึ่งหนึ่งในเมืองท่าน้ำมันใหญ่ที่สุดในโลก แต่กองทัพซาอุดีอาระเบียได้ยิงสกัดเอาไว้ได้ทันและทำลายโดรนลำดังกล่าวก่อนที่โดรนจะเคลื่อนตัวถึงเป้าหมาย จากนั้นไม่นาน พบขีปนาวุธที่พยายามเล็งมายังพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมน้ำมันของบริษัทอารามโคซึ่งตั้งอยู่ในเมืองดาห์ราน โดยพื้นที่ดังกล่าวมีพนักงานและครอบครัวของพนักงานพักอาศัยอยู่ แต่กองทัพซาอุดีอาระเบียได้ยิงสกัดไว้ทันเช่นกัน และพบชิ้นส่วนแหลมคมของขีปนาวุธตกใกล้กับพื้นที่ในนิคมของอารามโค     ด้านกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์ว่า การโจมตีทั้ง 2 เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงแต่จะพุ่งเป้าทำลายซาอุดีอาระเบียเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำลายเสถียรภาพและความมั่นคงของอุปทานพลังงานโลก รวมทั้งเศรษฐกิจโลกด้วย เหตุการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ถึงสงครามเยเมนที่ยืดเยื้อมานานหลายปี ระหว่างกลุ่มกบฎฮูตี และรัฐบาลเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย แม้สหรัฐพยายามเรียกร้องให้สองฝ่ายยุติการเป็นศัตรูกันก็ตาม   ————————————————————————————————————————————————— ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์     / วันที่เผยแพร่   8 มี.ค. 2564 Link : https://www.infoquest.co.th/2021/69781

เครื่องบินอีซีเจ็ต ผู้โดยสาร 186 ชีวิต หวิดชนโดรนที่อังกฤษ ห่างแค่ 3 ฟุต

Loading

เครื่องบินโดยสารสายการบินอีซีเจ็ต บรรทุกผู้โดยสาร 186 ชีวิต หวิดชนโดรนลำใหญ่ ที่อังกฤษ ห่างกันเพียงแค่ 3 ฟุต หลังเพิ่งทะยานขึ้นจากสนามบินในแมนเชสเตอร์ เมื่อ 17 พ.ย.63 เว็บไซต์ เดลี่เมล รายงาน เครื่องบินโดยสารของสายการบิน Easy Jet (อีซีเจ็ต) ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารนับ 186 คน หวุดหวิดจะชนกลางอากาศกับอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรนลำใหญ่ โดยมีระยะห่างกันเพียงแค่ 3 ฟุตเท่านั้น หลังจาก เครื่องบินโบอิ้ง แอร์บัส A320 ลำนี้ เพิ่งทะยานออกจากสนามบินในเมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงเอเธนส์ เมืองหลวงของกรีซ และกำลังบินที่ระดับความสูง 8,000 ฟุต ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ในคณะกรรมการว่าด้วยเหตุเข้าใกล้ทางอากาศซึ่งเป็นอันตรายของสหราชอาณาจักร (UK Airprox Board) เผยว่าจากการสอบสวน กัปตันและผู้ช่วยนักบินของสายการบินอีซีเจ็ต ได้เห็นโดรนลำใหญ่ซึ่งถูกส่งขึ้นบินโดยผิดกฎหมาย เพราะไม่ได้ขออนุญาต มุ่งหน้าตรงมาทางเครื่องบินโบอิ้ง แอร์บัส A 320 ที่กำลังบินด้วยความเร็ว 320 ไมล์ต่อชั่วโมง จนเกือบจะชนกัน เพราะมีระยะห่างแค่เพียง…

ผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นชี้ การใช้โดรนสังหารพล.อ.โซไลมานี “ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ”

Loading

REUTERS/Aziz Taher/File Photo สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวนด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยการสอบสวนเหตุการณ์ที่สหรัฐใช้โดรนโจมตีในอิรักและสังหารพล.อ.คาเซม โซไลมานี ผู้บัญชาการกองทัพพิทักษ์ปฏิวัติของอิหร่าน และพรรคพวกอีก 9 คน ว่า เป็นการกระทำที่ละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ นางอักเนส์ คาญามาร์ ผู้เสนอรายงานการประชุมพิเศษของยูเอ็น ว่าด้วยการสังหารอย่างไม่เคารพกฎหมาย การประหารชีวิตอย่างรวดรัด หรือประหารตามอำเภอใจ ระบุว่า สหรัฐอเมริกาไม่สามารถหาหลักฐานที่เพียงพอเกี่ยวกับการโจมตีอย่างต่อเนื่องหรืออย่างจวนเจียนต่อผลประโยชน์ของตัวเอง เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีขบวนรถของพล.อ.โซไลมานี ขณะออกจากสนามบินในกรุงแบกแดด และว่า การโจมตีดังกล่าวถือเป็นการละเมิดต่อกฎบัตรของยูเอ็น โดยคาญามาร์ ได้เขียนในรายงานเรียกร้องให้มีการออกมารับผิดชอบการต่อการสังหารโดยใช้โดรนเป็นอาวุธและเรียกร้องให้มีกฎบังคับเกี่ยวกับอาวุธที่เข้มงวดขึ้น คาญามาร์ ผู้สอบสวนอิสระ บอกกับรอยเตอร์ด้วยว่า ตอนนี้โลกอยู่ในช่วงวิกฤต และอาจจะเป็นช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อ เมื่อมีการใช้โดรน คณะมนตรีความมั่นคงพลาดอะไรไปบางอย่าง ขณะที่ประชาคมระหว่างประเทศ ต่างพากันเงียบในเรื่องนี้ ซึ่งคาญามาร์ เตรียมนำเสนอรายงานดังกล่าวต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้มีการหารือกันในเรื่องดังกล่าว ————————————————————– ที่มา : มติชนออนไลน์ / 7 กรกฎาคม 2563 Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_2257157

กองทัพฝรั่งเศสใช้ “โดรน” จู่โจมเป็นครั้งแรกในปฎิบัติการที่มาลี สังหารผู้ก่อการร้ายเสียชีวิต 40 ราย

Loading

เอเอฟพี – กองทัพฝรั่งเศสแถลงยืนยันว่าเป็นครั้งแรกในปฎิบัติการที่ใช้ “โดรน” ระหว่างปฎิบัติการต่อต้านก่อการร้ายในมาลี มีผู้ก่อการร้ายเสียชีวิตไป 40 ราย เอเอฟพีรายงานเมื่อวานนี้(23 ธ.ค)ว่า ในวันเสาร์(21)ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุแอล มาครง แถลงว่ากองกำลังฝรั่งเศสสามารถจัดการนักรบญิฮัดได้ 33 คนที่ม็อปติ (Mopti) ภาคกลางของมาเลียในปฎิบัติการที่เกิดขึ้นคืนก่อนหน้า และในวันจันทร์(23)กองบัญชาการกองทัพฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ยืนยันว่าได้มีการใช้โดรนสังหารในปฎิบัติการที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในวันเสาร์(21) และสามารถสังหารนักรบญิฮัดได้เพิ่มอีก 7 คน ในขณะที่กองกำลังคอมมานโดฝรั่งเศสตรวจค้นพื้นที่โจมตีในป่าวากาดู(Ouagadou) ห่างเมืองม็อปติออกไปราว 90 ไมล์ “พวกเขาถูกโจมตีโดยกลุ่มก่อการร้ายที่อยู่บนรถมอเตอร์ไซค์” อ้างอิงจากแถลงการณ์ พบว่า โดรนรีปเปอร์สังหารและเครื่องบินลาดตระเวณมิราจ 2000 ของฝรั่งเศสได้ถูกส่งเข้ามาเพื่อปกป้องกองกำลังภาคพื้น “นี่เป็นครั้งแรกในการใช้โดรนติดอาวุธในปฎิบัติการ” แถลงการณ์จากกองทัพฝรั่งเศสยืนยัน การโจมตีเกิดขึ้น 2 วันหลังกองกำลังฝรั่งเศสประกาศสิ้นสุดการทดลองการใช้โดรนที่ถูกบังคับในระยะไกลสำหรับปฎิบัติการติดอาวุธ กองกำลังมีโดรน 3 ลำที่มีฐานใกล้กับกรุงนีอาเม (Niamey) ของไนเจอร์ สำหรับปฎิบัติการของฝรั่งเศสในช่วงสูดสัปดาห์เกิดขึ้นในพื้นที่ภายใต้การควบคุมของกลู่มมุสลิมติดอาวุธ คาติบา มาซินา( Katiba Macina)ที่ถูกก่อตั้งโดยนักการศาสนาอิสลามหัวรุนแรงในม็อปติ อามาดู โคอูฟา(Amadou Koufa) ตำรวจมาลี 2 นายได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระจากการถูกจับเป็นตัวประกัน และกองกำลังฝรั่งเศสามารถยึดยานพาหนะ มอเตอร์ไซค์และอาวุธ “ทำให้กองกำลังกลุ่มญิฮัดได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง” แถลงการณ์จากกองบัญชาการกองทัพฝรั่งเศสแถลงเมื่อวานนี้(23) ทั้งนี้ก่อนหน้าฝรั่งเศสเคยออกมาแถลงว่าประสบความสำเร็จในการสังหารนักรบญิฮัดได้…