Shopee ปฏิเสธกรณีมีรายงานว่าข้อมูลลูกค้ารั่วไหล

Loading

  สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้เข้าดำเนินการสืบสวนกรณีที่มีรายงานว่าข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ากว่า 15 ล้านรายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Shopee รั่วไหล เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (22 กันยายน) มีผู้ใช้รายหนึ่งในเว็บไซต์ raidforums.com ซึ่งเป็นแหล่งแบ่งปันและซื้อขายข้อมูล ได้ประกาศขายข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า Shopee ที่มีทั้งชื่อ อีเมล ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ ลงบนเว็บไซต์ฯ ดังกล่าว น.อ. อมร ชมเชย รักษาการณ์เลขาธิการ สกมช. ระบุว่าทางหน่วยอยู่ระหว่างการประสานความร่วมมือกับทีมงานของ Shopee เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการรั่วไหลของข้อมูลหรือไม่ และยังระบุด้วยว่าพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีผลใช้บังคับในเดือนมิถุนายนปีหน้า น่าจะมีประโยชน์ในการลงโทษปรับผู้ที่ปล่อยข้อมูลส่วนบุคคล ล่าสุด ทาง Shopee ได้ออกมาแถลงว่าจากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลที่มีผู้อ้างนำมาขายนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับฐานข้อมูลใด ๆ ของ Shopee พร้อมยืนยันว่าทางบริษัทให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลอย่างถึงที่สุด และเว็บ raidforums ก็ได้บล็อกผู้ใช้ที่เอาข้อมูล Shopee มาปล่อย เพราะตรวจพบว่าเป็นการย้อมแมวเอาข้อมูลปลอมมาขาย (อาจจะเป็นข้อมูลเก่าที่เคยหลุด แล้วมาขายซ้ำ) ที่มา Bangkok Post   ————————————————————————————————————————— ที่มา :…

กลาโหมลิทัวเนียเตือน ทิ้งมือถือจีน และอย่าซื้อ หลังพบระบบเซ็นเซอร์ในตัว

Loading

  กลาโหมลิทัวเนียเตือน – วันที่ 22 ก.ย. บีบีซี รายงานว่า นายมาร์กีริส อาบูเควีซีอุส รัฐมนตรีกลาโหมของลิทัวเนีย ประเทศในยุโรปตะวันออก เตือนประชาชนควรทิ้งโทรศัพท์มือถือของจีนที่ใช้อยู่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และอย่าซื้อมือถือเครื่องใหม่ที่เป็นของจีน     หลังรายงานโดยคณะนักวิจัยจากศูนย์ความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติลิทัวเนียที่ทดสอบบรรดาโทรศัพท์มือถือ 5G จากผู้ผลิตในจีน พบว่า โทรศัพท์มือถือยี่ห้อเสี่ยวมี่ (Xiaomi) Mi 10T 5G ซึ่งเป็นรุ่นเรือธง มีการติดตั้งซอฟต์แวร์ที่สามารถตรวจจับและเซ็นเซอร์คำต่างๆ รวมถึงคำว่า “Free Tibet” (ปล่อยทิเบต) “Long live Taiwan independence” (อิสรภาพไต้หวันจงเจริญ) หรือ “democracy movement” (ขบวนการประชาธิปไตย) รายงานเน้นว่า จำนวนคำมากกว่า 449 คำ สามารถถูกระบบโทรศัพท์ของเสี่ยวมี่ รวมถึงบราวเซอร์อินเตอร์เน็ตเริ่มต้น เซ็นเซอร์ได้ ทั้งที่ โทรศัพท์รุ่นเหล่านี้ที่วางจำหน่ายในยุโรปจะปิดการทำงานความสามารถดังกล่าวออกไปแล้ว แต่รายงานแย้งว่า สามารถเปิดใช้งานจากระยะไกลได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ Mi 10T 5G…

กลาโหมอังกฤษขอโทษข้อมูลอีเมลรั่ว ลูกจ้างในคาบูลร้องขออพยพ

Loading

  เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ ชี้แจงต่อรัฐสภาถึงความผิดพลาที่เกิดขึ้นว่ามีการเผยแพร่อีเมลของลูกจ้างชาวอัฟกานิสถานมากกว่า 250 คน ที่ทำงานเป็นล่ามให้กับรัฐบาลอังกฤษในอัฟกานิสถาน โดยเนื้อหาในอีเมลเป็นการร้องขอให้รัฐบาลอังกฤษช่วยพาพวกเขาออกจากอัฟกานิสถานด้วย รัฐมนตรีกลาโหมยอมรับว่า เป็นความผิดพลาดที่ไม่อาจยอมรับได้ และ ในนามของกระทรวงกลาโหมอังกฤษ ขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลูกจ้างที่เป็นล่ามชาวอาฟกาน ให้ความเห็นว่า การปล่อยข้อมูลที่บางอีเมลมีภาพถ่ายใบหน้าด้วยนั้น เป็นอันตรายต่อชีวิตของคนผู้นั้นมาก โดยเฉพาะผู้ที่ยังต้องอยู่ในอัฟกานิสถานต่อไป   ———————————————————————————————————————————- ที่มา : AFP       / วันที่เผยแพร่  22 ก.ย.2564 Link : https://today.line.me/th/v2/article/XvP2O0?utm_source=lineshare

สื่อต่างชาติ เผย ข้อมูลนักท่องเที่ยวมาไทย 106 ล้านราย รั่วไหล

Loading

  บริษัทวิจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของอังกฤษ ตรวจพบข้อมูลของ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ที่เคยเดินทางเข้าเมืองไทยกว่า 106 ล้านราย รั่วไหล ด้าน ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส แจงว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล และยังไม่ทราบว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ขณะที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดว่า ข้อมูลที่รั่วไหล อาจจะหลุดจาก สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง Comparitech บริษัทวิจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของอังกฤษ ตรวจพบข้อมูลของ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ที่เคยเดินทางเข้าเมืองไทยรั่วไหลกว่า 106 ล้านราย หลุดบนโลกออนไลน์ โดยเป็นข้อมูลย้อนหลังไปถึง 10 ปี โดยฐานข้อมูลที่หลุดนั้นประกอบไปด้วย ชื่อ นามสกุล หมายเลขหนังสือเดินทาง วันที่เดินทางถึงประเทศไทย และข้อมูลอื่นๆ เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยโดย นายบ๊อบ ดิอาเชนโก หัวหน้าทีมวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ Comparitech     สื่อต่างชาติ เผย ข้อมูลนักท่องเที่ยวมาไทย 106 ล้านราย รั่วไหล โดยยังคาดว่าข้อมูลที่หลุดออกมาเป็นของชาวต่างชาติที่เดินทางมาไทยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตัว นายดิอาเชนโก…

ระวัง!! หมอพร้อม ไม่มีเวอร์ชั่นเว็บไซต์ มีแต่แอปบนมือถือเท่านั้น หากกรอกข้อมูลบนเว็บคือเว็บปลอม!!

Loading

  ระวัง!! หมอพร้อม ไม่มีเวอร์ชั่นเว็บไซต์ สาธารณสุข เตือนประชาชน เว็บไซต์หมอพร้อม (หรือที่ขึ้นต้นด้วย w.w.w.หมอพร้อม) ไม่ใช่ของรัฐ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสาธารณสุข ใดๆทั้งสิ้น.. หมอพร้อมของแท้ จากทางกระทรวงสาธารณสุข จะใช้แอพ หมอพร้อม และทางไลน์ เท่านั้น ดังนั้น อย่าไปหลงเชื่อ,ไปให้ข้อมูลส่วนตัว หรือกดเข้าไปดูเด็ดขาด เพราะอาจจะสูญเสียข้อมูลสำคัญและทำให้มิจฉาชีพนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิดได้   ระวัง!! หมอพร้อม ไม่มีเวอร์ชั่นเว็บไซต์ มีแต่แอปหรือบน LINE ผ่านมือถือเท่านั้น     จากกรณีการเผยแพร่ลิงก์เว็บไซต์ หมอพร้อม.com ทางกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าวและชี้แจงว่า เว็บไซต์ชื่อ หมอพร้อม.com เป็นเว็บปลอม ไม่ใช่เว็บไซต์ที่กระทรวงสาธารณสุขพัฒนาขึ้นแต่อย่างใด และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บดังกล่าว โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้พัฒนาระบบการให้บริการข้อมูลการได้รับวัคซีนของประชาชน ภายใต้ชื่อ หมอพร้อม ซึ่งรองรับการใช้งานผ่าน Application หมอพร้อม และ Line หมอพร้อม เท่านั้น LINE OA…

ออสเตรเลียเผยการโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นช่วงโควิด

Loading

  ออสเตรเลียเผยเหตุโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นช่วงโควิด-19 ชี้บริการทางการแพทย์ตกเป็นเป้าหมายหวังขโมยเงินและล้วงข้อมูลสำคัญ รัฐบาลออสเตรเลีย เปิดเผยว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้อาชญากรรมทางไซเบอร์เพิ่มขึ้น 13% โดยผู้ประสงค์ร้ายพุ่งเป้าโจมตีผู้ที่ทำงานจากที่บ้าน รวมถึงสอดแนมบุคคลที่สุ่มเสี่ยงและผู้ให้บริการทางการแพทย์ เพื่อหวังขโมยเงินและล้วงข้อมูลสำคัญ รายงานประจำปีของศูนย์ดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ของออสเตรเลียระบุว่า ทางศูนย์ฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับอาชญากรรมทางไซเบอร์กว่า 67,500 ครั้งในรอบ 12 เดือน เมื่อนับจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา หรือเฉลี่ยทุก 8 นาทีต่อครั้ง โดยมีการรายงานที่เกี่ยวข้องกับแรนซัมแวร์เพิ่มขึ้นเกือบ 15% ในช่วงดังกล่าว ด้านนายแอนดรูว์ แฮสตี รัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า 1 ใน 4 ของเหตุโจมตีทางไซเบอร์ที่รายงานนั้นส่งผลกระทบต่อหน่วยงานผู้ให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งได้แก่ บริการที่จำเป็นในด้านการศึกษา, การติดต่อสื่อสาร, ไฟฟ้า, ประปา และการขนส่ง “ในช่วงเวลาที่ชาวออสเตรเลียต้องพึ่งพาบุคลากรทางการแพทย์มากที่สุดเพื่อช่วยเหลือและรักษาชีวิตในภาวะโรคระบาดเช่นนี้ ภาคบริการทางด้านสาธารณสุขมีรายงานเหตุโจมตีจากแรนซัมแวร์มากที่สุดเป็นอันดับสอง” นายแฮสตีระบุในแถลงการณ์ นายแฮสตียังระบุว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น มีรายงานอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโควิด-19 กว่า 1,500 ครั้งในแต่ละเดือน และได้มีการลบเว็บไซต์ที่มีเนื้อหามุ่งเน้นการระบาดแต่แอบแฝงจุดประสงค์ร้ายไปกว่า 110 เว็บไซต์   —————————————————————————————————————————————————————- ที่มา…