สิงคโปร์เข้ม!! เพิ่มมาตรการระวังความเสี่ยง การจ่ายเงินด้วยดิจิทัลโทเคน หวังต่อต้านภัยก่อการร้าย

Loading

สิงคโปร์เพิ่มระดับความเสี่ยงสำหรับผู้ให้บริการโทเค็นการชำระเงินดิจิทัล โดยกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่และออกมาตรการเข้มงวดสำหรับโทเค็นดิจิทัลเพื่อรับมือกับความเสี่ยงทางการเงินจากการก่อการร้ายที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มมากขึ้น

ความสับสนระหว่าง “กระเป๋าเงินดิจิทัล” และ “เงินดิจิทัล”

Loading

  หลังจากการเลือกตั้งไปกว่า 100 วัน ในที่สุดเราก็ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมนโยบายเด่น “ดิจิทัลวอลเล็ต” หรือ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” ที่เคยประกาศไว้ช่วงหาเสียง …คนทั่วไปอาจยังสับสนกับคำว่า “กระเป๋าเงินดิจิทัล กับ เงินดิจิทัล”   หลังจากการเลือกตั้งไปกว่า 100 วัน ในที่สุดเราก็ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมกับนโยบายเด่น “ดิจิทัลวอลเล็ต” หรือ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” ที่เคยประกาศไว้ในช่วงหาเสียง   สื่อหลายแห่งหรือแม้แต่นักการเมืองต่างก็ใช้คำพูดที่แตกต่างกัน บ้างก็บอกว่าแจก “เงินดิจิทัล” บ้างก็เรียกว่า แจก “กระเป๋าเงินดิจิทัล” แต่เสมือนว่าทุกคนเข้าใจคล้าย ๆ กันว่าจะได้เงินจำนวน 10,000 บาท ที่อยู่ในรูปของดิจิทัล โดยทีมพรรคเพื่อไทยก็บอกว่า จะใช้เทคโนโลยี บล็อกเชน ที่มีความปลอดภัยสูงมาช่วยพัฒนาระบบดังกล่าว   คนทั่วไปก็อาจจะยังสับสนกับคำว่า “กระเป๋าเงินดิจิทัล กับ เงินดิจิทัล” ทั้ง ๆ ที่สองคำนี้แตกต่างกันมากพอควร ถ้าเราลองนึกถึงกระเป๋าเงินปกติที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำ ก็คงพอเข้าใจว่าเป็นอุปกรณ์ที่เราใช้ในการเก็บเงินสด บัตรเครดิต บัตรโดยสารรถ หรือบัตรประจำตัวต่าง ๆ…

สุดล้ำ! การชำระเงินแบบใหม่ในสหรัฐฯ แค่ “สแกนฝ่ามือ” ก็เรียบร้อย

Loading

  อีกขั้นของสังคมไร้เงินสด กับเทคโนโลยีของ “Amazon One” ชำระเงินง่าย ๆ ด้วยการ “สแกนฝ่ามือ” ไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าให้ยุ่งยากอีกต่อไป   การจ่ายเงินเป็นเรื่องที่เราสามารถทำได้ง่ายขึ้นเรื่อย ๆ จากเมื่อก่อนที่ต้องใช้เงินสด ปัจจุบันก็มีช่องทางที่เป็นดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้แอปพลิเคชันทางการเงินต่าง ๆ การใช้บัตรเติมเงิน แต่ขณะนี้ที่สหรัฐฯ มีเทคโนโลยีการจ่ายเงินที่ล้ำกว่านั้น นั่นก็คือ “การสแกนฝ่ามือ”   นี่คือเทคโนโลยีของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง แอมะซอน (Amazon) ซึ่งใช้ชื่อว่า Amazon One เป็นเครื่องสแกนหน้าตาเหมือนที่เห็นได้ทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้า แต่จากที่แตะบัตร ก็ใช้วิธีแตะมือเพื่อสแกนแทน   Amazon One ใช้ระบบไบโอเมตริกซ์ (Biometric) หรือการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลทางชีวภาพที่มีลักษณะเฉพาะตัวและไม่ซ้ำใคร โดยจะจดจำลายเส้นบนมือของแต่ละคนในการจำแนก่าใครเป็นใคร ทั้งยังอ่านโครงสร้างเส้นเลือดที่อยู่ใต้ฝ่ามือเพื่อความแม่นยำมากขึ้น เพราะมือของคนทุกคนนั้นมีความซับซ้อนมาก จึงไม่สามารถซ้ำกันได้อย่างแน่นอน   นอกจากนี้ข้อมูลยังถูกปกป้องไว้ด้วยระบบคราวด์ที่ชื่อ AWS Cloud ที่ได้รับการสนับสนุนโดยเครื่องมือรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์มากกว่า 300 รายการและคู่ค้าด้านความปลอดภัย 100,000 รายจากทั่วโลก   ในปัจจุบัน Amazon One…