กรมศุลกากรสหรัฐฯ เพิ่มขั้นตอนตรวจค้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของนักท่องเที่ยว

Loading

กรมศุลกากรสหรัฐฯ ได้อัปเดตประกาศคู่มือเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการตรวจค้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของนักท่องเที่ยว โดยประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ภายเขตปกครองของสหรัฐฯ ดังนั้นผู้จะเดินทางเข้าประเทศโปรดศึกษาคู่มือให้ดี โดยประกาศประกอบด้วยกฏระเบียบจำนวน 12 หน้า และ การประเมินความเป็นส่วนตัวอีก 22 หน้า ซึ่งทางกรมศุลกากรเองได้กำหนดไว้ชัดเจนถึงการตรวจค้นเบื้องต้นและการตรวจค้นขั้นสูงในครั้งแรก ข้อนึงในการตรวจค้นแบบใหม่คือกรมศุลกากรสามารถตรวจค้นนักท่องเที่ยวที่ต้องสงสัยหรือไม่ต้องสงสัยก็ได้ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สามารถสำรวจข้อมูลเบื้องต้นบนอุปกรณ์ที่เข้าถึงได้ในระบบปฏิบัติการหรือแอปพลิเคชันที่ลงเอาไว้ การตรวจค้นขั้นสูงทำได้แต่เจ้าหน้าที่ต้องมีเหตุผล การตรวจค้นขั้นสูงจะเกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่มีการนำอุปกรณ์ของผู้ใช้เข้าไปตรวจค้นด้วยระบบค้นหาแบบพิเศษภายนอก ซึ่งระบบสามารถ ‘พิจารณา ทำสำเนาหรือวิเคราะห์’ ข้อมูลได้โดยต้องไม่สร้างความเสียหายกับข้อมูลนั้น อย่างไรก็ตามขั้นตอนตรวจค้นขั้นสูงจะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุผลอันน่าเชื่อว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในการก่ออาชญากรรมหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ โดยผู้ดูแลจะต้องแสดงหรืออย่างน้อยต้องแจ้งวันที่จะทำการค้นหาขั้นสูงเสร็จ การตรวจสอบแบบใหม่นี้ผู้ถูกสำรวจอาจจะได้รับอนุญาตให้อยู่ด้วยได้ระหว่างการค้นหาแต่ไม่ควรที่จะได้รับอนุญาตให้ดูขั้นตอนจริงด้วยตนเองในการตรวจค้นเพราะอาจเห็นเทคนิคกระบวนการตรวจสอบ ผู้ถูกสำรวจรายใดทำร้ายเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรหรือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติจะต้องถูกกำจัด เจ้าหน้ากรมศุลกากรไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลที่เก็บไว้บน Cloud ได้ “เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับหรือเข้าถึงข้อมูลจากภายนอกและไม่ได้แสดงอยู่บนอุปกรณ์ เจ้าหน้าที่อาจจะขอให้นักท่องเที่ยวปิดการเชื่อมต่อเครือข่ายใดๆ (เช่น เปิดโหมดเครื่องบิน) หรือ ด้วยการบังคับใช้กฏหมาย หมายค้นจากความมั่นคงปลอดภัยระดับชาติ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย หรือกระบวนการพิจารณาอื่นๆ ตัวเจ้าหน้าที่เองสามารถปิดการเชื่อมต่อได้ –คู่มือระบุเอาไว้ โดยกรมศุลกากรอ้างว่าการตรวจค้นนี้เพื่อสู้กับกิจกรรมของผู้ก่อการร้าย รูปภาพเปลือยของเด็ก การปลอมแปลงวีซ่า การละเมินทรัพย์สินทางปัญญา และ การละเมิดการส่งออก อย่างไรก็ตามมีความเห็นจากสาธารณะออกมาถึงเรื่องความเป็นส่วนตัวว่าเจ้าหน้าที่ยังคงสามารถดำเนินการตรวจสอบโดยไม่ต้องมีหมายค้นต่อไปในการตรวจค้นอุปกรณ์ผู้ใช้งานโดยอาจเกิดจากการตัดสินผิดพลาด นอกจากนี้กรมศุลกากรได้แสดงสถิติการค้นหาในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งทำการตรวจค้นไปแล้ว 19,051 อุปกรณ์ ในปี 2016 และ 30,200 อุปกรณ์ในปี 2017 จะเห็นได้ว่าเพิ่มขึ้นถึง 59% แต่เจ้าหน้าที่กล่าวว่ามันเป็นแค่ 0.007%…

ศาลพม่าฝากขังต่อ 2 นักข่าวรอยเตอร์ เจอข้อหาเผยความลับทางการ เจ้าตัวยันทำหน้าที่สื่อ

Loading

นายจ่อ โซ อู เข้ากอดน้องสาว ขณะลงจากรถเมื่อเดินทางมาถึงศาล ชานกรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม (รอยเตอร์) เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายวา โลน อายุ 31 ปี และนายจ่อ โซ อู อายุ 27 ปี สองผู้สื่อข่าวพม่าของสำนักข่าวรอยเตอร์ ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกนับจากถูกทางการพม่าจับกุมตัวภายใต้รัฐบัญญัติว่าด้วยความลับทางราชการเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน โดยทั้งสองถูกนำตัวขึ้นศาลพม่าในวันเดียวกันนี้ ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้ฝากขังต่อเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ในระหว่างรอการพิจารณาคดี รอยเตอร์รายงานว่า ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ทั้งสองคนที่ถูกควบคุมขึ้นรถตู้มายังที่ทำการศาล ที่ตั้งอยู่ชานเมืองนครย่างกุ้ง ได้รับอนุญาตให้ได้พบหน้ากับครอบครัวและทนายความเป็นครั้งแรกนับจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวไปตั้งแต่เมื่อค่ำวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ในข้อกล่าวหาครอบครองเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามทางทหารในรัฐยะไข่ของกองทัพพม่า ซึ่งขัดต่อรัฐบัญญัติว่าด้วยความลับทางราชการ สองผู้สื่อข่าวรอยเตอร์เปิดเผยว่า พวกเขาไม่ได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีในระหว่างที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวอยู่สำนักงานตำรวจแต่อย่างใด “สถานการณ์ตอนนี้โอเคอยู่ เราจะเผชิญหน้ากับมันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเราไม่ได้ทำผิด เราไม่เคยละเมิดกฎหมายหรือจรรยาบรรณสื่อ” นายวา โลน กล่าวภายหลังขึ้นศาล ที่มีครอบครัวและทนายความของผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ทั้งสองคนได้รับอนุญาตให้เข้าไปในศาลเท่านั้น โดยมีผู้สื่อข่าวและช่างภาพหลายสิบคนที่มารอทำข่าวอยู่หน้าศาล นายถั่น…

จับหนุ่มมาเลย์พกปืนขึ้นการบินไทยไปกัวลาลัมเปอร์ บินไทยแจงเครื่องไม่ได้ถูกจี้

Loading

เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางการปากีสถานสามารถจับกุมชายชาวมาเลเซีย ที่แยกชิ้นส่วนปืนบรรจุลงในกระเป๋าเดินทาง ก่อนจะขึ้นเครื่องของการบินไทยเที่ยวบินที่ TG342 มุ่งหน้าสู่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย แต่ถูกเจ้าหน้าที่สนามบินตรวจพบและรวบตัวได้คาสนามบินการาจี ด้าน รายงานข่าวจากฝ่ายภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กรบริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) ชี้แจงถึงกรณีสื้อต่างประเทศออกมาระบุว่า เครื่องบินของการบินไทยเที่ยวบิน TG342 ถูกจี้ ว่ากรณีดังกล่าวไม่ใช่กรณีของการจี้เครื่องบินของการบินไทย แต่เป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบมีคนพยายามนำอาวุธขึ้นไปบนเที่ยวบินโดยสารของการบินไทย แต่ทางการสามารถตรวจจับไว้ได้ก่อนที่จะมีการนำอาวุธขึ้นเครื่องบิน รายงานข่าวจากบริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่การจี้เครื่องบินTG 342 ที่จะออก เดินทางจากการาจี-กรุงเทพ เมื่อคืนวาน เนื่องจากบุคคลดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่ตรวจพบอาวุธและจับกุมตั้งแต่ บริเวณประตูทางเข้าสนามบิน โดยที่ยังไม่ได้ผ่านขั้นตอนการเช็กอินเพื่อขึ้นเครื่องบิน ดังนั้นจึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นผู้โดยสารของเที่ยวบินทีจี TG 342 ส่วนกรณีที่สื่อต่างประเทศมีการระบุว่าผู้ถูกจับกุม กำลังจะโดยสารไปกับเที่ยวบิน TG 342 ของการบินไทยนั้นอาจจะเป็นไปได้ว่า สื่อต่างชาติใช้วิธีการคาดเนื่องจากในช่วงเวลาที่บุคคลคนดังกล่าวถูกจับกุมนั้นเป็นช่วงเวลาที่มี เที่ยวบินที่กำลังจะออกเดินทางจากกรุงการาจีจำนวน4เที่ยวบิน ซึ่งประกอบด้วยเที่ยวสายการบินไทยเที่ยวบินทีจี 342 เที่ยวบินของสายการบินเอ็มเจ็ต และเที่ยวบินของสายการบินปากีสถานแอร์ไลน์ เป้นต้น อย่างไรก็ตาม เที่ยวบินทีจี 342 เส้นทางการาจี-กรุงเทพ สามารถออกเดินทางได้ตามปกติ ไม่ได้มีปัญหาขัดข้องใดๆและเดินทางได้มาถึงประเทศไทยโดยปลอดภัยแล้ว ————————————————————————— ที่มา…

ธปท.เตือนลงทุนเงินดิจิทัลเสี่ยง กฎหมายไม่รับรองชี้เป็นช่องแชร์ลูกโซ่-ฟอกเงิน

Loading

ผู้ว่าแบงก์ชาติเตือนลงทุนคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrecy) หวั่นเป็นช่อง ทางของ “แชร์ลูกโซ่ และฟอกเงิน” ชี้ยัง ไม่มีรัฐบาลใดรับรองชำระหนี้ได้ตาม กฎหมาย ราคาผันผวนสูง และมีความเสี่ยงซื้อสินค้าและบริการไม่ได้ ขณะที่ ยูบิทเว็บเงินดิจิทัลเกาหลีใต้ประกาศปิดตัวส่งผลราคาเงินดิจิทัลที่ซื้อขายร่วงทันที 75% นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrecy) อาทิเช่น บิทคอยน์ วันคอยน์ แดส Ethereum ฯลฯ ว่า ในช่วงนี้มีคนไทยจำนวนมากเริ่มหันมาสนใจซื้อขายเงินดิจิทัลกันมากขึ้น ทำให้จำเป็นต้องทำความเข้าใจว่า คริปโตเคอเรนซีไม่ใช่สื่อกลางการชำระเงินตามกฎหมาย หากจะให้นิยามน่าจะเป็นเพียงสินทรัพย์หนึ่งเพื่อการลงทุน ในลักษณะคล้ายกับการลงทุนตราสารหนี้เท่านั้น โดยอาจจะเรียกได้ว่าเป็น “สินทรัพย์ดิจิทัล” และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีธนาคารกลางใดในโลกที่รับรองสกุลเงินคริปโตเคอเรนซี ในลักษณะสกุลเงินที่ใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนตามกฎหมาย ดังนั้น หากสนใจที่จะลงทุนในสกุลเงินคริปโตเคอเรนซีเหล่านี้ จะต้องทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงที่จะมากับการลงทุนดังกล่าว อย่ามองแต่ในด้านผลตอบแทนเห็นว่าสูง เพราะสกุลเงินคริปโตเคอเรนซี มีความผันผวนในด้านราคาที่สูงมาก มีอัตราการขึ้นลงที่รวดเร็ว และหากพิจารณาจะเห็นว่าราคาของสกุลเงินคริปโตเคอเรนซีที่สูงมากในขณะนี้จะคล้ายคลึงกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงหนึ่งซึ่งปรับตัวขึ้นไปสูงมาก หรือราคาน้ำมันที่เคยขึ้นไปแตะอัตราสูงสุดที่ 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แต่ราคาที่ปรับขึ้นไปสูงๆ นั้นอยู่ได้ไม่นาน และปรับลดลงอย่างรวดเร็ว ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวต่อว่า สกุลเงินคริปโตเคอเรนซี…

ทรัมป์ประกาศ “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ” เพื่อรับมือภัยคุกคาม 3 ประการ

Loading

President Donald Trump delivers a speech on national security, Monday, Dec. 18, 2017, in Washington. (AP Photo/Evan Vucci) รัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยเอกสารยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในวันจันทร์ หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่งมาเกือบ 1 ปีเต็ม โดยยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญ โดยประธานาธิบดีทรัมป์มีกำหนดจะอธิบายเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ที่ว่านี้ในวันจันทร์ที่กรุงวอชิงตัน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวกล่าวว่า ยุทธศาสตร์นี้จะให้ภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับอันตรายและความท้าทายที่อเมริกาต้องเจอในปัจจุบัน โดยจะนำผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ตามนโยบาย “อเมริกามาก่อน” ของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ มาพิจารณาเพื่อให้สอดคล้องการการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์การเมืองโลก ทำเนียบขาวระบุว่า เอกสารฉบับนี้เป็นการสรุปใจความสำคัญต่างๆ ที่ ปธน.ทรัมป์ เคยกล่าวไว้ทั้งในช่วงการหาเสียงและช่วงที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว โดยได้แยกออกเป็นเป้าหมายหลัก 4 ประการ คือ การปกป้องแผ่นดินสหรัฐฯ การปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ การรักษาสันติภาพ และการขยายอิทธิพลของสหรัฐฯ ไปยังส่วนต่างๆ ของโลก สำหรับความท้าทายที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญนั้น เอกสารฉบับนี้ได้แยกออกเป็น…

ผบ.ตร. เตือนปชช.ห้ามยิงปืน จุดประทัด ดอกไม้ไฟ ปล่อยโคมลอย ช่วงปีใหม่

Loading

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลวันคริสต์มาส และวันขึ้นปีใหม่ 2561 ซึ่งเป็นวันหยุดยาวต่อเนื่อง 4 วัน ตนห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงสั่งการและกำชับไปยังทุกหน่วยในสังกัดให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถานประกอบการ และห้างสรรพสินค้า สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ในการเตรียมความพร้อมในการรองรับประชาชนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล รวมทั้งได้ขอความร่วมมือไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่มีการจัดงานรื่นเริงเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ร่วมกันประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนห้ามยิงปืน หรือจุดประทัด ดอกไม้เพลิง และปล่อยโคมลอย โดยให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางในขณะขับขี่หรือขณะโดยสารอยู่ในรถหรือบนรถอย่างเข้มงวด “สำหรับการอำนวยความสะดวกด้านจราจร สั่งการให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจเส้นทางต่าง ๆ และจัดเตรียมเส้นทางสำรองเพื่อรองรับการจราจรที่หนาแน่น โดยให้มีการประชาสัมพันธ์เส้นทางอย่างต่อเนื่อง และให้มีการจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัดในพื้นที่จุดเสี่ยง จุดอันตราย หรือจุดที่มีอุบัติเหตุขึ้นอยู่บ่อยครั้งและจัดตั้งหน่วยบริการประชาชน เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ จัดเตรียมรถยก รถลาก รถกู้ภัย ให้สามารถใช้งานได้ทันทีที่มีเหตุ เพื่อให้การช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีและสามารถเปิดเส้นทางการจราจรเพื่ออำนวยความสะดวกได้อย่างรวดเร็ว” ผบ.ตร.กล่าว —————————————————————————– ที่มา : มติชนออนไลน์…