ตำรวจไซเบอร์ เตือนมิจฉาชีพขโมยข้อมูลส่วนบุคคลผู้อื่นไปใช้ โทษหนักจำคุกสูงสุด 5 ปี
โฆษก บช.สอท. เตือนมิจฉาชีพขโมยข้อมูลส่วนบุคคลผู้อื่นไปใช้ โทษหนักจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000- 100,000 บาท วันนี้ (27 มิ.ย.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีมีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่ง ได้นำหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ของตนไปตรวจสอบในระบบ หรือแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ พบว่า หมายเลขบัตรประชาชนของตนได้ถูกนำไปเปิดใช้บริการกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือกว่า 30 หมายเลข โดยที่ตนไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการแต่อย่างใดนั้น ว่า ในปัจจุบันประชาชนสามารถเข้าถึงการตรวจสอบข้อมูล ขอเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือทำธุรกรรมการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ซึ่งเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยสะดวก รวมไปถึงการเปิดใช้งานลงทะเบียนซิมโทรศัพท์มือถือผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ ซึ่งอาจจะเป็นช่องทางหนึ่งให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสนำข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนที่ได้มาด้วยวิธีการต่าง ๆ มาแสวงหาผลประโยชน์โดยผิดกฎหมาย การกระทำดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดฐาน “นำบัตร หรือใบรับหรือใบแทนใบรับของผู้อื่นไปใช้แสดงว่าตนเป็นเจ้าของบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับ ตาม พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526…