โดรนติดอาวุธสหรัฐสังหารแกนนำระดับสูงอัล-กออิดะห์ในซีเรีย

Loading

  อากาศยานไร้คนขับแบบติดอาวุธของสหรัฐ สังหารสมาชิกระดับสูงของกลุ่มอัล-กออิดะห์ ในซีเรีย สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ว่าศูนย์บัญชาการภูมิภาคกลางของกองทัพสหรัฐ (เซนต์คอม) เผยแพร่แถลงการณ์ เมื่อวันศุกร์ ว่าได้ส่งอากาศยานควบคุมทางไกลแบบติดอาวุธครบมือ รุ่น “เอ็มคิว-นาย รีเปอร์” (MQ-9 Reaper) หรือ “พรีเดเตอร์-บี” (Predator B) โจมตีเป้าหมายที่เมืองซูลุก ในจังหวัดรักกา ทางเหนือของซีเรีย เมื่อวันศุกร์ โดยได้สังหารนายอับดุล ฮามิด อัล-มาตาร์ หนึ่งในสมาชิกอาวุโสของกลุ่มอัล-กออิดะห์ ในซีเรีย   U.S. strike in the vicinity of Suluk, Syria, Oct. 22, 2021https://t.co/9OBPch45f8 — U.S. Central Command (@CENTCOM) October 22, 2021   เบื้องต้นเซนต์คอมยืนยัน ยังไม่พบผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีครั้งนี้ และยืนยันว่า…

เกิดเหตุระเบิดรถโดยสารกองทัพบกซีเรีย สังหารอย่างน้อย 14 ชีวิต

Loading

  เมื่อวันพุธ สื่อทางการซีเรียรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดรถโดยสารของกองทัพบกซีเรียในกรุงดามัสกัส จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน เหตุโจมตีดังกล่าวเป็นหนึ่งในเหตุร้ายแรงที่สุดในกรุงดามัสกัส นับตั้งแต่กองกำลังของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ขับไล่กองกำลังของฝ่ายต่อต้านออกจากชานเมืองหลวงของซีเรียเมื่อปีค.ศ. 2018 อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ระหว่างรัฐบาลซีเรียกับกลุ่มกองกำลังที่ดำเนินมาสิบปี ก็ยังคงดำเนินต่อไปในพื้นอื่น ๆ ของประเทศ ยังไม่มีผู้ใดแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุดังกล่าวโดยทันที โดยเหตุระเบิดนี้เกิดใกล้กับจุดเปลี่ยนรถซึ่งมักคลาคล่ำไปด้วยผู้โดยสารและนักเรียน สื่อทางการของซีเรียรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากกองทัพว่า ระเบิดสองลูกถูกติดตั้งในรถโดยสารคันดังกล่าวก่อนที่รถคันดังกล่าวจะขนส่งเจ้าหน้าที่กองทัพบก และต่อมากองทัพบกได้ถอดสลักระเบิดลูกที่สามออกได้ ทั้งนี้ หนึ่งในเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดของกรุงดามัสกัสเกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ. 2017 โดยมือระเบิดพลีชีพก่อเหตุที่อาคารตุลาการและร้านอาหาร เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 60 คน กลุ่มรัฐอิสลามอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แม้กลุ่มรัฐอิสลามไม่ได้ประกาศคุมพื้นที่ในซีเรียนับตั้งแต่ปีค.ศ. 2019 แต่ยังคงเป็นภัยคุกคามโดยซุ่มกองกำลังในทะเลทรายของซีเรีย ก่อนเกิดเหตุระเบิดครั้งนี้ไม่นาน กองทัพบกซีเรียบุกเมืองอะริฮา ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของกลุ่มแข็งข้อต่อต้านแห่งสุดท้ายทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยสิบคน รวมทั้งเด็กสี่คนและผู้หญิงหนึ่งคน กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของซีเรียระบุว่า เหตุโจมตีของกองทัพบกซีเรียทำให้มีผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือนมากที่สุดในย่านเมืองอิดลิบ นับตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเจรจาข้อตกลงพักรบโดยตุรกีและรัสเซีย อย่างไรก็ตาม กลับมีการละเมิดข้อตกลงดังกล่าวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่นั้นมา   (ข้อมูลบางส่วนจากสำนักข่าว The Associated Press สำนักข่าว AFP และสำนักข่าวรอยเตอร์)   ————————————————————————————————————————————————…

เจ้าสาวไอเอสเผย เตรียมกลับอังกฤษ สู้ข้อหาก่อการร้าย หลังถูกถอดถอนสัญชาติ

Loading

  เจ้าสาวไอเอสเผย – วันที่ 15 ก.ย. เอเอฟพี รายงานความคืบหน้ากรณีที่น.ส.ชามีมา เบกุม วัย 22 ปี พลเมืองสัญชาติอังกฤษ เชื้อชาติบังกลาเทศ ผู้ถูกถอดถอนสัญชาติผู้ดี หลังเดินทางออกจากกรุงลอนดอน พร้อมเพื่อนโรงเรียน 2 คน เมื่อปี 2558 ด้วยเพียงอายุ 15 ปี ในเวลานั้น เพื่อเข้าร่วมกลุ่มรัฐอิสลามในซีเรีย จากนั้น แต่งงานกับนักรบไอเอสจึงได้รับการขนานนามเป็น “เจ้าสาวไอเอส”   ล่าสุด น.ส.เบกุมกล่าวว่าจะเตรียมเดินทางกลับไปอังกฤษ ต่อสู้ข้อหาการก่อการร้ายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง แม้ว่าศาลสูงสุดของอังกฤษจะมีคำตัดสินเมื่อปลายเดือนก.พ.ปีนี้ ไม่อนุญาตให้น.ส.เบกุมเดินทางกลับอังกฤษเพื่อคัดค้านคำตัดสินของรัฐบาล แต่น.ส.เบกุมปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการเตรียมการก่อการร้าย “ฉันจะไปศาลและเผชิญหน้าผู้กล่าวหา และปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ เนื่องจากฉันรู้ว่า ฉันไม่ได้ทำอะไรในไอเอส แต่ทำหน้าที่แม่และภรรยาคนหนึ่ง ข้อกล่าวหาเหล่านี้ทำให้ฉันดูแย่ลงเพราะรัฐบาลไม่มีข้อมูลใดเกี่ยวกับฉัน ไม่มีหลักฐานเพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้น” น.ส.เบกุมให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ ไอทีวี ของอังกฤษ     น.ส.เบกุม กล่าวว่า ความผิดเดียวที่เธอก่อคือ “โง่พอที่จะเข้าร่วมไอเอส” และขอความเมตตาจากทุกคนที่สูญเสียคนรักจากนักรบไอเอส “ฉันเสียใจมากหากเคยทำให้ใครขุ่นเคืองกับการมาที่นี่ หากทำให้ใครขุ่นเคืองกับสิ่งที่ฉันพูด”…