พกปืนมาด้วย?! สนามบินสหรัฐฯ ยึดปืนจากผู้โดยสารเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวเมื่อปีก่อน

Loading

  สำนักงานดูแลความปลอดภัยด้านการคมนาคมของสหรัฐฯ หรือ TSA เผยหน่วยงานด้านความปลอดภัยที่สนามบินทั่วอเมริกา ยึดอาวุธปืนจากผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเท่าตัว ทำสถิติใหม่เมื่อปีที่แล้ว ตามรายงานของ Associated Press หน่วยงาน TSA เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า เมื่อปี 2020 เพียงปีเดียว เจ้าหน้าที่ตามจุดตรวจที่สนามบินทั่วประเทศ ยึดอาวุธปืนจากผู้โดยสารเที่ยวบินต่างๆ หรือจากกระเป๋าสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่องบินของผู้โดยสารได้ราว 3,257 กระบอก หรือเท่ากับว่าผู้โดยสาร 1 ล้านคน จะมีอาวุธปืนติดตัวมาด้วยราว 10 คน ขณะที่อาวุธปืนราว 83% อยู่ในสัมภาระที่เก็บใต้ท้องเครื่อง ที่น่าสนใจคือ การยึดอาวุธปืนที่สนามบินต่างๆ ในอเมริกาเพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2019 จากที่ผู้โดยสารเครื่องบินเฉลี่ย 5 คน จากทุกๆ 1 ล้านคน จะพกพาอาวุธปืนมาที่สนามบิน แต่ยอดนักท่องเที่ยวเดินทางโดยเครื่องบินในปี 2019 มากกว่าในปี 2020 ถึง 500 ล้านคน จากวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้การเดินทางโดยเครื่องบินลดฮวบ ทาง TSA ยังพบว่า 5 สนามบินในอเมริกาที่พบการพกพาอาวุธปืนของผู้โดยสารมากที่สุดเมื่อปีที่แล้ว…

กองทัพเมียนมาบล็อก’เฟซบุ๊ก’ ด้วยเหตุผล’ความมั่นคง’

Loading

  “เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านความมั่นคงภายใน” รัฐบาลทหารเมียนมาสั่งปิดกั้นการเข้าถึงเฟซบุ๊ก และบริการในเครือทั้งหมด จนถึงวันอาทิตย์นี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ว่ากระทรวงการสื่อสารของเมียนมาออกแถลงการณ์ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ว่าบริการเฟซบุ๊กในประเทศจะไม่สามารถใช้งานได้ จนถึงวันที่ 7 ก.พ.นี้ “ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง” เนื่องจากตรวจสอบพบว่า “บุคคลบางกลุ่ม” กำลังบ่อนทำลายเสถียรภาพด้านความมั่นคงภายในเมียนมา ด้วยการเผยแพร่ข่าวเท็จ และข้อมูลอันบิดเบือน ขณะที่ เน็ตบล็อกส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรอิสระสังเกตการณ์ด้านการใช้อินเทอร์เน็ต ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เอ็มพีที ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของเมียนมา ไม่ได้เพียงปิดกั้้นการเข้าถึงเฟซบุ๊ก แต่ยังรวมถึงอินสตาแกรม เมสเซนเจอร์ เซอร์วิส และวอตต์สแอปป์ ซึ่งเป็นบริการในเครือของเฟซบุ๊กด้วย The move comes amid growing expressions of outrage over the coup by Myanmar citizens, who have turned to social media to express…

ดูเต็มอิ่ม! ประมวลภาพทหารอเมริกันติดอาวุธทั่วรัฐสภาสหรัฐ คุ้มกันพิธีสาบานตน

Loading

14 มกราคม 64 ภาพทหารอเมริกันติดอาวุธจากกองกำลังพิทักษ์ชาติสหรัฐ หรือกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ กว่า 10,000 นาย ที่ถูกไปคุ้มกันรักษาความปลอดภัยทั้งภายในและนอกอาคารรัฐสภาสหรัฐ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อดูแลความปลอดภัยในช่วงพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังจากเกิดเหตุจลาจลเมื่อกลุ่มผู้ชมนุมที่สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บุกเข้าไปในรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 มกราคม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน และสร้างความเสียหายให้กับอาคารสถานที่และทรัพย์สินจำนวนมาก ว่ากันว่ากองกำลังติดอาวุธจำนวนมากนี้มีจำนวนมากกว่าจำนวนทหารสหรัฐในอิรักและอัฟกานิสถานเสียอีก หลังจากสำนักงานสอบสวนกลาง ( เอฟบีไอ ) มีจดหมายเวียนเป็นการภายใน ให้เจ้าหน้าที่ยกระดับมาตรการจับตา การเตรียมการของกลุ่มขวาจัดติดอาวุธ ซึ่งมีแนวโน้มจะจัดการชุมนุมในทั้ง 50 รัฐ และกรุงวอชิงตันตั้งแต่ปลายสัปดาห์นี้ ต่อเนื่องไปจนถึงวันสาบานตนของไบเดน                                      …

สหรัฐคุมเข้มวีซ่าสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน จาก 10 ปี เหลือ 1 เดือน

Loading

แม้จะมีเวลาเพียงไม่มากที่รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะพ้นจากตำแหน่ง แต่ความพยายามในการเล่นงานจีน ยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ออกกฎควบคุมการเดินทางมายังสหรัฐของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนรวมถึงครอบครัว โดยมีการลดระยะเวลาการออกวีซ่าสำหรับนักธุรกิจนักท่องเที่ยวประเภท B1/B2 จาก 10 ปีลงเหลือเพียง 1 เดือนเท่านั้น แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อปกป้องสหรัฐจากอิทธิพลอันเป็นภัย พร้อมกับระบุว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนพยายามที่จะสร้างอิทธิพลในสหรัฐผ่านการโฆษณาชวนเชื่อ การบีบบังคับทางเศรษฐกิจ และการดำเนินกิจกรรมอันชั่วร้าย กระทรวงต่างประเทศสหรัฐยังระบุด้วยว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 90 ล้านคนยังได้ส่งเจ้าหน้าที่รัฐมายังสหรัฐ เพื่อทำการเฝ้าจับตา ข่มขู่คุกคาม รวมถึงรายงานการดำเนินการของคนจีน และกลุ่มชาวอเมริกันเชื้อสายจีนอย่างปราศจากความละอาย ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนก็ประณามการดำเนินการของสหรัฐทันทีว่า เป็นที่ชัดเจนว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะขยายการเล่นงานจีนโดยกลุ่มต่อต้านจีนสุดโต่งในสหรัฐ ซึ่งดำเนินการทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานอคติทางความคิดและทัศนคติแบบช่วงสงครามเย็นที่ฝังรากลึก —————————————————- ที่มา : มติชนออนไลน์ / 4 ธันวาคม 2563 Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_2471383

โคตรเซียน “ไอโอ” คือไอโอรัสเซีย

Loading

ประเทศที่ทำไอโอมากที่สุดในโลกและสำเร็จมากที่สุด รัสเซียทำอย่างไรและกำลังมุ่งไปทางไหน กลยุทธ์การรบแบบสับขาหลอกของรัสเซีย (หรือสหภาพโซเวียตในขณะนั้นฉ ที่โด่งดังมากในช่วงสงครามเย็นคือสิ่งที่เรียกว่า “มาสกิรอฟสกา” (Maskirovka) ซึ่งแปลว่าการอำพราง แต่มันมีความหมายมากกว่านั้น สารานุกรมการทหารของสหภาพโซเวียตในปี 1944 นิยาม “มาสกิรอฟสกา” ว่าเป็นวิธีการรักษาที่มั่นในการปฏิบัติการรบโดยอาศัย “ความซับซ้อนของมาตรการเป็นการชี้นำให้ศัตรูเข้าใจผิด” โดยสรุปก็คือ “มาสกิรอฟสกา” คือการใช้กลยุทธ์อำพราง ซ่อนเร้น หรือแม้แต่การทำแบบเปิดเผยเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด หรือใช้ภาษาชาวบ้านทุกวันนี้ก็คือ “ปฏิบัติการไอโอ” (Information Operations) ในระยะหลัง “มาสกิรอฟสกา” ไม่ใช่แค่การอำพรางในสนามรบ แต่ยังรวมถึงกลยุทธ์การเมืองและการทูตรวมถึงการบิดเบือน “ข้อเท็จจริง” เกี่ยวกับสถานการณ์และการรับรู้ที่จะส่งผลกระทบต่อสื่อมวลชนและความคิดเห็นทั่วโลก เพื่อบรรลุหรืออำนวยความสะดวกในด้านยุทธวิธียุทธศาสตร์ระดับชาติและเป้าหมายระหว่างประเทศ ปฏิบัติการที่ทำให้สื่อและความเห็นสาธารณะเข้าใจผิดคือการปล่อย “ความเท็จ” เพื่อสร้าง “ความจริงใหม่” ทำให้อีกฝ่ายถูกหลอกด้วยข่าวปลอมที่คิดว่าเป็นความจริงจนกระทั่งกลายเป็นหมูในอวยของฝ่ายศัตรู หลังสิ้นสุดสงครามเย็นแล้ว “มาสกิรอฟสกา” หายเข้ากลีบเมฆไปเพราะรัสเซียอ่อนแอลงและโลกไม่ได้เป็นสนามชิงอำนาจของประเทศใหญ่ๆ อีก จนกระทั่งถึงช่วงปลายทศวรรษที่ 2010 “มาสกิรอฟสกา” ก็เริ่มคืบคลานกลับเข้ามาอีก และมันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ รัสเซียกลับมาแข็งแกร่งมากขึ้ภายใต้การบริหารของวลาดิมีร์ ปูติน ขณะเดียวกันชาติตะวันตกก็พยายามบีบรัสเซียด้วยการรุกคืบเข้าในเขตอิทธิพลเดิมของรัสเซียคือยุโรปตะวันออกและอดีตประเทศในเครือสหภาพโซเวียต เหตุการณ์ที่นำไปสู่การแตกหักคือความวุ่นวายในยูเครน กรณีนี้ทำให้ “กลยุทธ์ไอโอสับขาหลอก” กลับมาผงาดอีกครั้ง มาเรีย สเนโกวายา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ทำการวิเคราะห์การทำสงครามข้อมูลข่าวสารของปูตินในกรณียูเครนเอาไว้โดยบอกว่ารัสเซียใช้รูปแบบสงครามลูกผสมขั้นสูง (Hybrid warfare) ในยูเครนตั้งแต่ต้นปี 2014 โดยใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “การควบคุมแบบสะท้อนกลับ” “การควบคุมแบบสะท้อนกลับ” (Reflexive Control) คือวิธีการถ่ายทอดข้อมูลไปยังคู่ต่อสู้ โดยใช้ชุดข้อมูลเตรียมไว้เป็นพิเศษเพื่อโน้มน้าวให้เขาตัดสินใจล่วงหน้าโดยสมัครใจตามที่ผู้ริเริ่มปฏิบัติการกระทำต้องการให้เป็นอย่างนั้น สรุปสั้นๆ…

คาร์บอมบ์โจมตีภาคกลางอัฟกานิสถาน เจ้าหน้าที่ดับ 30

Loading

รอยเตอร์ – เกิดเหตุคาร์บอมบ์โจมตีจังหวัดกาซนี( Ghazni) ภาคกลางของอัฟกานิสถาน มีผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่ 30 นาย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 24 ราย ยังไม่มีผู้ใดออกมาประกาศแสดงความรับผิดชอบ รอยเตอร์รายงานวันนี้(29 พ.ย)ว่า นายแพทย์ บาซ โมฮัมหมัด เฮหมัด ( Baz Mohammad Hemat) ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำจังหวัดกาซนี(Ghazni) ภาคกลางของอัฟกานิสถาน กล่าวให้ข้อมูลว่า มีร่างผู้เสียชีวิต 30 คน และผู้ได้รับบาดเจ็บ 24 คน ได้ถูกส่งตัวเข้ามาที่นี่ และชี้ว่า “เหยื่อทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ความมั่นคง” ทั้งนี้พบว่าการระเบิดมีเป้าหมายที่ตั้งของกองกำลังปกป้องสาธารณะซึ่งเป็นปีกของกองกำลังความมั่นคงอัฟกัน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเปิดเผย การโจมตีสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนพลเรือนโดยรอบที่ตั้งกองกำลังปกป้องสาธารณะ พวกเขายังชี้ว่า อาจจะมีตัวเลขสูญเสียที่นั่นเพิ่มมากขึ้น ขณะที่โฆษกกระทรวงมหาดไทยอัฟกานิสถานได้ออกมายืนยันเหตุโจมตีด้วยคาร์บอมบ์ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดออกมา อย่างไรก็ตามในเวลานี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาประกาศแสดงความรับผิดชอบ รอยเตอร์รายงานว่า ซาบิฮุลลาห์ มูจาฮิด( Zabihullah Mujahid) โฆษกกลุ่มตอลิบานไม่ได้กล่าวยอมรับหรือปฎิเสธในความรับผิดชอบเมื่อถูกถามทางโทรศัพท์ นอกจากนี้ในวันอาทิตย์(29)ยังเกิดเหตุระเบิดอีกที่ในจังหวัดซาบูล( Zabul)ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน โดยมีเป้าหมายไปที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำจังหวัด แต่ทว่าการโจมตีทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 1 คน และบาดเจ็บอีก…