ยูเอ็นรับรอง “อนุสัญญาปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์” ฉบับแรกของโลก

Loading

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ว่า หลังเจรจานานเป็นเวลา 3 ปี และการประชุมครั้งสุดท้าย 2 สัปดาห์ในนครนิวยอร์ก รัฐสมาชิกได้ลงมติเห็นชอบ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ หลังจากนี้จะถูกส่งต่อไปยังที่ประชุมสมัชชาใหญ่ เพื่อให้รับรองอย่างเป็นทางการ

บทบาทสำคัญของ กองกำลังติดอาวุธ ตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐในตะวันออกกลาง

Loading

สงครามอิสราเอล-ฮามาส เป็นเครื่องยืนยันขีดความสามารถของตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐ (non-state actors) ในการกำหนดสถานการณ์แทนรัฐบาล เพราะ “กองกำลังติดอาวุธ กลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ” ส่วนใหญ่ไม่รู้สึกว่าพวกตนต้องรับผิดชอบสวัสดิภาพของประชาชนในชาติ

ศาลอาญาระหว่างประเทศ เตรียมสืบสวนกรณีสังหารหมู่ในซูดาน

Loading

  ศาลอาญาระหว่างประเทศ กำลังสืบสวนความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศซูดาน หลังเกิดสงครามกลางเมือง ที่คาดกันว่าทหารอาจก่อเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์   เกือบสามเดือนแล้วที่ซูดานเกิดสงครามกลางเมืองและจนถึงวันนี้สถานการณ์ก็ยังไม่สงบ ล่าสุดศาลอาญาระหว่างประเทศกำลังสืบสวนความรุนแรงที่เกิดขึ้นในรัฐเวสต์ดาร์ฟูร์ เนื่องจากพบหลุมฝังศพหมู่ที่ภายในเต็มไปด้วยร่างของผู้เสียชีวิตที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ส่งผลให้คาดกันว่า ทหารอาจก่อเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์   เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้แทนของศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC ได้รายงานต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือ UNHCR ที่มีสำนักงานในนครนิวยอร์กว่า     ทาง ICC เตรียมที่จะเปิดการสืบสวนกรณีการสังหารหมู่และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในซูดาน หลังประเทศนี้ตกอยู่ในความโกลาหลจากสงครามกลางเมืองมานานเกือบสามเดือนแล้ว   คาริม ข่าน อัยการจาก ICC ทำหน้าที่เป็นผู้รายงาน ระบุว่า ข้อมูลที่ทาง ICC ได้รับและนำมาสู่การสืบสวนนั้นมาจากรายงานของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนที่ฉายรายละเอียดเกี่ยวกับการสังหารชาวมาซาลิต หนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ของชาวซูดานอย่างน้อย 87 ราย ในรัฐเวสต์ดาร์ฟูร์ รายานระบุว่า ผู้สังหารคือ กองทัพซูดานและกองกำลัง RSF   อัยการจาก ICC ระบุว่า ขณะนี้พวกเขากำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนและเก็บข้อมูล และความเสียหายที่แท้จริงนั้นมีมากกว่าแค่การเสียชีวิตของสมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์จำนวน 87 ราย และอาชญากรรมเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดธรรมนูญกรุงโรมที่นานาชาติเคยให้สัตยาบัน  …

สังคมโลก : ไม่มีวี่แวว

Loading

    นับตั้งแต่การสู้รบในซูดานปะทุขึ้นอย่างฉับพลัน เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา กรุงคาร์ทูมในอีก 1 เดือนต่อมา คือพื้นที่สงครามอันอ้างว้าง ซึ่งยังมีหลายครอบครัวที่หวาดกลัวหลบอยู่ในบ้านของพวกเขา ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังสนั่นบนท้องถนนด้านนอกที่รกร้างและเต็มไปด้วยฝุ่น   ทั่วกรุงคาร์ทูม ผู้รอดชีวิตต่างหลบภัยในบ้านที่เสริมการป้องกัน โดยหวังว่าพวกเขาจะไม่โดนลูกหลง และอดทนต่อการขาดแคลนอาหารและสิ่งของพื้นฐานที่สิ้นหวัง เช่นเดียวกับการเผชิญปัญหาไฟฟ้าดับ, การขาดเงินสด, การสื่อสารที่ขาดหาย และภาวะเงินเฟ้อที่ควบคุมไม่ได้   ขณะที่ทหารสองฝ่ายกำลังต่อสู้กัน บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐที่เหลืออยู่ต่างถอยร่น ไปปักหลักที่เมืองพอร์ตซูดาน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงคาร์ทูมประมาณ 850 กิโลเมตร และเป็นศูนย์กลางสำหรับผู้อพยพจำนวนมาก ทั้งชาวซูดานและพลเมืองชาวต่างชาติ     ซูดานมีประวัติศาสตร์เชื่อมโยงกับการรัฐประหารมาอย่างยาวนาน แต่ความหวังของประเทศเพิ่มขึ้นหลังเกิดการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย จนนำไปสู่การประท้วงต่อต้านประธานาธิบดีโอมาร์ อัล-บาเชียร์ เมื่อปี 2562 แม้มีรัฐบาลพลเรือนในช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่เป็นได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น จนกระทั่งเกิดการรัฐประหารครั้งล่าสุด ในปี 2564   สำหรับชนวนเหตุของสงครามกลางเมืองในซูดานครั้งนี้ เป็นผลจากความตึงเครียดเกี่ยวกับการผนวกรวมกองกำลังเพื่อจัดตั้งกองทัพแห่งชาติ โดย พล.อ.อับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์ฮาน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของซูดาน ซึ่งอยู่ในฐานะผู้นำประเทศคนปัจจุบัน และ พล.อ.โมฮาเหม็ด…

สหรัฐฯ อพยพพลเมืองอเมริกันชุดแรกหนีสงครามกลางเมืองซูดาน

Loading

    ชาวอเมริกันหลายร้อยคนเดินทางออกจากซูดานผ่านทางท่าเรือเมื่อวันเสาร์ ถือเป็นพลเมืองอเมริกันชุดแรกที่อพยพออกจากซูดานโดยความช่วยเหลือของรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากเกิดการสู้รบกลางเมืองในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างกองทัพบกซูดานกับกองกำลังกึ่งทหาร   เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ของสหรัฐฯ เฝ้าจับตาและคุ้มกันการอพยพประชาชนอเมริกันจำนวน 200-300 คนดังกล่าว ซึ่งเริ่มต้นจากการเดินทางด้วยขบวนรถโดยสารเป็นระยะทางกว่า 800 กิโลเมตรไปยังพอร์ตซูดาน เพื่อขึ้นเรือโดยสารข้ามทะเลแดงมุ่งหน้าไปยังซาอุดิอาระเบียที่ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่การทูตของรัฐบาลสหรัฐฯ รอให้ความช่วยเหลือ   ก่อนหน้านี้ ครอบครัวของชาวอเมริกันที่ติดอยู่ในซูดานวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลกรุงวอชิงตันที่ไม่ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังซูดานเพื่อช่วยอพยพพลเมืองอเมริกันออกมา โดยคาดว่ามีชาวอเมริกันอาศัยอยู่ในซูดานราว 16,000 คนที่ต้องการลี้ภัยหนีสงครามกลางเมือง   เมื่อวันที่ 22 เมษายน กองกำลังพิเศษของอเมริกาเดินทางไปยังกรุงคาร์ทูมเพื่อช่วยเหลือนำบรรดาเจ้าหน้าที่การทูตและเจ้าหน้าที่รัฐบาลอเมริกันออกจากซูดานไปล่วงหน้าแล้ว พร้อมสั่งปิดสถานทูตสหรัฐฯ ในซูดาน แต่ยังมีพลเมืองอเมริกันจำนวนมากที่ตกค้างอยู่ในซูดาน     จนถึงขณะนี้ มากกว่าสิบประเทศ ได้นำตัวพลเมืองของตนออกมาจากซูดานแล้ว โดยใช้หลายวิธีด้วยกัน รวมถึงขบวนรถโดยสาร เครื่องบินทหาร เรือของกองทัพเรือ และเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน รวมทั้งประเทศไทยที่ได้ส่งเครื่องบินไปรับตัวพลเมืองชาวไทยออกจากซูดานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา   นับตั้งแต่การสู้รบของกองทัพบกซูดานและกองกำลังกึ่งทหารเคลื่อนที่เร็ว หรือ อาร์เอสเอฟ ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน สหรัฐฯ ได้ประกาศเตือนพลเมืองของตนให้หาทางหนีออกมาจากซูดาน รวมทั้งพยายามติดต่อไปยังประเทศอื่นเพื่อช่วยเหลือในการอพยพชาวอเมริกันออกจากพื้นที่สู้รบ ก่อนที่จะตัดสินใจจัดขบวนรถโดยสารไปรับพบเมืองอเมริกันกลับบ้าน…

นานาประเทศแห่นำนักการทูต-พลเมือง ออกจากซูดานท่ามกลางสงครามกลางเมือง

Loading

    จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย รวมทั้งหลายประเทศในยุโรปและตะวันออกกลาง ต่างพยายามนำพลเมืองและนักการทูตของตนออกจากซูดานในวันจันทร์ ท่ามกลางการสู้รบอย่างหนักระหว่างกองทัพบกซูดานกับกองกำลังกึ่งทหาร ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา   การต่อสู้ระหว่างกองทัพกับกองกำลังกึ่งทหารเคลื่อนที่เร็ว อาร์เอสเอฟ (Rapid Support Forces) เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 427 คน สร้างความเสียหายต่อโรงพยาบาลและหน่วยงานหลายแห่ง และทำให้เขตที่อยู่อาศัยหลายแห่งกลายเป็นพื้นที่สงคราม   ในวันจันทร์ การต่อสู้ในกรุงคาร์ทูมปะทุขึ้นอีกครั้ง ควันไฟลอยขึ้นจากสนามบินระหว่างประเทศในเมืองหลวงของซูดาน ซึ่งติดกับที่ตั้งของกองบัญชาการกองทัพบก ขณะที่มีเสียงปืนและปืนใหญ่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง   การสู้รบบรรเทาลงในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อเปิดทางให้สหรัฐฯ และอังกฤษ อพยพเจ้าหน้าที่ทางการทูตออกจากซูดาน นำไปสู่การแห่อพยพครั้งใหญ่ของเจ้าหน้าที่การทูตของอีกหลายประเทศในวันจันทร์     กองทัพบกซูดานและกองกำลังกึ่งทหาร อาร์เอสเอฟ ผนึกกำลังกันก่อรัฐประหารเมื่อปี 2021 แต่ผู้นำทั้งสองฝ่ายไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้เรื่องการร่วมจัดตั้งรัฐบาลพลเรือน นำไปสู่ความรุนแรงในที่สุด   ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความกังวลว่าหลายฝ่ายอาจถูกดึงเข้าสู่สงครามกลางเมืองครั้งนี้ด้วย เนื่องจากซูดานอยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน 7 ประเทศ และอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ระหว่างอียิปต์ และทะเลแดง   กองกำลังทั้งสองฝ่ายปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงท่ามกลางแรงกดดันจากนานาชาติที่กังวลความปลอดภัยต่อพลเมืองของตน     หลายประเทศ รวมทั้ง…