ประท้วงเดือดเมืองพอร์ตแลนด์ ม็อบบุกเผา สน. เทศมนตรีจี้ทหารออกจากเมือง

Loading

ความไม่สงบในเมืองพอร์ตแลนด์ของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดกลุ่มผู้ประท้วงก่อเหตุบุกเผาสำนักงานตำรวจ และปะทะกับเจ้าหน้าที่ จนมีผู้บาดเจ็บ สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า สำนักงานตำรวจเมืองพอร์ตแลนด์ ในรัฐโอเรกอน ของสหรัฐฯ เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 18 ก.ค. 2563 ตามเวลาท้องถิ่น ว่า ผู้ประท้วงบุกเข้าไปภายในสำนักงานสมาคมตำรวจทางเหนือของเมืองพอร์ตแลนด์แล้วจุดไฟเผา ขณะที่ผู้ประท้วงบางคนขว้างปาก้อนหินและลูกโป่งบรรจุสีใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ ในขณะเดียวกัน ผู้ประท้วงกลุ่มใหญ่ออกมารวมตัวกันใกล้สำนักงานศาลรัฐบาลกลางและศูนย์ยุติธรรม ในย่านใจกลางเมือง โดยบางคนถอนรั้วที่เจ้าหน้าที่นำมาวางกั้นรอบสำนักงานศาลออกไปด้วย ทั้งนี้ ชาวเมืองพอร์ตแลนด์ ออกมาชุมนุมต่อเนื่องอย่างน้อย 50 คืนแล้ว นับตั้งแต่การเสียชีวิตของ นายจอร์จ ฟลอยด์ โดยในเบื้องต้นพวกเขาออกมาเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ และการใช้ความรุนแรงของตำรวจ ซึ่งการประท้วงส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ แม้จะมีการปะทะกันประปราย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้การประท้วงส่วนใหญ่มีแรงผลักดันจากความไม่พอใจวิธีการรับมือการประท้วงของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง รวมทั้งการให้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบไม่พกตราประจำตัว ออกจับกุมผู้ประท้วง นอกจากนี้ ยังมีคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของสำนักงานความมั่นคงมาตุภูมิ จับผู้ประท้วงแล้วพาตัวขึ้นรถที่ไม่มีตราตำรวจด้วย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตข้อความปกป้องการกระทำของเจ้าหน้าที่ในวันอาทิตย์ “เราพยายามช่วยพอร์ตแลนด์ ไม่ได้ทำร้าย” นายทรัมป์ ระบุ “ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผู้นำของพวกเขาควบคุมพวกนิยมอนาธิปไตยและพวกผู้ปลุกปั่นไม่ได้ พวกเขามีมาตรการไม่เพียงพอ เราต้องปกป้องทรัพย์สินของรัฐบาลกลาง และประชาชนของเรา…

ทำไมเราจึงถือหนังสือเดินทางพิเศษและอพยพออกจากบ้านเกิด

Loading

เกรซ ชอย บีบีซี นิวส์ ฮ่องกง นับตั้งแต่จีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่มีความเข้มงวด ผู้คนก็เริ่มพูดคุยกันถึงกลยุทธ์การอพยพออกจากฮ่องกง มีชาวฮ่องกงมากถึง 3 ล้านคนที่สามารถอพยพออกไปได้โดยใช้หนังสือเดินทางสัญชาติบริติชโพ้นทะเล (British National Overseas–BNO) พวกเขาจะเลือกใช้แนวทางนี้อพยพออกไปจริง ๆ หรือไม่ แล้วคนที่เหลืออยู่จะทำอย่างไร ไมเคิลและเซเรนา ตัดสินใจเดินทางออกจากฮ่องกงเป็นการถาวร และไปลงหลักปักฐานในสหราชอาณาจักร ประเทศที่พวกเขาไม่เคยย่างเท้าไปเหยียบ สามีภรรยาคู่นี้มีหนังสือเดินทาง BNO ซึ่งออกให้กับชาวฮ่องกงที่ลงทะเบียนก่อนที่จะมีการส่งมอบฮ่องกงคืนให้แก่จีนในเดือน ก.ค. 1997 หนังสือเดินทางประเภทนี้มอบสิทธิ์ในการได้รับความช่วยเหลือด้านกงสุลหลายอย่าง สำหรับหลายคนการนำหนังสือเดินทางนี้ไปใช้ประโยชน์ดูเหมือนจะมีข้อจำกัดอยู่มาก แต่มันก็ช่วยให้เดินทางเข้าสหราชอาณาจักรและยุโรปได้ง่ายขึ้น คนบางส่วนจึงสมัครขอหนังสือเดินทางนี้ไว้ ชาวฮ่องกงจำนวนมากอาจจะคิดว่า ทำไมจะไม่ขอไว้ล่ะ ไมเคิลและเซเรนา เดินทางออกจากฮ่องกงพร้อมกับลูกสาววัย 13 ปี พวกเขาเป็นผู้จัดการธนาคาร และซื้อแฟลตหลังหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน การเดินทางออกมาจึงมีหลายอย่างที่ต้องสละทิ้ง มีการประท้วงที่รุนแรงหลายครั้งในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว พวกเขาบอกว่า ฮ่องกงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว หลังจากต้องเผชิญกับการประท้วงยืดเยื้อนานหลายเดือนที่มีชนวนมาจากร่างกฎหมายที่เสนอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ได้ สิ่งที่สามีภรรยาคู่นี้มองเห็นคือ รัฐบาลที่ไม่ฟังเสียงประชาชน และตำรวจที่ใช้กำลังกับประชาชนโดยไม่มีการยับยั้ง ลูกสาวของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างมากจากการประท้วง แม้ว่าทางครอบครัวไม่ได้เข้าร่วมการประท้วงเพราะทั้งสองคนทำงานที่ธนาคารของจีนแห่งหนึ่ง ซึ่งพนักงานจะถูกไล่ออกหากเข้าร่วมประท้วง “ลูกโกรธและหงุดหงิดมาก เธอถาม ลูกถามตลอดว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ทางการถึงทำกับเราอย่างนั้น” เซเรนาเล่า เธอบอกว่าลูกสาวบอกกับเธอและสามีว่า…

ตาลิบานถล่มที่ทำการสายลับอัฟกานิสถาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

Loading

Explosions in Samangan province, Afghanistan ทางการอัฟกานิสถานรายงานว่า เหตุโจมตีล่าสุดโดยกลุ่มตาลิบานส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 63 คน รายงานข่าวระบุว่า การจู่โจมที่ทำการกองอำนวยการความมั่นคงแห่งชาติ (National Directorate of Security – NDS) ในจังหวัดซามาร์คันด์ ทางตอนเหนือของอัฟกานิสถานโดยกองกำลังตาลิบานนี้ เกิดขึ้นหลังมีการโจมตีกองทัพอัฟกานิสถานมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ทหารของอัฟกานิสถานเสียชีวิตไปหลายรายแล้ว ขณะที่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอาจส่งผลต่อความพยายามของสหรัฐฯ ในการเจรจาสร้างสันติภาพในภูมิภาคนี้ด้วย อับดุล อิบราฮิมิ ผู้ว่าการจังหวัดซามาร์คันด์ บอกกับผู้สื่อข่าว วีโอเอ ว่า ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมีผู้หญิงอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง ต้องตกเป็นเหยื่อของการโจมตีครั้งล่าสุดในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ทั้งนี้ กองกำลังตาลิบานยืนยันว่าได้ส่งเครื่องบินรบ 3 ลำทำปฏิบัติการณ์ล่าสุด ซึ่งสามารถทำการสังหารบุคลากรของหน่วย NDS และทำใหมีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดี รายงานข่าวว่า การออกมากล่าวอ้างประกาศความสำเร็จในการโจมตีใดๆ ของกลุ่มติดอาวุธก่อความไม่สงบมักจะเป็นการพูดเกิดความจริงเสมอ เจ้าหน้าที่จังหวัดซามาร์คันด์ กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นนั้นเป็นฝีมือของมือระเบิดฆ่าตัวตาย จุดระเบิดรถที่จอดอยู่ที่หน้าทางเข้าหลักของที่ทำการ NDS เพื่อเปิดทางให้สมาชิกกลุ่มคนอื่นๆ เข้าจู่โจมภายในและปะทะกับกองกำลังอัฟกานิสถานอยู่หลายชั่วโมง การโจมตีหน่วยงานสายลับของอัฟกานิสถานครั้งนี้ เป็นเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง…

‘อิหร่าน’ยอมรับโรงงานนิวเคลียร์เสียหาย ลือวินาศกรรมไซเบอร์ต้นเหตุไฟไหม้ ขณะผบ.นาวีขู่ เตหะรานสร้าง ‘เมืองขีปนาวุธใต้ดิน’ ตลอดแนวชายฝั่ง

Loading

ภาพอาคารที่ได้รับความเสียหายหลังหนึ่ง ภายหลังเกิดไฟไหม้ขึ้นที่โรงงานนิวเคลียร์ “นาตันซ์” ของอิหร่าน ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดอิสฟาฮานของอิหร่าน เมื่อวันพฤหัสบดี (2 ก.ค.) ที่ผ่านมา ภาพนี้สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รับจาก องค์การพลังงานปรมาณูอิหร่าน/สำนักข่าว WANA เอเจนซีส์ – อิหร่านยอมรับโรงงานนิวเคลียร์ใต้ดิน “นาตันซ์” ของตนเสียหายหนักจากไฟไหม้เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยเจ้าหน้าที่บางคนระบุว่า อาจเป็นการก่อวินาศกรรมในระบบไซเบอร์ เจ้าหน้าที่นิวเคลียร์ของอิหร่านระบุในวันอาทิตย์ (5 ก.ค.) ขณะที่ผู้บัญชาการกองทัพเรือของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านประกาศในวันเดียวกันว่า เตหะรานสร้าง “เมืองขีปนาวุธ” ใต้ดินไว้ตลอดแนวชายฝั่ง และเตือนศัตรูจะต้องเจอ “ฝันร้าย” หลังจากเกิดไฟไหม้ที่โรงงานนาตันซ์เมื่อวันพฤหัสบดี (2) สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการเตหะรานเผยแพร่บทความชิ้นหนึ่งในวันเดียวกัน กล่าวถึงความเป็นไปได้การก่อวินาศกรรมโดยศัตรูอย่างอิสราเอลและอเมริกา แต่ไม่ได้มีการกล่าวหาประเทศใดโดยตรง วันรุ่งขึ้น (3) เจ้าหน้าที่อิหร่าน 3 คนที่ไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อ บอกกับสำนักงานข่าวรอยเตอร์ว่า เชื่อว่า เหตุไฟไหม้เป็นผลจากการโจมตีทางไซเบอร์ แต่ก็ไม่ได้แสดงหลักฐานยืนยัน ต่อมาในวันอาทิตย์ (5) รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลไม่จำเป็นต้องอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ลึกลับในอิหร่านทุกครั้ง ในวันอาทิตย์เช่นกัน ไออาร์เอ็นเอยังรายงานโดยอ้างคำพูดของ เบห์รุซ คามัลวานดี โฆษกองค์การพลังงานปรมาณูอิหร่านว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้การพัฒนาเครื่องหมุนเหวี่ยงขั้นสูงเพื่อเพิ่มสมรรนะยูเรเนียมของอิหร่านต้องล่าช้าในระยะปานกลาง แต่ประเทศของเขาจะติดตั้งอุปกรณ์ขั้นสูงกว่ามาใช้แทนอุปกรณ์ที่เสียหาย โฆษกผู้นี้สำทับว่า ถีงแม้โรงงานได้รับความเสียหาย…

ยักษ์ใหญ่เทคโนฯ ต้านกฎหมายความมั่นคงใหม่ฮ่องกง ให้อำนาจรัฐเซ็นเซอร์โลกออนไลน์

Loading

สำนักข่าวเอเอฟพีว่า ทางการจีนเริ่มเดินหน้าใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่สำหรับฮ่องกง ในการเซ็นเซอร์อินเตอร์เน็ตและการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานในฮ่องกง โดยแผนการสกัดกั้นบนโลกออนไลน์ของกฎหมายใหม่นี้ ถูกเผยแพร่ออกมาในเอกสารของรัฐบาล 116 หน้าเมื่อช่วงคืนวันที่ 6 กรกฎาคม ซึ่งยังชี้ให้เห็นถึงการเพิ่มอำนาจให้แก่ตำรวจในการออกหมายเพื่อบุกค้นและเฝ้าระวัง โดยก่อนหน้านี้ จีนไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายความมั่นคงต่อฮ่องกง ยกเว้นเรื่องการห้ามการก่อการร้าย การล้มล้าง การแยกตัว และการสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างชาติ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการออกมารับรองว่าจะมีกลุ่มคนที่ตกเป็นเป้าของกฎหมายนี้จำนวนไม่มาก แต่รายละเอียดที่ออกมาแสดงให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในเรื่องเสรีภาพและสิทธิของผู้คนในฮ่องกง นับตั้งแต่อังกฤษคืนเกาะฮ่องกงให้จีน เมื่อปี ค.ศ.1997 โดยกฎหมายใหม่ ยังให้อำนาจแก่รัฐบาลในเรื่องโลกออนไลน์อย่างเต็มที่ ตำรวจจะมีอำนาจในการควบคุมและยกเนื้อหาออนไลน์ออกได้ หากมีเหตุผลมากพอว่าเป็นข้อมูลที่ต้องสงสัยว่าจะละเมิดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ และบริษัทอินเตอร์เน็ต รวมทั้งผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต สามารถถูกสั่งให้ถอดเนื้อหา และถูกยึดอุปกรณ์ ถูกปรับเงิน รวมทั้งถูกจำคุก 1 ปี หากปฏิเสธที่จะทำตามกฎหมาย และอาจจะต้องให้บันทึกข้อมูลส่วนบุคคลและช่วยถอดรหัสการเข้าถึงด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจากอเมริกา อย่างเฟซบุ๊ก กูเกิล และทวิตเตอร์ ต่างออกมาปฏิเสธการที่รัฐบาลหรือตำรวจฮ่องกงจะมาขอข้อมูลผู้ใช้งาน เนื่องจากเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล นางแคร์รี หล่ำ ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ปกป้องกฎหมายความมั่นคงใหม่สำหรับฮ่องกง ที่รัฐบาลปักกิ่งเพิ่งผ่านร่างกฎหมายไป ว่า เป็นกฎหมายที่จะช่วยฟื้นฟูเสถียรภาพและความเชื่อมั่นของฮ่องกง ซึ่งรัฐบาลฮ่องกงจะนำกฎหมายดังกล่าวมาใช้อย่างเข้มแข็ง พร้อมกับขอเตือนล่วงหน้าสำหรับพวกสุดโต่งว่าอย่าได้พยายามที่จะละเมิดกฎหมาย…

ผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นชี้ การใช้โดรนสังหารพล.อ.โซไลมานี “ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ”

Loading

REUTERS/Aziz Taher/File Photo สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวนด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยการสอบสวนเหตุการณ์ที่สหรัฐใช้โดรนโจมตีในอิรักและสังหารพล.อ.คาเซม โซไลมานี ผู้บัญชาการกองทัพพิทักษ์ปฏิวัติของอิหร่าน และพรรคพวกอีก 9 คน ว่า เป็นการกระทำที่ละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ นางอักเนส์ คาญามาร์ ผู้เสนอรายงานการประชุมพิเศษของยูเอ็น ว่าด้วยการสังหารอย่างไม่เคารพกฎหมาย การประหารชีวิตอย่างรวดรัด หรือประหารตามอำเภอใจ ระบุว่า สหรัฐอเมริกาไม่สามารถหาหลักฐานที่เพียงพอเกี่ยวกับการโจมตีอย่างต่อเนื่องหรืออย่างจวนเจียนต่อผลประโยชน์ของตัวเอง เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีขบวนรถของพล.อ.โซไลมานี ขณะออกจากสนามบินในกรุงแบกแดด และว่า การโจมตีดังกล่าวถือเป็นการละเมิดต่อกฎบัตรของยูเอ็น โดยคาญามาร์ ได้เขียนในรายงานเรียกร้องให้มีการออกมารับผิดชอบการต่อการสังหารโดยใช้โดรนเป็นอาวุธและเรียกร้องให้มีกฎบังคับเกี่ยวกับอาวุธที่เข้มงวดขึ้น คาญามาร์ ผู้สอบสวนอิสระ บอกกับรอยเตอร์ด้วยว่า ตอนนี้โลกอยู่ในช่วงวิกฤต และอาจจะเป็นช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อ เมื่อมีการใช้โดรน คณะมนตรีความมั่นคงพลาดอะไรไปบางอย่าง ขณะที่ประชาคมระหว่างประเทศ ต่างพากันเงียบในเรื่องนี้ ซึ่งคาญามาร์ เตรียมนำเสนอรายงานดังกล่าวต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้มีการหารือกันในเรื่องดังกล่าว ————————————————————– ที่มา : มติชนออนไลน์ / 7 กรกฎาคม 2563 Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_2257157