จีนเปิดทางตำรวจตรวจสอบมือถือทุกคนในประเทศได้ รวมถึงนักท่องเที่ยว
จีนประกาศมาตรการความมั่นคงใหม่ อนุญาตให้ตำรวจตรวจสอบมือถือ-แท็บเล็ตของทุกคนได้ คาดว่ารวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าจีนด้วย
จีนประกาศมาตรการความมั่นคงใหม่ อนุญาตให้ตำรวจตรวจสอบมือถือ-แท็บเล็ตของทุกคนได้ คาดว่ารวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าจีนด้วย
ตำรวจจีนได้ปิดบัญชีออนไลน์ 34,000 บัญชี และลงโทษผู้คนมากกว่า 6,300 คน ฐานเผยแพร่ข่าวลือ ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกฏหมายปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐที่ประกาศใช้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ นทท.จีน ในการท่องเที่ยวประเทศไทย รัฐบาลมีโครงการให้ ตร.จีน ลาดตระเวนเมืองท่องเที่ยวหลักและรอง ขณะที่ภาคเอกชนยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ จึงยังไม่ขอเเสดงความคิดเห็น ภายหลังการประชุมร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยต่อสื่อมวลชนที่สนามบินสุวรรณภูมิว่า นายกฯ ได้ติดตามเรื่องความปลอดภัย คุณภาพสินค้า และการบริการนักท่องเที่ยว
“ตำรวจ” จีนติดตั้งเครื่องมือสอดแนม ด้วยการใช้โปรแกรมสแกนใบหน้า เพื่อจดจำและติดตามรอยกลุ่มผู้ประท้วง หวังควบคุมความไม่สงบทั่วประเทศ ความไม่พอใจต่อมาตรการควบคุมโควิด-19 ปะทุขึ้น ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้ยุติมาตรการล็อกดาวน์ และให้เสรีภาพทางการเมืองแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หวัง เซิ่งเซิง นักกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนเปิดเผยว่า ปักกิ่งประกาศปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม โดยส่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงลงพื้นที่เข้าจัดการ อีกทั้งยังใช้ซอฟต์แวร์แกะรอยที่ซ้อนตัวของผู้ประท้วงอีกด้วย “ในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกวางโจว ดูเหมือนเจ้าหน้าตำรวจได้ใช้อาวุธไฮเทคเพื่อจัดการผู้ชุมนุม” นักกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนกล่าวกับเอเอฟพีและเสริมว่า ต่างจากเมืองอื่น ๆ ที่ต้องพึ่งภาพในกล้องวงจรปิดที่จดจำใบหน้า ตำรวจปักกิ่งอาจใช้ตำแหน่งทางโทรศัพท์มือถือที่บันทึกจากการแสกนใบหน้าหรือโคดข้อมูลทางสุขภาพช่วงโควิด-19 เพื่อติดตามรอยหลังกลับจากการประท้วงแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้โทรศัพท์หลายต่อหลายคนแปลกใจที่ได้รับสายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มอบตัว ทั้งที่พวกเขาเดินผ่านกลุ่มผู้ประท้วงเท่านั้น ———————————————————————————————————————————- ที่มา : …
ตำรวจในประเทศจีนวางกำลังหลายแห่ง เพื่อตรวจสอบสมาร์ทโฟนของประชาชนว่ามีการใช้งานแอปพลิเคชันต้องห้ามอย่างทวิตเตอร์ , อินสตาแกรม และเทเลแกรม หรือไม่ ภายหลังเกิดการประท้วงต้านนโยบายโควิดต้องเป็นศูนย์ของรัฐบาลจีนอย่างหนัก รายงานของสื่อต่างประเทศหลายสำนัก เปิดเผยว่า ตำรวจในประเทศจีนได้วางกำลังตรวจสอบสมาร์ทโฟนของผู้ที่สัญจรไปมา ไม่ว่าจะเป็นบริเวณที่เคยเป็นจุดประท้วงต่อต้านนโยบายโควิด-19 ของรัฐบาลจีน รวมไปถึงพื้นที่ทางเข้าศูนย์การค้า โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อค้นหาว่ามีการใช้งานแอปพลิเคชันต้องห้ามหรือไม่ ในเวลานี้ประชาชนจำนวนมากในประเทศจีนกำลังเข้าถึงแอปพลิเคชันที่ถูกแบนโดยรัฐบาลจีน โดยแอปพลิเคชันที่ถูกแบนนี้ประกอบไปด้วย ทวิตเตอร์ , อินสตาแกรม และเทเลแกรม ซึ่งแม้ว่าแอปเหล่านี้จะถูกแบนจากรัฐบาลจีนก็จริง แต่ชาวจีนสามารถเข้าถึงการใช้งานแอปพลิเคชันที่ถูกแบนเหล่านี้ภายใต้การใช้งานเครือข่ายเสมือน หรือ VPN (Virtual Private Networks) จนถึงเวลานี้ผู้คนในประเทศจีนจำนวนไม่น้อยอึดอัดกับสถานการณ์การใช้นโยบายสกัดกั้นโควิด-19 อันเข้มงวดของรัฐบาลจีน จึงได้มีการจัดการประท้วง และได้มีการใช้แอปพลิเคชันอย่างเทเลแกรม , ทวิตเตอร์ ไปจนถึงอินสตาแกรม เพื่อสื่อสาร พูดคุย และวางแผนประท้วง รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการประท้วงออกสู่โลกภายนอก ทางด้าน วิลเลียม หยาง ผู้สื่อข่าวจากด็อยท์เชอเว็ลเลอ (Deutsche Welle) รายงานว่า ตอนนี้รัฐบาลจีนได้บันทึกข้อมูลส่วนบุคคลของใครก็ตามที่มีการติดตั้งแอปพลิเคชันจากต่างประเทศ รวมถึงการใช้ VPN โดยมีการตั้งจุดตรวจในหลายพื้นที่ เช่น บริเวณถนนสายหลัก และทางเข้าห้างสรรพสินค้า Sources…
หลังจากที่มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับการจัดตั้งสถานีและทีมตำรวจจีนในนิวยอร์ก ทำให้กลุ่ม ส.ส.พรรครีพับลิกัน ต้องการคำชี้แจงจากฝ่ายรัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน หลังจากที่มีสื่อมวลชนรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เรื่องการจัดตั้ง ‘สถานีตำรวจจีน’ ในหลายประเทศ รวมทั้งที่ในนิวยอร์กด้วย ทำให้กลุ่ม ส.ส.พรรครีพับลิกัน ซึ่งประกอบด้วย จิม แบงก์ส, ไมเคิล วอลต์ซ, ไมค์ กัลลาเกอร์ และ ส.ส.ร่วมพรรคอีก 21 คน รวมตัวกันเพื่อส่งจดหมายแก่ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ และอัยการสูงสุด เมอร์ริค การ์แลนด์ เพื่อเรียกร้องขอคำชี้แจงว่า เหตุใด ตำรวจจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงสามารถจัดตั้งสถานีสาขาต่างประเทศในดินแดนสหรัฐได้ ในจดหมายอ้างถึงรายงานข่าวที่ระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งฝูโจว ประเทศจีน ได้ประกาศเมื่อเดือน ม.ค. 2565 ว่ามีการตั้งสถานีสาขาในต่างประเทศ 30 แห่งใน 25 เมือง 21 ประเทศ โดยสาขาในสหรัฐนั้น ตั้งอยู่ที่ที่ทำการของ America Changle Association ซึ่งเป็นสมาคมชาวจีนโพ้นทะเลในนิวยอร์ก…
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว