สหรัฐฯ ปัดฝุ่นระบบป้องกันการโจมตีแบบ “Star Wars” รับมือเกาหลีเหนือ !?

Loading

Space Defense Initiative หรือโครงการป้องกันตนเองในอวกาศแบบ “Star Wars” นี้ต้องใช้ดาวเทียมตรวจจับอย่างน้อย 1,600 ดวง โครงการ Star Wars หรือ Space Defense Initiative เป็นโครงการป้องกันตนเองของสหรัฐฯ ที่มีจุดเริ่มต้นในสมัยประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน โดยเป็นแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์กับองค์การนาซ่าในช่วงทศวรรษที่ 1980 หรือในยุคสงครามเย็น เพื่อป้องกันการโจมตีด้วยขีปนาวุธจากสหภาพโซเวียต ด้วยการส่งดาวเทียมเพื่อตรวจจับขีปนาวุธขึ้นสู่อวกาศ แต่โครงการนี้ต้องล้มเลิกไปเพราะตัวเลขค่าใช้จ่ายที่สูงมากรวมทั้งจากการที่มีผู้ตั้งคำถามเกี่ยวกับประสิทธิผลของโครงการนี้ และเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายลง ความจำเป็นของโครงการดังกล่าวเพื่อรับมือกับการโจมตีด้วยจรวดขีปนาวุธจากสหภาพโซเวียตก็ลดน้อยลงไป อย่างไรก็ตาม ภัยคุกคามครั้งใหม่เรื่องการโจมตีด้วยจรวดขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือในขณะนี้ ทำให้มีการหยิบยกแนวคิดดังกล่าวขึ้นมาพูดกันอีกครั้งหนึ่ง นาย Robert Scheder นักวิเคราะห์ระบบของ RAND Corporation ซึ่งเป็นองค์กรที่ออกแบบยกร่างแผนการ Star Wars นี้ตั้งแต่แรก บอกว่าโครงการนี้สามารถนำมาใช้ได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน และให้คำอธิบายเกี่ยวกับองค์ประกอบของแนวคิดการป้องกันตนเองในอวกาศหรือที่เรียกกันว่าโครงการ Star Wars นี้ว่า จะต้องมีการส่งระบบดาวเทียมเพื่อตรวจจับการยิงโจมตีด้วยขีปนาวุธขึ้นไปโคจรอยู่ในอวกาศให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วโลกอย่างน้อย 1,600 ดวง ซึ่งดาวเทียมเหล่านี้จะทำหน้าที่สอดส่องตรวจจับและทำลายขีปนาวุธที่มีทิศทางมุ่งเข้ามาโจมตีสหรัฐฯ แต่เงินลงทุนเพื่อส่งเครือข่ายดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศทั่วโลกนี้สูงถึงหนึ่งแสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเกินกว่างบประมาณของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ในขณะนั้น และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้โครงการนี้ไม่ได้ผ่านโต๊ะยกร่างออกไปถึงขั้นทำการทดลอง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนับสนุนเรื่องนี้ก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจและชี้ว่า ในช่วงนั้นสหภาพโซเวียตซึ่งเป็นประเทศมหาอํานาจสามารถยิงจรวดติดขีปนาวุธนิวเคลียร์ได้ครั้งละนับพันลูก…

คุมได้แล้ว ไฟไหม้สนามบินขอนแก่น เที่ยวบินขึ้น-ลงใช้สนามบินอุดรฯ แทน

Loading

ศูนย์ข่าวขอนแก่น – ผู้ว่าฯ ขอนแก่นเผยเจ้าหน้าที่คุมเหตุไฟไหม้สนามบินได้แล้ว เสียหายไม่มากเร่งเคลียร์พื้นที่ แต่เที่ยวบินขาเข้าและขาออกกว่า 10 เที่ยวบินในภาคเช้าและบ่ายยังต้องบินขึ้นลงที่สนามบินอุดรฯ แทน โดยแต่ละสายการบินจัดรถรับส่งฟรี ส่วนจะเริ่มเปิดให้บริการได้เมื่อไหร่ต้องรอประกาศจากสนามบินอีกครั้งรายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (26 ม.ค.) เวลาประมาณ 07.00 น. ร.ต.อ.ภาสกร คำภู รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านเป็ด ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้ท่าอากาศยานขอนแก่น จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยที่เกิดเหตุ นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นได้เดินทางไปดูสถานการณ์ด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันได้มีการระดมรถน้ำดับเพลิงจาก ทต.บ้านเป็ด และ ปภ.เขต 6 ขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่น เข้าช่วยสกัดและควบคุมเพลิงทั้งนี้ จุดต้นเพลิงเป็นบริเวณชั้น 3 อาคารผู้โดยสารขาออก มีกลุ่มควันจำนวนมากลอยอยู่เต็มอาคาร เปลวเพลิงลุกไหม้บริเวณฝ้าเพดานของอาคาร และลุกลามไปตามระบบท่อส่งอากาศของอาคาร เจ้าหน้าที่จึงใช้โฟมทำการฉีดสกัด ใช้เวลากว่า 1 ชม.จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ขณะที่ผู้โดยสารที่มารอขึ้นเครื่องและประชาชนที่มารอรับญาติจำนวนหลายร้อยคน เมื่อได้รับแจ้งว่ามีเพลิงไหม้ต่างพากันวิ่งหนีออกจากตัวอาคารทั้งฝั่งขาเข้าชั้น 2 และฝั่งขาออกชั้น 3 กันอย่างอลหม่าน ทางด้านนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยถึงเหตุไฟไหม้สนามบินครั้งนี้ว่า…

‘สหรัฐฯ’จับ‘จนท.อเมริกัน’ 3 รายใน 1 ปี สงสัยส่งความลับให้‘หน่วยข่าวกรองจีน’

Loading

เอเอฟพี – รายงานข่าวเรื่องเจ้าหน้าที่สหรัฐฯถูกจับกุมเป็นรายที่ 3 ภายในระยะเวลา 1 ปี เนื่องจากต้องสงสัยว่าช่วยเหลือสปายสายลับของจีน เป็นการเปลือยให้เห็นสงครามอันดุเดือดเข้มข้นระหว่างหน่วยงานข่าวกรองของมหาอำนาจใหญ่ 2 รายนี้  กรณีหน่วยงานรับผิดชอบของทางการอเมริกัน เข้ารวบตัว เจอร์รี ชุน ซิง ลี อดีตเจ้าหน้าที่ของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ถูกระบุว่ามีความเกี่ยวข้องโยงใยกับการที่เมื่อ 5 ปีก่อนปักกิ่งกำจัดกวาดล้างเครือข่ายสายลับและสายข่าวภายในจีนของซีไอเออย่างสุดเหี้ยม ก่อนหน้านั้นในเดือนมิถุนายน 2017 ก็มีการจับกุมอดีตเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯผู้หนึ่ง ชื่อ เควิน มัลลอรี ซึ่งเคยเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอเหมือนกัน เขาถูกตั้งข้อหาว่าส่งมอบความลับต่างๆ ของสหรัฐฯให้พวกสายลับจีนเพื่อแลกกับเงินทองจำนวน 25,000 ดอลลาร์ ย้อนหลังขึ้นไปอีก 3 เดือน แคนแดช ไคลเบิร์น นักการทูตสหรัฐฯซึ่งมีฐานอยู่ในจีน ถูกตั้งข้อหาเนื่องจากรับเงินสดและของขวัญคิดเป็นมูลค่าหลายหมื่นดอลลาร์จากหน่วยงานข่าวกรองจีน ตามรายงานข่าวของนิวยอร์กไทมส์ หน่วยงานต่อต้านการจารกรรมของสหรัฐฯต้องทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำอย่างน้อยที่สุดก็ตั้งแต่ปี 2012 เพื่อสืบเสาะหาตัวคนที่อาจฝักใฝ่ปักกิ่ง ซึ่งแฝงฝังตัวอยู่ภายในหน่วยงานสืบราชการลับของอเมริกา นิวยอร์กไทมส์รายงานเอาไว้เมื่อปีที่แล้วว่า เริ่มตั้งแต่ปี 2010 จนกระทั่งถึงสิ้นปี 2012 ฝ่ายจีนสามารถเปิดโปงและสังหารแหล่งข่าวของซีไอเอซึ่งอยู่ภายในประเทศจีนไปเป็นจำนวน “อย่างน้อยที่สุดสิบกว่าคน”…

สถาบันการเงินปรับตัวรับดิจิทัล ตั้งองค์กรกลาง-การพิสูจน์ตัวตน

Loading

สถาบันการเงินปรับตัวรองรับโลกดิจิทัล ลงทุนตั้งองค์กรกลาง-การพิสูจน์ตัวตน โดยไม่ต้องเห็นหน้ากันในอนาคต แม้ว่าในวันนี้ เวลานี้ จะมีกรณีที่มี มิจฉาชีพได้เข้าไปปลอมแปลงตัวเองผ่านการขโมยบัตรประชาชน + สวมหน้ากากอนามัย + ท้าทายกระบวนการเปิดบัญชี เพื่อการนำเงินเข้าและโอนเงินออกจากการกระทำความผิดนั้น ผมเองก็เฝ้าติดตามว่าเรื่องนี้มันจะไปจบตรงไหน ใครจะเป็นแพะ ใครจะเป็นแกะใครจะเป็นผู้ร้าย ใครจะเป็นพระเอก ที่สุดความจริงจะปรากฏ มันยังไม่ถึงเวลาที่จะไปตำหนิว่าใครหย่อนยาน ใครไม่ทำอะไรอย่างที่ควรจะทำ การออกตัวแรงๆ ของพี่ๆ ตามข่าวสารแบบฟันธง ผมในฐานะคนหัวโบราณอยากจะบอกว่า ระวังธงหัก ยังไม่ชัดอย่ารีบ สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหารนะครับ … จากการให้ข้อมูลของผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนกรณีที่บุคคลถูกนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีว่า ภาคเอกชนและภาครัฐที่มีการนำบัตรประชาชนไปใช้ลงทะเบียนลูกค้าหรือผู้มาขอรับบริการนั้น มีสิ่งที่ต้องทำ 3 เรื่องอย่างเข้มข้น คือ 1.ต้องดูหน้าตาว่าผู้มาขอใช้บริการ หน้าตาเหมือนในบัตรหรือไม่ (Face to face) 2.ต้องตรวจสอบว่าบัตรประชาชนใบที่ใช้ทำธุรกรรมเป็นของจริงหรือปลอม (สามารถตรวจสอบได้โดยใช้เครื่องอ่านบัตรประชาชน) 3.ในกรณีมีการแจ้งบัตรหาย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองมีระบบให้คอมพิวเตอร์ของแต่ละหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบได้ว่า บัตรใบนี้มีสถานภาพเป็นปกติ ถูกแจ้งหายหรือถูกยกเลิก หากได้ทำครบทั้ง 3 ขั้นตอนจะสามารถยืนยันพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนในโลกการทำธุรกิจแบบมาเจอหน้ากัน พิสูจน์กัน แล้วก็ตกลงทำรายการของกันและกัน กลับมาเวลานี้ครับ ทางกระทรวงการคลังกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยกระทรวงดิจิทัลฯ ได้มี คำสั่งที่…

แฉกลเม็ดโจรไซเบอร์! ต้มเหยื่อไทยหลอกให้เซ็นรับพัสดุจนสูญเสียเงิน

Loading

โดย…วิรวินท์ ศรีโหมด  การหลอกลวงของมิจฉาชีพในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ ด้วยยุคเทคโนโลยีที่เข้าถึงทุกคนได้ง่าย จึงเป็นช่องทางที่ผู้ไม่หวังดีสามารถแฝงตัวเข้ามาได้ง่าย หนึ่งในนั้นคือ <strong>“หลอกลวงให้เซ็นรับพัสดุจนสูญเสียเงิน” ซึ่งกำลังเป็นภัยสังคมที่แพร่หลายขณะนี้ วันนี้โพสต์ทูเดย์ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานทางด้านนี้ จะมาเปิดโปงขบวนการรวมถึงแนะนำวิธีการระมัดระวังตัวไม่ให้เสียรู้ แฉกลลวงหลอกให้เซ็นรับ-สุดท้ายเสียเงิน ภัยรูปแบบดังกล่าวหากไม่ระวังตัวหรือรู้เท่าทันคุณอาจตกเป็น “เหยื่อ” สมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่งเล่าประสบการณ์ที่พบเจอกับพฤติกรรมของมิจฉาชีพว่า ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีกล่องพัสดุระบุชื่อของตัวเองส่งมาจากประเทศจีน โดยพนักงานจัดส่งได้มีการเรียกเก็บเงินเป็นจำนวน 1,680 บาท แต่ด้วยความโชคดีที่ไม่เคยซื้อของออนไลน์แบบเก็บเงินปลายทางมาก่อน จึงสงสัยและปฏิเสธการเซ็นรับพัสดุชิ้นนั้นพร้อมกับจ่ายเงินไป เมื่อสอบถามไปยังบริษัทส่งของก็ทราบว่ามีเรื่องร้องเรียนประเภทนี้ทุกวัน โดยมิจฉาชีพจะสุ่มส่งของหาเหยื่อ เมื่อเซ็นรับก็ต้องจ่ายเงินซึ่งจะตกหลุมพรางทันที ทั้งที่มูลค่าของในกล่องราคาไม่มาก ขณะที่สมาชิกเฟซบุ๊กอีกรายเล่าว่า สั่งโมเดลไอรอนแมนมาจากเพจเฟซบุ๊กหนึ่ง โฆษณาว่าเป็นของแท้ที่โรงงานผลิตเกินจำนวนจึงนำออกมาขายในราคา 2,000 บาท จากราคาปกติประมาณ 30,000 บาท เมื่อของส่งมาถึงก็ได้เปิดพัสดุดูก่อน (ได้รับการยินยอมจากผู้ส่ง) แต่เมื่อเปิดของออกมาดูก็พบว่าของไม่ตรงตามรายละเอียดที่ลงโฆษณาไว้จึงปฏิเสธการรับ พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ให้ข้อมูลว่า ขบวนการนี้ส่วนใหญ่อยู่ในไทย นอกนั้นมาจากประเทศเพื่อนบ้าน จีนและประเทศแถบแอฟริกา รูปแบบการหลอกจะส่งของมาที่บ้านหรือเปิดเฟซบุ๊กหรือเว็บไซต์พร้อมกับนำข้อมูลอันเป็นเท็จลงไว้ หากมีผู้สนใจติดต่อซื้อขายก็จะตกเป็นเหยื่อทันที ผกก. 3 ปอท. มองว่า การฉ้อโกงรูปแบบนี้ไม่ต่างจากอดีต เพียงแต่ปัจจุบันมีช่องทางการสื่อสารเพิ่มขึ้น และผู้ตกเป็นเหยื่อก็มักโพสต์เตือนภัยลงในโซเชียลมีเดีย…

จนท.กดปุ่มพลาดส่งข้อความเตือนภัยขีปนาวุธทั่วฮาวาย

Loading

ข้อความเตือนภัยที่แจ้งว่ากำลังมีขีปนาวุธมุ่งหน้ามายังรัฐฮาวายและให้ทุกคนหาที่หลบภัยโดยด่วน สร้างความตื่นตระหนกและปั่นป่วนวุ่นวายไปทั่วหมู่เกาะ ก่อนที่ทางการจะออกมาแจ้งว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ซึ่งบังเอิญไปกดปุ่มเตือนภัยทั้งที่ไม่มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้น ข้อความเตือนภัยดังกล่าวถูกส่งไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชน รวมทั้งสถานีโทรทัศน์และวิทยุต่าง ๆ ซึ่งพากันออกอากาศแจ้งเตือนภัยต่อกันไปในวงกว้าง เมื่อเวลา 8.07 น. ของวันเสาร์ที่ 13 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น (ราว 1.07 น. ของวันอาทิตย์ที่ 14 ม.ค. ตามเวลาในประเทศไทย) ข้อความดังกล่าวระบุว่า “ขีปนาวุธกำลังมุ่งหน้ามาสู่ฮาวาย หากท่านอยู่กลางแจ้งให้รีบหาที่หลบภัยในอาคาร อยู่ให้ห่างจากหน้าต่าง หากขับรถอยู่ให้รีบจอดข้างทาง หาที่หลบภัยที่ใกล้ที่สุดและนอนราบลงกับพื้น เราจะแจ้งให้ท่านทราบอีกครั้งเมื่อภัยสิ้นสุดลง นี่ไม่ใช่การซ้อม” อย่างไรก็ตาม ไม่มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น และในอีก 18 นาทีต่อมาทางการรัฐฮาวายได้ส่งข้อความแจ้งว่าเป็นการส่งข่าวสารที่ผิดพลาด โดยที่จริงแล้วสถานการณ์ยังเป็นปกติและมีความปลอดภัย บรรดาผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ต่างแสดงความไม่พอใจต่อความผิดพลาดของทางการในครั้งนี้ โดยนายแมตต์ โลเพรสติ สมาชิกของสภาผู้แทนราษฎรรัฐฮาวายระบุว่า ตนกำลังอยู่ที่บ้านเมื่อได้รับข้อความเตือนภัย ทำให้ตกใจรีบพาลูกและภรรยาเข้าไปหลบในอ่างอาบน้ำซึ่งเป็นบริเวณที่มิดชิดแน่นหนาที่สุดของบ้านพร้อมกับสวดมนต์ภาวนาไปด้วย เหตุนี้ทำให้เขาโกรธมากเมื่อได้ทราบในภายหลังว่าเป็นการแจ้งข่าวผิดพลาด การแจ้งเตือนภัยดังกล่าวยังทำให้การแข่งขันกอล์ฟรายการยูเอส พีจีเอ ฮาวาย โอเพ่น ที่ฮอนโนลูลูต้องหยุดชะงักลงกลางคันอีกด้วย นายเดวิด อีเก ผู้ว่าการรัฐฮาวายได้ออกมากล่าวขออภัยต่อประชาชน และแจ้งว่าการเตือนภัยที่ไม่เป็นความจริงในครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานบริหารจัดการเหตุฉุกเฉิน (EMA)…