การก่อวินาศกรรมด้วยสารเคมีพิษ
1. การใช้สารเคมีในลักษณะเจือปนหรือปนเปื้อนในน้ำดื่ม อาหาร หรือจากการสัมผัสแตะต้อง เพื่อให้พิษของสารเคมีสะสมในร่างกาย เช่น ที่กระดูก ถุงน้ำดี ไต ตับ วิธีนี้จะใช้ระยะเวลายาวนาน แต่จะให้ผลลัพธ์แน่นอนโดยจะทำแก้ไขหรือรักษาได้ยาก 2. การใช้สารเคมีในรูปของก๊าซพิษฟุ้งกระจายในอากาศ เป็นวิธีที่ให้ผลและเหมาะกับการนำมาใช้ทำลายล้างมากที่สุด แต่ต้องกระทำในพื้นที่อับอากาศ เช่น มีอากาศหนาวเย็น หรือสถานที่ใช้เครื่องปรับอากาศหรือใช้ระบบระบายอากาศ เช่น บริเวณอาคารผู้โดยสารในท่าอากาศยาน โรงภาพยนตร์ อาคารสมัยใหม่ที่นิยมกระจกติดทึบ สถานที่เช่นนี้จะควบคุมการหมุนเวียนของอากาศ โดยระบบระบายอากาศที่ออกแบบสร้างไว้ ไม่ใช่การหมุนเวียนแบบธรรมชาติที่สามารถถ่ายเทออกสู่ภายนอกได้รวดเร็ว ดังนั้น หากมีการปล่อยก๊าซพิษในสถานที่ดังกล่าว ระบบระบายอากาศจะช่วยให้ก๊าซฟุ้งกระจายตัวอย่างช้าๆ ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในบริเวณนั้น ต้องสูดหายใจรับก๊าซพิษเข้าไปเต็มที่ ก่อนที่จะทันรู้สึกตัว หรือได้รับความช่วยเหลือ หรือหลบออกจากพื้นที่เกิดเหตุได้ทัน อย่างไรก็ดี ในพื้นที่โล่งแจ้งหรืออากาศร้อน การใช้สารเคมีในรูปของการฟุ้งกระจายจะไม่ได้ผลเต็มที่ เพราะก๊าซพิษจะฟุ้งกระจายจนเจือจางไปก่อนที่จะก่อให้เกิดอันตรายแก่สิ่งมีชีวิตได้ ตัวอย่างเช่น ทางการสหภาพโซเวียตปล่อยก๊าซพิษทำร้ายกลุ่มกบฏเชเชนที่เข้ายึดและจับตัวประกันที่โรงละครในกรุงมอสโก เมื่อเดือนตุลาคม 2545 เป็นผลให้ทั้งกลุ่มกบฏและตัวประกันเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ลักษณะของสารเคมีพิษ แบ่งได้เป็น 1. Nerve Agent เป็นสารทำลายระบบประสาท หากได้รับสารนี้โดยตรงหรือเป็นจำนวนมาก จะเป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น ก๊าซ Soman(GD), ก๊าซ…