สองชาวอังกฤษถูกหามส่งโรงพยาบาล หลังสัมผัส “สารปริศนา” ใกล้เมืองที่สายลับรัสเซียถูกวางยาพิษ

Loading

เอเอฟพี – ตำรวจอังกฤษ ระบุในวันนี้ (4) มีคนสองคนกำลังอยู่ในอาการสาหัสในโรงพยาบาลเมืองซอลส์บรีหลังจากสัมผัสกับ “สารปริศนา” ไม่ไกลจากที่ๆ อดีตสายลับรัสเซีย เซียร์เกย์ สกริปัล และลูกสาวของเขาถูกวางยาพิษ “ผู้ป่วยสองคนกำลังรับการรักษาหลังจากสัมผัสกับสารปริศนาที่โรงพยาบาลเขตซอลส์บรี” ตำรวจวิลต์เชอร์ ระบุ “พวกเขาทั้งคู่อยู่ในอาการสาหัส” ตำรวจ กล่าว และเสริมว่า พวกเขาพิจารณาว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็น “เหตุการณ์ร้ายแรง” คนทั้งสองเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งอายุราว 40 กว่าๆ ถูกพบหมดสติเมื่อวันเสาร์ที่ 30 มิถุนายนที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านอเมสบรี ซึ่งอยู่ห่างจากซอลส์บรีประมาณสิบกว่ากิโลเมตร เซียร์เกย์และยูเลีย สกริปัล ถูกพบหมดสติบนม้านั่งในเมืองแห่งนี้ในฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษซึ่งอดีตสายลับสองหน้ารายนี้อาศัยอยู่ในเดือนมีนาคม เป็นชนวนวิกฤตทางการทูตอันขมขื่นระหว่างมอสโกและลอนดอนที่ระบุว่า สารทำลายประสาทสมัยโซเวียตชื่อว่า โนวิชอค ถูกใช้กับพวกเขาทั้งสอง ตำรวจวิลต์เชอร์ ระบุว่า เบื้องต้นพวกเขาสงสัยว่า ทั้งสองคนป่วยหลังจากใช้เฮโรอีนหรือโคเคนผงจากจากกลุ่มยาเสพติดปนเปื้อน” “อย่างไรก็ตาม กำลังมีการการทดสอบเพิ่มเติมอยู่ในตอนนี้เพื่อตรวจสอบว่าสารชนิดใดที่ทำให้ผู้ป่วยสองคนนี้ล้มป่วย และเรายังคงพิจารณาสภาพการณ์แวดล้อมเหตุการณ์นี้ด้วย” พวกเขา กล่าว เทปคำเตือนการรักษาความปลอดภัยถูกติดตั้งล้อมพื้นที่ที่พวกเขาไปมาก่อนที่จะล้มป่วย ตำรวจระบุ และมีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยในทั้งอเมสบรีและซอลส์บรี โฆษกสาธารณสุขอังกฤษ (Public Health England : PHE) ระบุว่า “ไม่น่าจะมีความเสี่ยงด้านสุขภาพต่อสาธารณะชนวงกว้าง”…

อีกแล้ว! จีนแฮก บ.คู่สัญญากองทัพเรือสหรัฐฯ ล้วงตับโครงการ “ขีปนาวุธต่อต้านเรือ” รุ่นใหม่

Loading

เอเอฟพี – บริษัทคู่สัญญากลาโหมของกองทัพเรือสหรัฐฯ ถูกแฮกเกอร์จีนล้วงข้อมูลละเอียดอ่อนเกี่ยวกับกลยุทธ์สงครามใต้ทะเล รวมไปถึงโครงการพัฒนาขีปนาวุธต่อต้านเรือรุ่นใหม่ที่สามารถยิงจากเรือดำน้ำ หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานเมื่อวานนี้ (8 มิ.ย.)  สื่อดังของสหรัฐฯ อ้างข้อมูลจากพนักงานสอบสวนซึ่งระบุว่า การโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.ปีนี้ โดยเป็นฝีมือแฮกเกอร์ในสังกัดหน่วยงานหนึ่งของกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐจีน (Ministry of State Security) ซึ่งปฏิบัติการจากมณฑลกว่างตง บริษัทคู่สัญญารายนี้ทำงานให้กับศูนย์สงครามใต้ทะเลทางนาวี (Naval Undersea Warfare Center) ในเมืองนิวพอร์ต รัฐโรดไอแลนด์ โดยมีหน้าที่ศึกษาวิจัยและพัฒนาเรือดำน้ำ รวมไปถึงระบบอาวุธใต้ทะเล แฮกเกอร์จีนประสบความสำเร็จในการล้วงไฟล์ขนาด 614 กิกะไบต์ ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับระบบเซ็นเซอร์, ระบบเข้ารหัสเรือดำน้ำ และโครงการ “ซี ดรากอน” ซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังไม่เผยรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวซึ่งริเริ่มขึ้นเมื่อปี 2012 โดยระบุแต่เพียงว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อนำเทคโนโลยีทางทหารที่มีอยู่เดิมมาปรับใช้ในรูปแบบใหม่ๆ  วอชิงตันโพสต์ได้รับการร้องขอจากกองทัพเรือสหรัฐฯ ไม่ให้เผยรายละเอียดเกี่ยวกับระบบขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่โดนจีนแฮก แต่บอกอย่างกว้างๆ ว่าเป็นขีปนาวุธต่อต้านเรือความเร็วเหนือเสียงที่สามารถยิงจากเรือดำน้ำได้ บิลล์ สปีกส์ โฆษกกองทัพเรือสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะยืนยันรายงานของวอชิงตันโพสต์ โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง จีนใช้แฮกเกอร์ล้วงข้อมูลทางทหารของสหรัฐฯ มานานหลายปีแล้ว และเพนตากอนก็เคยออกมายอมรับว่า ปักกิ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญในโครงการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ F-35 รุ่นใหม่, ระบบป้องกันขีปนาวุธแพทริออต PAC-3 รวมไปถึงโครงการลับสุดยอดอื่นๆ …

‘ออสซี่’ ทบทวนหน่วยงานข่าวกรองครั้งใหญ่ เพิ่มความแข็งแกร่งสู้อิทธิพลต่างชาติ

Loading

รัฐบาลออสเตรเลียประกาศ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา เริ่มกระบวนการทบทวนหน่วยงานด้านข่าวกรองของประเทศที่ครอบคลุมมากที่สุดในรอบหลายสิบปี ท่ามกลางความห่วงกังวลด้านการก่อการร้าย รวมถึงการแทรกแซงทางการเมืองจากต่างประเทศ รายงานระบุว่า อดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองความมั่นคงแห่งชาติ (เอเอสไอโอ) ของออสเตรเลียจะเป็นประธานในการตรวจสอบที่จะเน้นไปที่การทบทวนการแบ่งปันข้อมูล ทรัพยากร รวมถึงกฎหมาย ที่หน่วยงานข่าวกรองส่วนกลางและท้องถิ่นนั้นใช้ร่วมกัน คริสเตียน พอร์เตอร์ อัยการสูงสุดออสเตรเลียระบุว่า การทบทวนครั้งนี้นับเป็นการทบทวนกฎหมายด้านข่าวกรองครั้งใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 70 โดยการทบทวนดังกล่าวนั้นมีขึ้นเนื่องจากสภาพแวดล้อมด้านข่าวกรองในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป และการทบทวนมีความจำเป็นเพื่อทำให้แน่ใจว่าหน่วยงานข่าวกรองมีเครื่องมือและกรอบการทำงานที่จะทำงานให้เป็นไปตามเป้าประสงค์หลักนั่นคือการทำให้ชาวออสเตรเลียปลอดภัย ทั้งนี้การทบทวนดังกล่าวนับเป็นหนึ่งในกระบวนการปฏิรูปกฎหมายจารกรรมและการแทรกแซงจากต่างชาติ ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีก่อนโดยเน้นไปที่ความห่วงกังวลในการแทรกแซงทางการเมืองจากจีน หลังมีรายงานข่าวว่ามหาเศรษฐีชาวจีน ใช้การบริจาคเงินเพื่อเข้าถึงพรรคการเมืองออสเตรเลีย ———————————————————————- ที่มา : MATICHON Online / 30 พฤษภาคม 2561 Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_976991

หวั่นสหรัฐเอาไม่อยู่ ถ้าเกิดสงครามนาทีนี้จะถูกรัสเซีย-จีน สอยเครื่องบินรบได้ง่ายดาย

Loading

เมื่อวันที่ 22 พ.ค. เว็บไซต์นิวสวีก รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาประเมินว่าจากเทคโนโลยีการทหารของรัสเซีย และจีนที่พัฒนามากขึ้นในปัจจุบัน อาจจะทำให้เครื่องบินรบของสหรัฐต้องเจอปัญหาความยุ่งยาก และอาจถูกยิงตกได้ภายในวันแรก หากเกิดสงครามขึ้น ฮีตเธอร์ วิลสัน รัฐมนตรีหญิงแห่งกระทรวงทหารอากาศสหรัฐ รายงานต่อคณะอนุกรรมาธิการวุฒิสภาในเรื่องกลาโหมถึงแผนการยกระดับอัพเกรดเครื่องบินรบของรัสเซีย และจีนที่มีเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นว่าอาจจะสร้างความเสียหายให้กับกองทัพสหรัฐได้ง่ายขึ้น หากสหรัฐไม่เร่งพัฒนาให้ล้ำหน้ากว่า นอกจากนี้นางวิลสันยังพูดถึงเรื่องระบบ JSTARS (ย่อมาจาก Joint Surveillance Target Attack Radar System) ที่ออกแบบมาเพื่อให้ควบคุมและกำหนดทิศทางการบินให้กับหน่วยบินสอดแนมเพื่อหาข้อมูลให้กับทหารภาคพื้น โดยทางกองทัพอาหารเล็งที่จะเปลี่ยนเอาเทคโนโลยี JSTARS ที่ใช้มานานในเครื่องบินสอดแนม 17 ลำออก และจะเอาระบบจัดการการต่อสู้ขั้นสูงเข้ามาแทนที่ ระบบนี้จะผสานทั้งระบบควบคุมโดยมนุษย์ และไร้มนุษย์ อีกทั้งยังทำระดับขึ้นสู่อวกาศเพื่อสอดแนมได้ แต่อนุกรรมาธิการเสนอว่าหากปลดระบบ JSTARS ออก งบประมาณจะถูกลดลงถึงร้อยละ 50 นางวิลสันชี้แจงว่าแม้ว่าทางกองทัพจะอัพเกรดระบบ JSTARS ก็ยังไม่เพียงพอต่อการรับมือรัสเซีย และจีนในแง่การป้องกันประเทศ พร้อมระบุว่าสองประเทศนี้มีระบบขีปนาวุธป้องกันทางอากาศที่มีระยะไกลกว่าระยะของระบบ JSTARS และเครื่องบินของสหรัฐจะถูกยิงตกในวันแรกของสงครามอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ทางกองทัพสหรัฐรู้ดีถึงขีดความสามารถของรัสเซีย และจีน อย่างระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน เอส-400 ที่โจมตีศัตรูในระยะไกลกว่า 400 กิโลเมตร…