ระเบิดเลบานอน: เจาะลึกระเบิดสังหารกรุงเบรุต

Loading

เหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในกรุงเบรุตของเลบานอนเมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา คร่าชีวิตคนไปแล้วอย่างน้อยกว่า 200 คน บาดเจ็บอีกหลายพันคน โศกนาฏกรรมครั้งนี้รุนแรงถึงขั้นที่ทำให้คนเลบานอนเปรียบว่าเป็นเหตุการณ์ 9/11 ของเลบานอน บีบีซีพาย้อนกลับไปยังจุดศูนย์กลางของระเบิด ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วกรุงเบรุต และสร้างความเสียหายมหาศาล เลบานอนเคยตกอยู่ในสงครามกลางเมืองยาวนาน 15 ปี เคยถูกรุกรานและถูกชาติอื่นเข้าครอบครอง แต่หายนะครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจและการระบาดของโรคโควิด-19 พลเมืองของชาติที่มีความยืดหยุ่นต่อเหตุการณ์รอบตัวอย่างเลบานอน จะทนแบกรับเหตุร้ายไปได้นานแค่ไหน บรรยาย: Caroline Hawley โปรดิวเซอร์: Kate Forbes โปรดิวเซอร์ภาพ: Megan Fisher กราฟิก: Terry Saunders ———————————————— ที่มา : BBC Thai / 13 สิงหาคม 2563 Link : https://www.bbc.com/thai/international-53758126

สหรัฐฯ เตรียมส่ง ‘เอฟบีไอ’ เข้าร่วมสืบสวนเหตุระเบิดใหญ่ที่เลบานอน

Loading

A rescue team surveys the site of this week’s massive explosion in the port of Beirut, Lebanon, Aug. 7, 2020. เจ้าหน้าที่ระดับสูงทางการทูตของสหรัฐฯ เดวิด เฮล (David Hale) กล่าวที่กรุงเบรุตในวันพฤหัสบดีว่า สำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ หรือ เอฟบีไอ จะส่งเจ้าหน้าที่ไปเข้าร่วมกับเลบานอนและคณะเจ้าหน้าที่จากหลายชาติ ในการสืบสวนหาสาเหตุของเหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 170 คน บาดเจ็บอีกหลายพันคน รองรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการการเมือง เดวิด เฮล เดินทางเยี่ยมเยือนพื้นที่ที่เกิดความเสียหายอย่างหนักจากแรงระเบิด และกล่าวว่า เอฟบีไอจะเข้าช่วยในการสืบสวนเหตุการณ์นี้ตามคำเชิญของรัฐบาลเลบานอน ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่สหรัฐฯ จะสามารถช่วยเหลือเลบานอนได้ U.S. Undersecretary of State for Political Affairs David Hale, center, gives…

เครื่องบิน ‘แอร์อินเดียเอ็กซ์เพรสส์’ ไถลออกนอกรันเวย์สนามบินเกรละ ผดส.ดับ 18 ศพ-เจ็บเป็นร้อย

Loading

รอยเตอร์ – เครื่องบินของสายการบินแอร์อินเดียเอ็กซ์เพรสส์ ลื่นไถลออกนอกรันเวย์ ขณะลงจอดท่ามกลางฝนตกหนักที่ท่าอากาศยานนานาชาติกาลิกัต ในเมืองโคชิโคด (Kozhikode) รัฐเกรละ เมื่อวานนี้ (7 ส.ค.) ทำให้ผู้โดยสารบนเครื่องเสียชีวิตอย่างน้อย 18 คน บาดเจ็บอีกกว่า 100 คน กระทรวงการบินพลเรือนอินเดีย ระบุว่า เครื่องบินโบอิ้ง 737 ลำนี้ นำผู้โดยสารและลูกเรือ 190 คน เดินทางกลับมาจากนครดูไบ โดยในจำนวนนี้มีเด็กทารกอยู่ด้วย 10 คน ภาพจากสถานีโทรทัศน์เผยเห็นหน่วยกู้ภัยกำลังห้อมล้อมซากเครื่องบินซึ่งหักเป็นอย่างน้อย 2 ท่อน หลังจากที่เครื่องบินร่วงตกไปในหุบเขาลึกประมาณ 35 ฟุต “เนื่องจากสภาพอากาศซึ่งมีฝนตกหนัก กัปตันไม่สามารถนำเครื่องลงจอดได้ในครั้งแรก และได้บินวนเพื่อพยายามลงจอดจากอีกทิศทางหนึ่ง” ฮาร์ดีป สิงห์ ปูรี รัฐมนตรีกระทรวงการบินพลเรือน ให้สัมภาษณ์กับ DD News พร้อมย้ำว่า ต้องรอผลการสอบสวนจึงจะทราบสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุครั้งนี้ ปูรี ระบุว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยเหลือผู้โดยสารออกมาได้เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเครื่องบินไม่ได้ระเบิดขณะที่ตกลงไปในหุบเขา “ข่าวดีก็คือ การที่เครื่องบินหักสองท่อนทำให้เราสามารถเข้าถึงผู้โดยสารได้ง่ายขึ้น” เขากล่าว พร้อมยืนยันว่า…

ระทึกทั้งลำ! เครื่องบินจอดฉุกเฉินเจอกระดาษเตือนมีระเบิดบนเครื่อง

Loading

กระดาษปริศนาโผล่เตือนมีระเบิดบนเครื่องบิน เจ้าหน้าที่ส่งเครื่องบินรบบินขึ้นประกบหวั่นเกิดเหตุร้าย นักบินต้องเปลี่ยนเส้นทางไปลงจอดที่อังกฤษทันที เกิดนาทีระทึกบนเครื่องบินโดยสารเที่ยวบินที่ FR1902 ของสายการบิน ‘ไรอัน แอร์’ ที่เดินทางระหว่างเมืองคราคูฟ ประเทศโปแลนด์ มุ่งหน้าไปยังกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ โดยหลังจากที่เครื่องขึ้นบินได้ไม่นาน ก็มีคนไปเจอกระดาษปริศนาในห้องน้ำของเครื่องบินที่ระบุว่า มีระเบิดอยู่บนเครื่อง ทำให้กัปตันที่ขณะนั้นขับเครื่องบินอยู่บนน่านฟ้าทะเลเหนือ รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือในทันที จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งเครื่องบินรบบินขึ้นประกบ และให้กัปตันรีบเปลี่ยนเส้นทางการบินโดยให้นำเครื่องลงจอดที่สนามบินสแตนสเต็ด ในกรุงลอนดอน ซึ่งสุดท้ายกัปตันสามารถนำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบเครื่องบินลำดังกล่าวอย่างละเอียด ด้านโฆษกของสายการบินระบุว่า เครื่องบินลำดังกล่าวสามารถลงจอดได้ตามปกติ และได้ถูกแยกให้ห่างจากเครื่องบินลำอื่นๆ ขณะที่ผู้โดยสารบนเครื่องได้อพยพออกจากเครื่องบินอย่างปลอดภัย โดยยังไม่มีรายงานเพิ่มเติมว่ากระดาษที่สร้างความวุ่นวายเข้าไปอยู่ในห้องน้ำได้อย่างไร และเจ้าของกระดาษใบดังกล่าวยังคงเป็นปริศนา —————————————————— ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / 14 กรกฎาคม 2563 Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/1888880

จด•หมายเหตุ: การล่าแม่มดในสถานการณ์โควิด 19

Loading

บทความโดย นคร เสรีรักษ์ ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Privacy Thailand 1. โลกวันนี้ทำให้แทบทุกแพลตฟอร์มของการดำรงชีวิตเข้ามาขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์ ด้วยความรวดเร็วของเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะในสังคมการเมืองที่โซเซียลมีเดียเข้ามามีบทบาทในการมีส่วนร่วมทางการเมืองของพลเมืองอย่างกว้างขวาง 2. การปะทะกันระหว่างความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันก็มาปรากฏบนโลกออนไลน์หลากหลายรูปแบบ ทั้งการแลกเปลี่ยนหรือโต้แย้งกันอย่างสุภาพสันติและการโจมตีกล่าวหากันด้วยวาจาหรือถ้อยคำที่หยาบคาย การด่าทอ ดูถูกเหยียดหยาม เสียดสี นำมาซึ่งการสร้างความเกลียดชัง เยาะเย้ย ถากถาง ขณะเดียวกันกิจกรรมการล่าแม่มดก็ออกมามีบทบาทในสื่อสังคมออนไลน์ด้วยเช่นกัน 3. ในสถานการณ์โรคระบาดจากไวรัสโควิด 19 ที่กำลังเป็นวิกฤตของประเทศในปัจจุบัน ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับไวรัสตัวนี้กำลังเคลื่อนไหวถ่ายทอดกันในสังคมมากมาย ทั้งข้อมูลสถิติการป่วยไข้และการรักษา คำแนะนำในการดูแลสุขภาพและการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ในข้อมูลจำนวนมหาศาลมีทั้งข้อมูลจริง ข้อมูลเท็จ ข้อมูลแท้ ข้อมูลปลอม ที่น่าเป็นห่วงคือการใช้วิธีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเครื่องมือในการล่าแม่มด 4. จากการที่มีผู้นำข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับถิ่นที่อยู่อาศัยของแรงงานนอกระบบที่เดินทางกลับจากเกาหลีมาเผยแพร่ในลักษณะชักชวนคนในชุมชนให้รังเกียจ กีดกัน และขับไล่บรรดาแรงงานจากเกาหลี มาจนถึงล่าสุดคือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศและไม่เข้าสู่กระบวนการกักตัวตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีการเปิดเผยชื่อ ที่อยู่ หมายเลขหนังสือเดินทาง ข้อมูลแพร่กระจายกว้างขวางอย่างน่าเป็นห่วงทั้งทางเฟสบุ๊ค ไลน์ และทวิตเตอร์ ทั้งสองเรื่องมีการประณาม ประจาน และแสดงความรู้สึกเกลียดชังในลักษณะการ “ล่าแม่มด” อย่างชัดเจน 5. มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าการนำข้อมูลส่วนบุคคลของแรงงานที่กลับจากเกาหลีหรือผู้โดยสารสายการบินมาเปิดเผยในการล่าแม่มดน่าจะเป็นการผิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอันที่จริงแล้ว พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2562 เป็นกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายนี้พูดถึงหน้าที่และกระบวนการในการเก็บรวบรวม…

อิสราเอลเตรียมใช้เทคโนโลยีติดตามเพื่อป้องกันการก่อการร้ายในการสู้กับการแพร่กระจายไวรัสโคโรนา

Loading

ความพยายามของอิสราเอลในการควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนานั้นอาจจะกลายเป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัวถัดไป โดยนายกรัฐมนตรีคุณ Benjamin Netanyahu ได้กำหนดแผนที่จะใช้เทคโนโลยีติดตามเพื่อป้องกันการก่อการร้ายในการระบุตัวคนที่มีการปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่มีไวรัส COVID-19 ซึ่งแม้ว่าเขาไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะเป็นเทคโนโลยีนี้เพียงแค่บอกว่าเป็น “วิธีทางดิจิทัล” ที่คล้ายกับไต้หวัน แต่คุณ Shin Bet หน่วยดูแลรักษาความปลอดภัยในประเทศได้ยืนยันกับ Reuters ว่ากำลังดูวิธีการดังกล่าวอยู่ การประกาศนั้นได้ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกิดขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวคุณ Avner Pinchuk ได้เตือนว่าสิ่งนี้อาจจะรวมถึงการติดตามผ่านทางโทรศัพท์แบบ real-time ที่สามารถไปเตือนถึงเจ้าหน้าที่กักกันได้เลย หรือว่าติดตามข้อมูล metadata เพื่อค้นหาเส้นทางการท่องเที่ยวหรือรายชื่อผู้ติดต่อกับผู้ป่วย COVID-19 ได้ ซึ่งคุณ Shin Bet ได้ตอบโต้โดยกล่าวว่าคงจะไม่ได้มีการใช้เทคโนโลยี”ในบริบทที่จะทำให้เกิดการแตกแยก” หากแต่มันอาจไม่เกิดความมั่นใจถ้าหากว่าว่าปฏิเสธที่จะให้ติดตามอย่างต่อเนื่องตั้งแต่แรก มีอีกหลายประเทศที่เริ่มมีการปิดทำการในหลายๆ ส่วนของโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมถึงอิสราเอลด้วย โดยเพิ่งได้มีคำสั่งให้ปิดทำการโรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และโรงภาพยนตร์แล้ว ซึ่งการใช้เทคโนโลยีตรวจตรานั้นเป็นวิธีการที่ทันสมัย และสิ่งนี้อาจจะทำให้เกิดการใช้งานในที่อื่นๆ ได้เช่นกันถ้าหากว่ากฎหมายไม่ติดขัด ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริง เทคโนโลยีติดตามดังกล่าวอาจจะกลายเป็นเรื่องทั่วไปก็เป็นไป (อย่างน้อยก็ในช่วงที่การแพร่ระบาดยังคงเกิดขึ้นอยู่ทั่วโลก) ————————————- ที่มา : ADPT / 17 มีนาคม 2563 Link : https://www.adpt.news/2020/03/17/israel-will-use-anti-terrorist-tracking-tech-to-fight-coronavirus-outbreak/…