แรงมาแรงกลับ! ติ๊กต็อกยื่นฟ้อง ‘รัฐมอนทานา’ ค้านกม.แบนใช้แอป

Loading

    สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ติ๊กต็อก แอปพลิเคชันแชร์วิดีโอชื่อดังของบริษัทไบต์แดนซ์ ของจีน ได้ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐเพื่อคัดค้านการที่รัฐมอนทานาผ่านร่างกฎหมายแบนไม่ให้ประชาชนของรัฐสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันติ๊กต็อก   การยื่นฟ้องดังกล่าวมีขึ้นหลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมอนทานากลายเป็นรัฐแรกของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศผ่านร่างกฎหมายแบนติ๊กต็อก ท่ามกลางกระแสการเรียกร้องจากสมาชิกสภานิติบัญญัติและเจ้าหน้าที่รัฐให้มีการแบนแอปพลิเคชันติ๊กต็อกทั่วประเทศสหรัฐจากข้อกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของรัฐบาลจีนที่มีต่อติ๊กต็อก   ส่งผลให้ติ๊กต็อกยื่นฟ้องร้องต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐในรัฐมอนทานา โดยระบุว่าการแบนดังกล่าวซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 มกราคม ปี 2024 ได้ละเมิดบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 (First Amendment) ถึงสิทธิเสรีภาพในการพูด และเรียกร้องให้ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐประกาศให้การแบนแอปพลิเคชันติ๊กต็อกของรัฐมอนทานานั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญและสกัดกั้นไม่ให้รัฐมอนทานามีการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว   โฆษกของติ๊กต็อกกล่าวในแถลงการณ์ว่า “เราขอคัดค้านการแบนติ๊กต็อกของรัฐมอนทานาที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพื่อปกป้องธุรกิจและผู้ใช้งานติ๊กต็อกหลายแสนคนในรัฐมอนทานา” พร้อมกับระบุอีกว่าเราเชื่อว่าจะได้รับชัยชนะในการยื่นคัดค้านทางกฎหมายจากคำพิพากษาในอดีตและข้อเท็จจริงจำนวนมาก และรัฐมอนทานาได้ออกมาตรการพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อนจากการคาดการณ์ที่ไม่มีมูล พร้อมกับยืนยันในการยื่นฟ้องว่าติ๊กต็อกไม่เคยและจะไม่ส่งข้อมูลของผู้ใช้งานในสหรัฐให้กับรัฐบาลจีน   นายเกร็ก เกียนฟอร์เต ผู้ว่าการรัฐมอนทานาเผยว่าเขาลงนามรับรองกฎหมายการแบนดังกล่าวเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของประชาชนในรัฐจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน   ภายใต้กฎหมายการแบนแอปติ๊กต็อกของรัฐมอนทานา แอปเปิลและกูเกิลจะต้องนำแอปติ๊กต็อกออกจากแอปสโตร์ (App store) มิเช่นนั้นจะถูกปรับเป็นเงินสูงถึง 1 หมื่นดอลลาร์ หรือกว่า 3.4 แสนบาทต่อวัน อย่างไรก็ตาม จะไม่มีบทลงโทษต่อผู้ใช้งานติ๊กต็อกและจะไม่มีการห้ามไม่ให้ผู้ที่ใช้งานติ๊กต็อกอยู่ก่อนหน้าเลิกใช้งานแอปดังกล่าว   ด้านทนายความของทางการรัฐมอนทานากล่าวว่า พวกเขาเตรียมที่จะปกป้องการแบนดังกล่าวในชั้นศาล  …

มุมมองผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยไซเบอร์ การแบน TikTok อาจทำให้ ภัยคุกคาม รุนแรงขึ้น

Loading

TikTok ไม่ใช่แอปแรกและแอปเดียว ที่มีการใช้งานข้อมูลส่วนบุคล แต่ TikTok เป็นแอปที่สร้างความกังวลในกลุ่มนักการเมืองสหรัฐฯ กว่าแอปอื่น ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ เพราะเป็นแอปที่มาจากจีน   ซึ่งหลายคนคงเคยอ่านผ่านตามาบ้าง ทั้งเรื่องความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน และการกีดกันการค้าด้วยการแบนหัวเว่ย, ZTE ไปแล้ว ลามมาถึง TikTok ซึ่งสหรัฐฯ ก็ฮึ่มๆ อยากแบนจากสหรัฐฯ อยู่ในตอนนี้   แต่การแบน TikTok เป็นทางออกที่ดีที่สุดจริงหรือ   Robert Olson ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้จากสถาบัน Rochester Institute of Technology เขียนบทความความเห็นว่า การแบน TikTok จะเป็นหายนะทางไซเบอร์ และอาจทำให้ความปลอดภัยทางดิจิทัลของบุคคลถดถอย   หากเกิดการแบน TikTok ในสหรัฐฯ จริงๆ วิธีที่รัฐบาลจะใช้ก็มีไม่กี่อย่าง คือถอดแอปออกจาก Play Store และ App Store หรือกรองทราฟฟิกที่ส่งไปยังที่อยู่ซึ่งเชื่อว่าเป็นของ TikTok ออกไป  …

รัฐมอนแทนา สหรัฐ ผ่านร่างกฎหมาย แบน Tiktok ในมือถือทุกเครื่อง อ้างเป็นแอปสอดแนม

Loading

  รัฐมอนแทนา สหรัฐ ผ่านร่างกฎหมาย แบน Tiktok ในมือถือทุกเครื่อง อ้างเป็นแอปฯ สอดแนม   รัฐมอนแทนา ในสหรัฐฯ กลายเป็นรัฐแรกที่ผ่านร่างกฎหมาย แบน Tiktok ในมือถือทุกเครื่อง ให้เหตุผลเป็นแอปฯสอดแนมให้จีน   รัฐมอนแทนา หนึ่งในรัฐของสหรัฐอเมริกา กลายเป็นรัฐแรกที่ผ่านร่างกฎหมาย แบน Tiktok ในโทรศัพท์มือถือทุกเครื่อง ไม่จำกัดเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ แต่รวมถึงบุคคลธรรมดาด้วย ซึ่งนั่นจะส่งผลให้ Tiktok ไม่สามารถดาวน์โหลดและให้บริการในรัฐนี้ได้   ร่างกฎหมายผ่าน แต่อาจถูกปัดตกไม่ได้เป็นกฎหมายจริง   วุฒิสมาชิกรัฐมอนแทนา ลงมติแบน Tiktok 54 ต่อ 43 เสียง ในการผ่านร่างกฎหมายนี้ ซึ่งขั้นตอนต่อไปคือให้ผู้ว่าการรัฐลงนาม แต่ CNN รายงานว่า ผู้ว่าฯ จะปัดตก ไม่ลงนามกฎหมายดังกล่าว เพราะอาจเข้าข่ายปัญหาทางกฎหมายตามมาผ่านหลัง เช่น ขัดต่อรัฐธรรมนูญจนทำให้ต้องจ่ายค่าเสียหายให้ Tiktok เนื่องจากทำให้สูญเสียโอกาสทางการค้า เป็นต้น  …

เวียดนามเตรียมตรวจสอบ “เนื้อหาเป็นพิษ” บน “ติ๊กต็อก”

Loading

  รัฐบาลเวียดนาม ประกาศเตรียมตรวจสอบแอปพลิเคชัน “ติ๊กต็อก” เกี่ยวกับ “เนื้อหาอันตราย” ซึ่งอาจเป็น “ภัยคุกคาม” ต่อเด็กและเยาวชน   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ว่า กระทรวงข่าวสารของเวียดนาม ออกแถลงการณ์ ว่า จะเริ่มทำการสอบสวนการดำเนินงานภายในประเทศของติ๊กต็อก “ตั้งแต่เดือน พ.ค. นี้ เป็นต้นไป” ว่า “เนื้อหาเป็นพิษ” บนแพลตฟอร์มว่า “เป็นภัยคุกคามต่อเด็กและเยาวชน วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมของเวียดนามหรือไม่”   ปัจจุบัน ติ๊กต็อกให้บริการในเวียดนามกับผู้มีอายุตั้งแต่ 18 ปี และข้อมูลจากรัฐบาลฮานอยระบุว่า จำนวนผู้ใช้งานสะสมในประเทศจนถึงตอนนี้ มีจำนวนเกือบ 60 ล้านคน ด้านติ๊กต็อกออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เพียงว่า “เป็นการตรวจสอบตามกระบวนการและตามข้อตกลง” และบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติทุกแห่งในเวียดนาม ต้องเผชิญกับขั้นตอนนี้ พร้อมทั้งยืนยันว่า เฉพาะเมื่อไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว ติ๊กต็อกลบคลิปตามคำร้องของทางการเวียดนามมากถึง 1.7 ล้านคลิป   Vietnam to probe…

สหราชอาณาจักรสั่งปรับ “TikTok” 500 กว่าล้านบาท

Loading

  สหราชอาณาจักร สั่งปรับ TikTok เป็นเงิน 500 กว่าล้านบาท เหตุพบการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูล   เรียกว่างานเข้าไม่หยุด สำหรับแพลตฟอร์มวิดีโอคอนเทนต์ชื่อดังอย่าง “TikTok” ที่ก่อนหน้านี้ก็ถูกสั่งแบนในอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐหลายประเทศ ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 เม.ย. หน่วยเฝ้าระวังข้อมูลของสหราชอาณาจักรได้ประกาศสั่งปรับ TikTok เป็นเงินจำนวนกว่า 12.7 ล้านปอนด์ (ราว 538 ล้านบาท) เนื่องจากพบการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูล จากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และพบการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง     สำนักงานคณะกรรมาธิการด้านข้อมูลข่าวสารแห่งสหราชอาณาจักร (Information Commissioner’s Office หรือ ICO) ประมาณการว่า ในปี 2020 แอปพลิเคชัน TikTok อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ประมาณ 1.4 ล้านคนทั่วสหราชอาณาจักร สามารถเข้าถึง TikTok ได้ แม้แอปพลิเคชันจะกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้สร้างบัญชีใช้งานว่า ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 13…

ออสซี่โดดร่วมวง แบนติ๊กต็อก บนอุปกรณ์ของรัฐ ปักกิ่งประณามทันที จี้ปฏิบัติเป็นธรรมกับบริษัทจีน

Loading

แฟ้มภาพรอยเตอร์   ออสซี่โดดร่วมวง แบนติ๊กต็อก บนอุปกรณ์ของรัฐ ปักกิ่งประณามทันที จี้ปฏิบัติเป็นธรรมกับบริษัทจีน   เมื่อวันที่ 4 เมษายน ออสเตรเลีย ประกาศแบนการใช้ ติ๊กต็อก แอปพลิเคชันแชร์วิดีโอสั้นยอดนิยม บนอุปกรณ์ของรัฐบาลทุกชนิด ส่งผลให้ออสเตรเลีย เป็นประเทศล่าสุดในกลุ่มชาติพันธมิตรตะวันตกที่ห้ามการใช้งานแอปสัญชาติจีนนี้บนอุปกรณ์ต่าง ๆ ของหน่วยงานรัฐบาล เนื่องจากกลัวเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ   มาร์ก เดรย์ฟัส รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของออสเตรเลีย กล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นภายหลังได้รับคำแนะนำจากหน่วยงานด้านข่าวกรองของประเทศและจะเริ่มปฏิบัติใช้โดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ดีรัฐบาลจะอนุมัติข้อยกเว้นบางประการเป็นรายกรณีไปด้วยการผ่อนปรนด้านความปลอดภัยที่เหมาะสม   ท่าทีนี้ส่งผลให้ออสเตรเลีย เป็นชาติสุดท้ายในกลุ่ม “ไฟฟ์ อายส์” พันธมิตรด้านความมั่นคง ร่วมกับสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา และ นิวซีแลนด์ ที่ได้แบนติ๊กต็อกเข้าถึงอุปกรณ์ของหน่วยงานรัฐบาลของตนเองไปก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนี้ยังมีฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และ สหภาพยุโรป (อียู) ที่ก็ได้ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน   ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ กล่าวเตือนว่า ติ๊กต็อก ที่อ้างว่ามีผู้ใช้งานแอปนี้อยู่ทั่วโลกมากกว่า 1,000 ราย ได้แบ่งปันข้อมูลของผู้ใช้งานให้กับรัฐบาลจีน ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศต่าง…