เกาหลีเหนือสะสมอาวุธเคมีมากอันดับ 3 ของโลก

Loading

เกาหลีเหนืออาจมีนิวเคลียร์มากถึง 60 ลูก และยังสะสมอาวุธเคมีมากเป็นอันดับ 3 ของโลกที่ราว 2,500-5,000 ตัน กองทัพบกสหรัฐเผยรายงานการประเมินอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ โดยเชื่อว่าเกาหลีเหนือมีระเบิดนิวเคลียร์อยู่ราว 20-60 ลูก และมีศักยภาพในการผลิตเพิ่มปีละ 6 ลูก ทั้งยังเผยว่าบางรายงานระบุว่าภายในสิ้นปีนี้เกาหลีเหนือจะมีระเบิดนิวเคลียร์ถึง 100 ลูก “รัฐบาลเปียงยางยังไม่ยอมยุติการผลิตอาวุธเหล่านี้เพื่อเป็นตัวประกันความอยู่รอดของตัวเอง” รายงานระบุ รายงานยังระบุว่าสาเหตุที่เกาหลีเหนือสะสมอาวุธไว้มากมายเนื่องจาก บรรดาผู้นำเกาหลีเหนือเชื่อว่าอาวุธนิวเคลียร์จะช่วยป้องกันไม่ให้ประเทศอื่นเข้ามาแทรกแซงจนนำมาสู่การโค่นอำนาจผู้นำ ขณะที่คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ซึ่งได้เห็นตัวอย่างการโค่นล้มอำนาจของอดีตผู้นำลิเบียอย่าง มูอัมมาร์ กัดดาฟี ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เดียวกันนี้กับเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ กองทัพบกสหรัฐยังประเมินว่าเกาหลีเหนือยังมีอาวุธเคมีอย่างเชื้อแอนแทรกซ์หรือเชื้อฝีดาษสำหรับใช้โจมตีเกาหลีใต้ สหรัฐ และญี่ปุ่น ซึ่งเชื้อแอนแทรกซ์ 1 กิโลกรัมสามารถฆ่าชีวิตคนในกรุงโซลได้ราว 50,000 คน ——————————————– ที่มา : โพสต์ทูเดย์ / 20 สิงหาคม 2563 Link : https://www.posttoday.com/world/631082

เป็นเรื่อง ทหารแตกแถวยึดค่าย บุกจับตัวปธน.-นายกฯ มาลี คาดก่อรัฐประหาร

Loading

สถานการณ์ประเทศมาลีตึงเครียด หลังประธานาธิบดีกับนายกรัฐมนตรีของประเทศ ถูกทหารจับกุมตัวเอาไว้ ท่ามกลางการประท้วงขับไล่ผู้นำ สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า โฆษกรัฐบาลมาลียอมรับกับพวกเขาในวันอังคารที่ 18 ส.ค. 2563 ว่า ประธานาธิบดี อิบราฮิม บูบาการ์ เคอิตา กับนายกรัฐมนตรี บูบู ซิสเซ ถูกทหารกบฏจับกุมตัวเอาไว้ ไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุยิงกันที่ ‘คาติ แคมป์’ ค่ายทหารสำคัญซึ่งห่างจากกรุงบามาโก เพียง 15 กม. เมื่อช่วงเช้า นายกรัฐมนตรี บูบู ซิสเซ กับ ประธานาธิบดี อิบราฮิม บูบาการ์ เคอิตา เหตุยิงกันดังกล่าว ทหารชั้นผู้น้อยนำโดย พันเอก มาลิค ดิว รองผู้บัญชาการ คาติ แคมป์ กับนายพล ซาดิโอ คามารา ผู้บัญชาการอีกคน ร่วมกันจับกุมตัวผู้บังคับบัญชาแล้วยึดค่ายทหารเอาไว้ จากนั้นจึงนำกำลังทหารแตกแถวเดินทางไปยังเมืองหลวง ท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้คนที่มาชุมนุม เรียกร้องให้ประธานาธิบดี เคอิตา ลาออก ในช่วงบ่าย…

เปิดผลสอบเบื้องต้น ‘ระเบิดเบรุต’ ไม่พบสัญญาณโจมตี

Loading

เจ้าหน้าที่เลบานอนเผยผลสอบเบื้องต้นเหตุระเบิดครั้งใหญ่ในกรุงเบรุตเมื่อต้นเดือนนี้ เกิดจาก “ความประมาทร้ายแรง” และไม่พบสัญญาณการโจมตี สำนักข่าวซินหัวของจีน และสถานีโทรทัศน์แอลบีซีไอ ทีวี ของเลบานอน รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (16 ส.ค.) ว่า ผลการสืบสวนเบื้องต้นของเหตุระเบิดใหญ่ในกรุงเบรุตเมื่อไม่นานมานี้ ชี้ให้เห็นถึงความประมาทเลินเล่อขั้นร้ายแรง โดยไม่พบสัญญาณบ่งบอกการโจมตีด้วยขีปนาวุธหรือเครื่องบินรบ ผลการสืบสวนข้างต้นไม่ได้ระบุว่าเหตุระเบิดเกิดขึ้นโดยเจตนาหรือไม่ แต่พบพฤติกรรมหละหลวมอย่างร้ายแรงในโกดังที่ท่าเรือกรุงเบรุต ซึ่งกักเก็บสารแอมโมเนียไนเตรท 2,700 ตัน ร่วมกับดอกไม้ไฟ น้ำมันก๊าด เมธิลีน และไนโตรเจนรวม 24 ตัน ต้นเหตุจากเก็บแอมโมเนียมไนเตรทสะเพร่า แหล่งข่าวเผยกับแอลบีซีไอว่า สารแอมโมเนียมไนเตรทเพียงอย่างเดียวไม่สามารถก่อให้เกิดเหตุระเบิดใหญ่ได้ แต่การจัดเก็บแอมโมเนียมไนเตรทรวมกับสารเคมีชนิดอื่น ๆ อาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้ นอกจากนั้น ผลการสืบสวนยังพบว่ามีแรงงาน 3 คน เชื่อมโลหะอยู่ที่โกดัง และออกจากพื้นที่หลังเวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นราว 1 ชั่วโมงก่อนเกิดเหตุระเบิด ช่วงต้นเดือน ส.ค. นายกัสซัน อัล-ฮูรี อัยการสูงสุดของเลบานอน ออกคำสั่งจับกุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของท่าเรือเบรุต 3 คน ฐานไม่สามารถจัดการกับสารแอมโมเนียมไนเตรท รวมถึงจัดเก็บสารเคมีอื่น ๆ…

สหรัฐฯ เตรียมส่ง ‘เอฟบีไอ’ เข้าร่วมสืบสวนเหตุระเบิดใหญ่ที่เลบานอน

Loading

A rescue team surveys the site of this week’s massive explosion in the port of Beirut, Lebanon, Aug. 7, 2020. เจ้าหน้าที่ระดับสูงทางการทูตของสหรัฐฯ เดวิด เฮล (David Hale) กล่าวที่กรุงเบรุตในวันพฤหัสบดีว่า สำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ หรือ เอฟบีไอ จะส่งเจ้าหน้าที่ไปเข้าร่วมกับเลบานอนและคณะเจ้าหน้าที่จากหลายชาติ ในการสืบสวนหาสาเหตุของเหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 170 คน บาดเจ็บอีกหลายพันคน รองรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการการเมือง เดวิด เฮล เดินทางเยี่ยมเยือนพื้นที่ที่เกิดความเสียหายอย่างหนักจากแรงระเบิด และกล่าวว่า เอฟบีไอจะเข้าช่วยในการสืบสวนเหตุการณ์นี้ตามคำเชิญของรัฐบาลเลบานอน ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่สหรัฐฯ จะสามารถช่วยเหลือเลบานอนได้ U.S. Undersecretary of State for Political Affairs David Hale, center, gives…

ระทึก! ‘ทรัมป์’ เผ่นหนีออกจากห้องแถลงข่าว หลังเกิดเหตุยิงกันนอกทำเนียบขาว

Loading

รอยเตอร์ – ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ถูกตำรวจอารักขาประธานาธิบดี (ซีเคร็ต เซอร์วิส) พาออกจากห้องแถลงข่าวอย่างกะทันหันเมื่อวานนี้ (10 ส.ค.) หลังเกิดเหตุยิงกันที่ด้านนอกทำเนียบขาว ทรัมป์ กำลังยืนบนโพเดียมและชี้แจงเรื่องตลาดหุ้น ในขณะที่เจ้าหน้าที่ซีเคร็ตเซอร์วิสคนหนึ่งเข้ามาเบรกและเชิญเขาออกไปจากห้อง ส่วนรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สตีเวน มนูชิน และผู้อำนวยการฝ่ายงบประมาณ รัสส์ วอต ก็ถูกพาออกจากห้องแถลงข่าวเช่นเดียวกัน ผู้นำสหรัฐฯ เดินกลับเข้าไปที่ห้องสื่อมวลชนอีกครั้งในอีกหลายนาทีต่อมา และชี้แจงว่าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายได้ยิงสกัดบุคคลคนๆ หนึ่งซึ่งมีอาวุธ และนำตัวเขาส่งโรงพยาบาลแล้ว “มีการยิงกันเกิดขึ้นที่ด้านนอกทำเนียบขาว และดูเหมือนจะคุมสถานการณ์ได้แล้ว” ทรัมป์ บอก “แต่มีการยิงเกิดขึ้นจริงๆ และใครบางคนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ผมยังไม่ทราบว่าอาการเขาเป็นอย่างไร” ทรัมป์ เผยด้วยว่า จุดที่มีการยิงกันนั้นอยู่ใกล้กับรั้วด้านนอกทำเนียบ หน่วยซีเคร็ตเซอร์วิสแถลงผ่านสื่อทวิตเตอร์ว่า “เรากำลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ซีเคร็ตเซอร์วิสที่เกี่ยวข้องกับเหตุยิงกันครั้งนี้ ชายผู้ต้องสงสัยและเจ้าหน้าที่ซีเคร็ตเซอร์วิสถูกนำส่งโรงพยาบาลทั้งคู่ แต่เรายืนยันว่าไม่มีใครบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ทำเนียบขาว และไม่มีผู้ถูกอารักขาคนใดได้รับอันตราย” ประตูห้องแถลงข่าวของทำเนียบขาวถูกล็อกทันที หลังจากเจ้าหน้าที่พาตัว ทรัมป์ ออกไป ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวชื่นชมตำรวจอารักขาซึ่งปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองตนอย่างรวดเร็ว และระบุว่าทางซีเคร็ตเซอร์วิสจะแถลงรายละเอียดให้ทราบในภายหลัง ————————————————————- ที่มา : MGR Online…

รบ.เลบานอนลาออกยกคณะ เซ่นระเบิดเบรุต ลั่นทำตามความต้องการประชาชน

Loading

รัฐมนตรีเลบานอนประกาศลาออกทั้งคณะ ไม่ถึงสัปดาห์หลังเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ในกรุงเบรุต ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 220 ศพ และการประท้วงรุนแรงติดต่อกันหลายวัน สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า นายกรัฐมนตรี ฮันซัน ดิอับ แห่งเลบานอน ประกาศลาออกจากตำแหน่งพร้อมกับคณะรัฐมนตรีของเขาทั้งคณะแล้วในคืนวันจันทร์ที่ 10 ส.ค. 2563 โดยระบุว่าสาเหตุมาจากการระเบิดในกรุงเบรุต ซึ่งเขาระบุว่าเป็นหายนะที่ไม่อาจประเมินความเสียหายได้ ในแถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์ทั่วประเทศ นายดิอับประณามกลุ่มนักการเมืองช้ันปกครอง สนับสนุนระบบการทุจริตคอร์รัปชันที่ใหญ่โตยิ่งกว่าระดับประเทศ “เราต่อสู้อย่างกล้าหาญและมีเกียรติ” นายกรัฐมนตรี พูดถึงตัวเองกับคณะรัฐมนตรีของเขา “แต่ระหว่างเรากับความเปลี่ยนแปลงมีกำแพงใหญ่ที่แข็งแกร่งขวางอยู่” นายดิอับยังเปรียบเทียบเหตุระเบิดเมื่อวันอังคารที่ 4 ส.ค. ว่าเป็นแผ่นดินไหนที่สั่นสะเทือนเลบานอน ทำให้รัฐบาลของเขาต้องลาออก “วันนี้ เราทำตามความต้องการของประชาชนที่เรียกร้องให้รับผิดชอบต่อหายนะที่ซุกซ่อนมากว่า 7 ปี และความต้องการของพวกเขาที่อย่างให้มีความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง” ก่อนหน้าที่นายดิอับจะมีแถลงการณ์ กลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมากออกมาประท้วงอย่างรุนแรงหน้าทำเนียบนายกรัฐมนตรี ในกรุงเบรุต โดยผู้ชุมนุมหลายสิบคนขว้างปาก้อนหิน, ดอกไม้ไฟ และระเบิดขวาดใส่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงซึ่งตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา ผู้ประท้วงบางคนยังพยายามรื้อกำแพงนอกจัตุรัสรัฐสภาด้วย ทั้งนี้ เลบานอนกำลังเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษอยู่แล้ว กอปรกับการระบาดของไวรัสโควิด-19, การคอร์รัปชันและการบริหารจัดการที่ผิดพลาดของรัฐบาล แต่เหตุระเบิดที่กรุงเบรุต ซึ่งมีสาเหตุจากการละเลยปล่อยให้สารแอมโมเนียมไนเตรทถึง 2,750 ตันเก็บอยู่ที่ท่าเรือใกล้เขตที่อยู่อาศัยมานานถึง 7 ปี จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 220…