ออสเตรเลียปะทะจีน กรณีโพสต์ปลอมประเด็นอาชญากรรมสงคราม

Loading

Scott Morrison headshot, as Australia Prime Minister, graphic element on gray ความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียและจีนตึงเครียดขึ้น หลังรัฐบาลกรุงปักกิ่งทวีตข้อความพร้อมภาพที่กล่าวหาว่าอีกฝ่ายก่ออาชญากรรมสงครามในอัฟกานิสถาน นายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน แห่งออสเตรเลีย เรียกร้องให้รัฐบาลจีนลบทวีตและภาพที่ถูกตัดต่อให้ดูเหมือนว่า นายทหารออสเตรเลียรายหนึ่งทำการฆาตกรรมเด็กคนหนึ่งในอัฟกานิสถาน หลังจากที่มีรายงานออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า กองกำลังพิเศษของออสเตรเลียได้ทำการสังหารผู้คนไปอย่างน้อย 39 รายในประเทศตะวันออกกลางนี้อย่างผิดกฎหมาย รายงานข่าวระบุว่า จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเป็นผู้โพสต์ภาพดังกล่าวพร้อมข้อความที่ระบุว่า “ไม่ต้องกลัว เรามาเพื่อมอบสันติให้ท่าน” สื่อออสเตรเลียรายงานว่า ข้อความและภาพที่ทวีตออกมานี้เป็นการอ้างอิงมาจากข่าวลือที่ไม่มูลและกล่าวหาว่า กองกำลังทหารของออสเตรเลียใช้มีดสังหารวัยรุ่นชาวอัฟกัน 2 ราย ขณะที่ การสอบสวนกรณีนี้ไม่พบหลักฐานว่าเกิดเหตุเช่นนั้นเลย อย่างไรก็ดี การสอบสวนชี้ว่า มี “หลักฐานที่เชื่อถือได้” ว่า กองกำลังออสเตรเลียทำการสังหารผู้คนอย่างผิดกฎหมายจริงในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 2005 และ 2016 Chinese Foreign Ministry spokesman Zhao Lijian attends a news…

แตกตื่นทั้งเมือง หนุ่มเยอรมันขับรถพุ่งชนประตูสำนักนายกรัฐมนตรี

Loading

เกิดเหตุรถยนต์คันหนึ่งขับพุ่งชนประตูของสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้าที่ผู้นำเยอรมนีจะร่วมประชุมพิจารณาการขยายล็อกดาวน์ โดยเบื้องต้นมีรายงานความเสียหายเพียงเล็กน้อย ขณะที่ผู้ก่อเหตุถูกตำรวจนำตัวไปสอบสวน รถยนต์คันที่ก่อเหตุ มีการเขียนตัวหนังสือไว้ข้างรถทั้งสองด้านด้วยลายมือระบุว่า หยุดการเมืองแบบโลกาภิวัตน์ และคุณคือฆาตกรสังหารเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งภายหลังจากที่รถได้พุ่งชนประตูของสำนักนายกรัฐมนตรีในกรุงเบอร์ลิน ทั้งตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เร่งเข้ามาตรวจสอบและควบคุมตัวคนขับรถ ซึ่งเป็นชายวัยกลางคนไปสอบสวน โดยมีการนำตัวของเขาขึ้นรถวีลแชร์และขึ้นรถตำรวจไป ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่นำสุนัขดมกลิ่นมาตรวจสอบรถคันดังกล่าว และได้นำรถของผู้ก่อเหตุไปไว้ที่สถานีตำรวจ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยถึงชื่อผู้ก่อเหตุรวมทั้งแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ ทั้งนี้ จากการสำรวจเบื้องต้นไม่พบว่ามีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ส่วนประตูสำนักงานและตัวรถได้รับความเสียหายมีรอยบุบเพียงเล็กน้อย และไม่มีการยืนยันว่าขณะเกิดเหตุนางแองเกลา แมร์เคิล ผู้นำเยอรมนีอยู่ในสำนักงานหรือไม่ เดิมที นางแมร์เคิล มีกำหนดการที่จะร่วมประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับผู้ว่าการรัฐ 16 รัฐ ที่สำนักนายกรัฐมนตรีในวันนี้ เพื่อหารือถึงการขยายเวลามาตรการล็อกดาวน์ และยกระดับการรับมือกับการระบาดของโควิด-19 แต่มาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นก่อน โดยก่อนหน้านี้มีประชาชนบางส่วนในกรุงเบอร์ลินได้รวมตัวประท้วงมาตรการล็อกดาวน์ในเยอรมนี ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในรอบไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าอัตราการเสียชีวิตในเยอรมนีจะต่ำกว่าประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปก็ตาม ——————————————————- ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ / 25 พฤศจิกายน 2563 Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/1983500

‘หมู่เกาะโซโลมอน’ เตรียมแบนเฟสบุ๊กเพื่อปกป้อง ‘ความสามัคคีภายในชาติ’

Loading

In this Nov. 24, 2018, photo, ships are docked offshore in Honiara, the capital of the Solomon Islands. รัฐบาลประเทศหมู่เกาะโซโลมอน ประกาศสนับสนุนแผนห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์ เฟสบุ๊ก (Facebook) เพื่อปกป้อง “ความเป็นเอกภาพแห่งชาติ” ท่ามกลางเสียงตอบโต้ว่ามาตรการนี้มีขึ้นเพื่อกลบเสียงวิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลมากกว่า เฟสบุ๊ก เป็นหนึ่งในช่องทางการสื่อสารยอดนิยมของประชาชนชาวหมู่เกาะโซโลมอน ซึ่งมีภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยมากมายกระจายเป็นระยะทางมากกว่า 1,400 กม. ปัจจุบัน ประเทศหมู่เกาะแห่งนี้มีประชากรราว 685,000 คน และมีอยู่ราว 20% ที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แต่รัฐบาลของหมู่เกาะโซโลมอนระบุว่า ที่ผ่านมาเฟสบุ๊กถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในทางที่ผิด พร้อมเสนอแผนบล็อกเฟสบุ๊กและสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ จากความกังวลเรื่องการหมิ่นประมาทและการรังแกกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์ รวมทั้งต้องการจัดระเบียบพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเสียใหม่เพื่อปกป้องชุมชนจากถ้อยคำที่รุนแรงและละเมิดผู้อื่น รัฐมนตรีกระทรวงสื่อสารของหมู่เกาะโซโลมอน ปีเตอร์ ชาเนล อโกวากา กล่าวว่า สิ่งที่ควรมาพร้อมกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพของสื่อ คือความรับผิดชอบต่อสังคม เช่นเดียวกับสื่อสังคมออนไลน์ที่ควรใช้อย่างมีสติและฉลาดเท่าทัน ไม่ใช่ใช้เพื่อทำร้ายผู้อื่นเหมือนที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม ผู้ต่อต้านบอกว่าคำสั่งห้ามใช้เฟสบุ๊กถือว่าขัดกับรัฐธรรมนูญของประเทศว่าด้วยสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น…

เปิดเเผนรัสเซียขยายอิทธิพลเพื่อ ‘แทรกซึมการเมืองสหรัฐฯ’ ต่อเนื่อง

Loading

Putin’s language สี่ปีหลังจากการเตือนภัยและเตรียมการต่อต้านการเเเทรกแซงของรัสเซียต่อการเลือกตั้งอเมริกัน หน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯ มั่นใจว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเมื่อปี ค.ศ. 2016 ที่รัสเซียสามารถเจาะล้วงระบบข้อมูลและขยายอิทธิพลต่อกระบวนการประชาธิปไตยอเมริกา อย่างไรก็ตาม ผู้สันทัดกรณีกล่าวว่ารัสเซียยังคงพยายามขยายปฏิบัติการด้านข้อมูลข่าวสารในรูปแบบที่แยบยลกว่าในอดีต จากเดิมที่รัสเซียใช้บัญชีโซเชี่ยลมีเดียปลอมสร้างเนื้อหาและเผยเเพร่ข้อมูล ปัจจุบันกลวิธีใหม่ๆ ถูกนำมาใช้เพื่อชี้นำความคิดในสังคมอเมริกัน เช่น การแทรกซึมเข้าไปในวงการข่าวและสื่อสังคมออนไลน์ โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มขวาจัดและซ้ายจัดในอเมริกา เอวานา ฮู ซีอีโอ ขององค์กร Omelas ที่ศึกษาเกี่ยวกับความคิดสุดโต่งออนไลน์ ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอว่า วิธีการลักษณะนี้ของรัสเซียสามารถสร้างความสนใจและมีปฏิกิริยาตอบโต้บนสื่อออนไลน์โดยผู้ใช้สื่อจำนวนนับล้านคน เธอบอกว่าโพสต์เหล่านี้ถูกออกแบบมาอย่างดี เพื่อกระตุ้นความรู้สึก ทั้งทางบวกและทางลบต่อเป้าหมาย องค์กรของเธอซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน วิเคราะห์เนื้อหาที่รัสเซียปล่อยออกมาบนสื่อสังคมไลน์ 1 ล้าน 2 แสนโพสต์บน 11 แพลตฟอร์มช่วง 90 วัน ก่อนและหลังวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 3 พฤศจิกายน US-politics-vote-RALLY องค์กร Omelas พบว่าสื่อของรัสเซียที่ปล่อยข้อมูลออกมามากในอันดับต้นๆได้เเก่ RT, Sputnik, TASS และ Izvestia TV Omelas…

อย่างโหด! จุดไฟเผารัฐสภากัวเตมาลา ประท้วงขับไล่ประธานาธิบดี

Loading

ผู้ชุมนุมกัวเตมาลาหลายร้อยคน จุดไฟเผาอาคารรัฐสภาเมื่อวันเสาร์ (21 พ.ย.) ระหว่างการประท้วงเรียกร้องให้ประธานาธิบดี อเลฮันโดร จิอัมมัตเต ลาออกจากตำแหน่ง หลังความเคลื่อนไหวผ่านงบประมาณฉบับหนึ่ง โหมกระพือความไม่พอใจภายในชาติอเมริกากลางที่ยากจนแห่งนี้ เปลวเพลิงที่โหมไหม้อาคารรัฐสภา สามารถมองเห็นได้ไกลจากท้องถนนของกรุงกัวเตมาลาซิตี และโฆษกของสภากาชาดเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่ของพวกเขาได้ให้การรักษาผู้ที่ได้รับพิษจากควันไฟไปหลายคน นอกจากบริเวณดังกล่าวแล้ว ได้มีการประท้วงเรียกร้อง จิอัมมัตเต ลาออกอีกแห่ง โดยจุดนี้พวกผู้ชุมนุมปักหลักกันอย่างสันติ ที่ทำเนียบเก่าของรัฐบาล ในย่านเก่าแก่ของเมืองหลวง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอาคารรัฐสภา พวกผู้ประท้วงไหลบ่าเต็มจัตุรัสใจกลางกรุงกัวเตมาลาซิตี บริเวณด้านหน้าทำเนียบเก่า โบกธงชาติและป้ายข้อความ ที่ระบุว่า “ไม่เอาคอร์รัปชัน” และ “จิอัมมัตเต ออกไป” ผู้คนในกัวเตมาลารู้สึกไม่พอใจต่อคณะรัฐบาลของจิอัมมัตเต และสภาคองเกรสมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อกรณีที่ประเทศแห่งนี้ขาดแคลนทรัพยากรและไม่มีงบประมาณในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาคองเกรสของกัวเตมาลา ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลแนวคิดอนุรักษนิยมครองเสียงข้างมาก ได้เห็นชอบงบประมาณเกือบ 13,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 390,000 ล้านบาท) ก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ สำหรับลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจใหญ่ๆ กระตุ้นความขุ่นเคืองในประเทศที่เต็มไปด้วยคนยากจน และครึ่งหนึ่งของเด็กๆอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เป็นโรคขาดสารอาหาร สภาคองเกรงยังได้อนุมัติงบประมาณ 3,800 ล้านดอลลาร์ (ราว 110,000 ล้านบาท)…

สหรัฐฯ – อิรัก ตึงเครียด! หลังเหตุจรวดโจมตีสถานทูตอเมริกันในกรุงแบกแดด

Loading

Security forces inspect the scene of a rocket attack at the gate of al-Zawra public park in Baghdad, Iraq, Nov. 18, 2020. Rockets struck Iraq’s capital on Tuesday with four landing inside its heavily fortified Green Zone. เกิดเหตุจรวดโจมตีบริเวณเขตอาคารสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงแบกแดด ในช่วงข้ามคืนวันอังคารที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางการทูตเพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับอิรัก หลังจากที่สหรัฐฯ เพิ่งจะประกาศถอนทหารอเมริกันอีก 500 นายออกจากอิรัก สื่อของอิรักรายงานว่า จรวดจำนวน 7 ลูกที่ยิงมาจากกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลอิหร่าน ตกลงในเขตปลอดภัยสูงสุด หรือ กรีนโซน ในกรุงแบกแดด โดยเชื่อว่ามีเป้าหมายโจมตีอาคารสถานทูตสหรัฐฯ…