ขบวนรถยูเอ็นโดนโจมตี ‘ทูตอิตาลี’ ตายในคองโก

Loading

ขบวนรถยูเอ็นโดนโจมตี ‘ทูตอิตาลี’ ตายในคองโก     นายลูก้า อัตตานาซิโอ เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก เสียชีวิตหลังจากขบวนรถถูกโจมตี ในพื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของประเทศ กระทรวงต่างประเทศอิตาลีระบุว่าเอกอัครราชทูตวัย 43 ปีผู้นี้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากขบวนรถของสหประชาชาติที่เขาเดินทางไปด้วยถูกคนร้ายโจมตี รายงานข่าวระบุว่าขบวนรถดังกล่าวเป็นของโครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ โดยนอกเหนือจากเอกอัครราชทูตอิตาลีแล้วยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวอิตาลี รวมถึงคนขับรถชาวคองโกเสียชีวิตด้วย เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเชื่อว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามที่จะลักพาตัว โดยขบวนรถ 2 คันถูกโจมตีจากผู้ก่อเหตุ 6 คน ซึ่งได้นำตัวผู้ที่ถูกจับกุม 6 คนเข้าไปในอุทยานแห่งชาติวีรุงกา เจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติวีรุงกาซึ่งกำลังตรวจตราท้องที่ ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือและทำให้ผู้ที่ถูกจับกุม 4 คนได้รับอิสระ อย่างไรก็ดีมือปืนได้ยิงเอกอัครราชทูตพร้อมกับบอดี้การ์ดของเขา ขณะที่คนขับรถชาวคองโกถูกสังหารตั้งแต่ต้น และยังมีรายงานว่าผู้ร่วมเดินทางคนอื่น ๆ ได้รับบาดเจ็บ โครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติระบุว่า เอกอัครราชทูตอัตตานาซิโอ เดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวเพื่อเยี่ยมชมโครงการโรงเรียนภายในหมู่บ้าน ขณะที่การโจมตีเกิดขึ้นบนถนนที่มีการเคลียร์ทางว่าปลอดภัยสำหรับการเดินทางไว้ล่วงหน้า แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่วมทางไปด้วย   ——————————————————————————————————————————————————— ที่มา : มติชนออนไลน์    / วันที่เผยแพร่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_2592069

รวบหนุ่มห้าววัย27ปี ขู่’ฆ่าตัดคอ’ประธานาธิบดี’ไบเดน’

Loading

  หนุ่มอเมริกันชาวรัฐนอร์ธแคโรไลนา ถูกจับกุมและตั้งข้อหาส่งฟ้องศาลดำเนินคดี ฐานขู่จะฆ่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และบุคคลสำคัญอื่นๆ ในคณะรัฐบาล     สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นและรอยเตอร์ รายงานจากเมืองชาร์ลอตต์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ว่า นายเดวิด ไคยล์ รีฟส์ อายุ 27 ปี ชาวเมืองแกสโตเนีย รัฐนอร์ทแคโรไลนา ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ฐานเจตนาข่มขู่จะสังหาร และทำลายศพ ประธานาธิบดีสหรัฐ อัยการเผยว่า ระหว่างวันที่ 28 ม.ค. – 1 ก.พ. 2564 รีฟส์โทรศัพท์ถึงแผนกรับสายโทรศัพท์ประจำทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน หลายครั้ง พูดขู่จะสังหารประธานาธิบดีโจ ไบเดน และบุคคลสำคัญอื่นๆ ในรัฐบาล โดยในการโทรศัพท์ครั้งหนึ่ง รีฟส์กล่าวว่า เขาจะฆ่าทุกคนและตัดศีรษะให้ขาดหลุดออกจากบ่า     นอกจากนั้น รีฟส์ยังโทรศัพท์ถึงเจ้าหน้าที่ หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐ (Secret…

“เดอะ บีสต์” รถประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

Loading

  ชาวอเมริกันมีชื่อเล่นที่ใช้เรียก ‘รถประจำตำแหน่งประธานาธิบดี’ ของพวกเขาว่า ‘เดอะ บีสต์’ ‘คาดิแลค วัน’ ‘สเตจโค้ช’ หรือ ‘รถยนต์หมายเลขหนึ่ง’ ซึ่งปัจจุบันเป็นรถยนต์ยี่ห้อคาดิแลคที่ผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับการเป็นรถยนต์ประจำตำแหน่งประธานาธิบดีโดยเฉพาะ     ‘เดอะ บีสต์’ เข้ามาอยู่ในฐานะรถประจำตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2009 ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา เป็นรถซีดานที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษเพื่อมาเป็น ‘รถยนต์หมายเลขหนึ่ง’ เจนเนอรัล มอเตอร์ส บอกว่าได้นำเทคโนโลยีการผลิตรถกระบะมาใช้กับโครงสร้างรถยนต์รุ่นนี้ แน่นอนว่า ‘เดอะ บีสต์’ กันกระสุนและขีปนาวุธ รวมทั้งกันน้ำ ควัน ฝุ่น สารพิษ ตามมาตรฐานรถประธานาธิบดี เป็นรถที่ทั้งหนาและหนักถึง 9,100 กิโลกรัม ด้วยกระจกสองชั้น และตัวถังหนาพิเศษ ว่ากันว่าแค่ประตูก็หนักพอๆ กับประตูเครื่องโบอิ้ง 757 เลยทีเดียว     ภายในรถมีทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยของประธานาธิบดี นอกจากอุปกรณ์ฉุกเฉินด้านการแพทย์แล้ว ยังมีเลือดสำรองสำหรับผู้นำสหรัฐฯ โดยเฉพาะ รวมไปถึงช่องเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์หลากรูปแบบ ทั้งที่ทำจากอะลูมิเนียม เซรามิก และเหล็ก เพื่อการใช้งานได้ทุกสถานการณ์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ…

พบประตูลับในสภาแดนผู้ดี เปิดไปเจอทางเดินอายุกว่า 300 ปี ตะลึงหลอดไฟยังเปิดติด

Loading

ภาพทางเข้าที่ถูกค้นพบในสภาสามัญของสหราชอาณาจักร (ภาพจาก AFP) นักประวัติศาสตร์ค้นพบประตูลับที่นำไปสู่ทางเดินในอาคารสภาสามัญ เชื่อว่าเคยมีนายกรัฐมนตรีและกลุ่มทางการเมืองเป็นผู้ใช้งาน โดยทีมค้นพบขณะกำลังบูรณะตัวอาคาร คาดว่าเป็นทางเดินที่มีอายุราว 360 ปีเลยทีเดียว รายงานจากสำนักข่าวบีบีซีอ้างอิงข้อมูลในการแถลงจากเว็บไซต์สภาแห่งสหราชอาณาจักรเปิดเผยเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ทางเดินนี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าชาร์ลสที่ 2 ในค.ศ. 1660 เพื่อให้แขกเดินทางเข้างานเลี้ยงในเวสต์มินสเตอร์ ฮอลล์ ซึ่งตั้งอยู่ข้างโถงสภาสามัญที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เดิมทีแล้วทางเดินนี้ถูกใช้โดยสมาชิกสภาและนักการเมืองในฐานะทางเข้าหลักมาสู่สภาแต่ภายหลังถูกปิดและถูกผนังหนาปิดทับอีกชั้น ผู้ใช้งานซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเวลานั้น อาทิ Samuel Pepys สมาชิกสภาที่โด่งดังจากบันทึกที่เขาเก็บไว้ ทางเดินนี้เคยถูกค้นพบเมื่อปี 1950 ขณะบูรณะอาคารซึ่งได้รับความเสียหายจากระเบิด หลังจากนั้นทางเดินก็ถูกปิดอีกครั้งจนมาถึงปัจจุบัน มาร์ก คอลลินส์ นักประวัติศาสตร์ที่ศึกษาด้านทรัพย์สินของรัฐสภากล่าวว่า พวกเขาเคยคิดว่าทางเดินถูกผนังปิดทับไปแล้วหลังจากยุคสงคราม ขณะที่ลิซ ฮาลลัม สมิธ ที่ปรึกษาด้านสถาปัตยกรรมและมรดกรัฐสภา ชี้ว่า การค้นพบล่าสุดทำให้เห็นว่า รัฐสภายังมีปริศนารอคอยการค้นพบอีกมาก ภายในทางเดินยังพบกราฟฟิตีเป็นอักษรที่น่าจะเขียนขึ้นด้วยดินสอโดยบุคคลที่เป็นผู้ปิดทางเดินทั้งสองฝั่ง อักษรช่วงหนึ่งจารึกไว้ว่า “ห้องนี้ถูกปิดโดยทอม พอร์เตอร์ ผู้ซึ่งนิยมชมชอบในเอล(เครื่องดื่ม)เก่าๆ เป็นอย่างมาก”  ทีมยังพบสิ่งน่าประหลาดใจอีกอย่างคือ หลอดไฟที่น่าจะติดตั้งไว้ตั้งแต่ยุค 50s ยังใช้งานได้อยู่ หลอดไฟขนาดใหญ่มีจารึกสีทองข้อความว่า “ทรัพย์สินของรัฐบาล” (HM Government Property) ดร. คอลลินส์ ยังเผยว่า ทีมศึกษาสนใจค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาที่ไปของหลอดไฟอันแสนทนทานนี้ด้วย…

ช็อก ระเบิดโจมตีงานรำลึกสงครามโลก 1 ในซาอุฯ จนท.ต่างชาติเจ็บอื้อ

Loading

มือมืดวางระเบิดโจมตีพิธีรำลึกการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เมืองเจดดาห์ ในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีทูตต่างชาติเข้าร่วมจำนวนมาก ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า สถานทูตของประเทศฝรั่งเศส, กรีซ, อิตาลี, สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ในกรุงริยาด ของซาอุดีอาระเบีย ออกแถลงการณ์ร่วมในวันพุธที่ 11 พ.ย. 2563 เปิดเผยว่าเกิดการโจมตีด้วยระเบิดแสวงเครื่องที่พิธีรำลึกการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งไม่มีชาวมุสลิมเข้าร่วม ที่เมืองเจดดาห์ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และประณามว่าเป็นการโจมตีที่ “ขี้ขลาด” “เมื่อเช้า พิธีรำลึกการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ในเมืองเจดดาห์ ตกเป็นเป้าการโจมตีด้วยระเบิดแสวงเครื่อง” แถลงการณ์ร่วมระบุ “การโจมตีผู้บริสุทธิ์เช่นนี้ เป็นเรื่องน่าไม่อาจและไม่มีเหตุผลสมควรใดๆ รองรับทั้งสิ้น เราขอให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหายโดยไว และขอบคุณชาวซาอุฯ ผู้กล้าหาญที่เข้ามาช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ” ด้านนาง แคลรอง โรดริเกวซ นักข่าวฝรั่งเศสซึ่งประจำการอยู่ในซาอุดีอาระเบีย ทวีตภาพที่จุดเหตุหลังเกิดการระเบิด พร้อมข้อความระบุว่า “มีผู้บาดเจ็บหลายราย…13 วันหลังจากเหตุมีดโจมตีที่สถานกงสุล ฝรั่งเศสตกเป็นเป้าอีกครั้งหรือไม่!?” นางโรดริเกวซเผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานกงสุลกรีซ ได้รับบาดเจ็บสาหัส การเปิดเผยของนางโรดริเกวซสอดคล้องกับรายงานของเจ้าหน้าที่ซาอุฯ ซึ่งระบุว่ามีเจ้าหน้าที่สถานกงสุลกรีซ กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวซาอุฯ บาดเจ็บ ด้าน บีบีซี…

ตำรวจลับสหรัฐฯเร่งให้การอารักขา “ไบเดน” หลังส่อแววขึ้นเป็น ปธน.สหรัฐฯ คนใหม่

Loading

เอเจนซีส์/รอยเตอร์ – หลังผลการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯที่มีแนวโน้มว่าอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต จะชนะการเลือกตั้งวันอังคาร (3 พ.ย.) ส่งผลทำให้ตำรวจลับสหรัฐฯส่งกำลังไปยังรัฐเดลาแวร์ของไบเดน เพื่อเพิ่มการอารักขา CNN สื่อสหรัฐฯรายงานว่า ไบเดนขึ้นนำประธานาธิบดีทรัมป์ในสนามรัฐแบทเทิลกราวนด์สเตท จอร์เจีย อยู่ 917 คะแนน หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานวันนี้ (6 พ.ย.) ว่า สำนักงานตำรวจลับสหรัฐฯเรียกให้เอเยนต์ของทางหน่วยให้ไปทำหน้าที่อารักขา อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ (6) แหล่งข่าวใกล้ชิด 2 รายชี้ เกิดขึ้นหลังทีมหาเสียงของไบเดนได้แจ้งไปยังสำนักงานตำรวจลับสหรัฐฯว่า ไบเดนจะยังคงใช้ศูนย์การประชุมวิลมิงตันไปอย่างน้อยอีก 1 วัน และอาจจะมีการแถลงใหญ่ในวันศุกร์ (6) ทั้งนี้พบว่ามีเอเยนต์ตำรวจลับสหรัฐฯหลายสิบนายถูกส่งเข้ามาเพื่อให้การอารักขาสำหรับทีมหาเสียงไบเดนที่ศูนย์เชส เซ็นเตอร์ (Chase Center) ภายในศูนย์การประชุมริเวอร์ฟรอนต์ (Riverfront convention center) เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ ทั้งนี้ พบว่า การให้อารักขาไบเดนที่จะเริ่มในวันศุกร์ (6) แต่ยังไม่ใช่การให้การอารักขาแบบเต็มรูปแบบที่ให้กับผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่จะเดินหน้าไปสู่จุดนั้น ขณะเดียวกัน รอยเตอร์รายงานวันนี้…