ยอดเสียชีวิตเหตุน้ำท่วมเกาหลีใต้เพิ่มเป็น 40 คน ประธานาธิบดีชี้ การรับมือภัยพิบัติล้มเหลว

Loading

  ยุนซอกยอล ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ กล่าวตำหนิถึงความล้มเหลวในการปฏิบัติตามแผนรับมือภัยพิบัติแห่งชาติของบรรดาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หลังประสบเหตุภาวะน้ำท่วมครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดชุงชองเหนือ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 40 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงไทย 1 คน ขณะที่ยังสูญหายอีก 9 คน และได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง   ทางการเกาหลีใต้คาดว่า จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมนี้จะยังคงเพิ่มสูงขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ โดยเจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัยเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและค้นหาร่างผู้เสียชีวิตที่อาจติดอยู่ภายใต้อุโมงค์หรือจมอยู่ใต้น้ำอย่างเต็มความสามารถ   เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดการตั้งคำถามถึงความพยายามในการป้องกันและการตอบสนองต่อภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นของรัฐบาลเกาหลีใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ผู้ขับขี่ยานพาหนะบางคนชี้ว่า ทางการเกาหลีใต้ไม่สามารถควบคุมการใช้รถใช้ถนนบริเวณอุโมงค์ทางลอดหรือเส้นทางที่คาดว่าจะมีความเสี่ยงในการเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้ จนนำไปสู่เหตุสูญเสียในท้ายที่สุด   ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากทริปเยือนต่างประเทศยอมรับว่า ภาวะน้ำท่วมในประเทศเลวร้ายลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการบริหารจัดการพื้นที่เสี่ยงไม่ดี โดยยุนซอกยอลระบุว่า เราได้เน้นย้ำหลายต่อหลายครั้งถึงความสำคัญในการเข้าถึงพื้นที่เสี่ยงภัย รวมถึงการเตรียมพร้อมที่จะอพยพหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่ถ้าหากหลักการขั้นพื้นฐานในการรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติไม่ได้รับการยึดถือหรือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ก็จะส่งผลต่อความปลอดภัยของสาธารณชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   เมื่อปี 2022 รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ให้คำมั่นที่จะดำเนินการเพื่อรับมือกับภัยพิบัติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศให้ดียิ่งขึ้น หลังเผชิญหน้ากับเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ เนื่องมาจากพายุฝนที่ตกลงมาอย่างหนักที่สุดในรอบ 115 ปี คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 14 คน และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง   นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในการบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤตของเกาหลีใต้ในปีนี้ แม้ในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาเกาหลีใต้จะเคยเผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่มาแล้วหลายต่อหลายครั้งก็ตาม   ด้านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ…

มท.1 สั่งเข้มทุก จ.พบจุดเสี่ยงอันตรายจากเสาไฟฟ้า หากประเมินอันตรายให้ตัดไฟทันที

Loading

  มท.1 สั่งการเน้นย้ำจังหวัด ท้องถิ่นและการไฟฟ้าตรวจสอบจุดเสี่ยงอันตรายจากเสาไฟฟ้า หรือหากประเมินว่าจะมีอันตรายต่อประชาชนให้ตัดไฟทันที   พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกหนัก ทำให้มีน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้างในหลายพื้นที่ จึงมีความเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากอุบัติภัยในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะอุบัติภัยจากไฟฟ้าทั้งไฟฟ้าช็อตและไฟฟ้าดูดที่อาจทำให้ได้รับอันตรายแก่ชีวิตได้ ดังกรณีเหตุการณ์ไฟฟ้าดูดเนื่องจากฝนตกน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในจังหวัดอุดรธานี จึงได้สั่งการให้จังหวัด กทม.และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวงเร่งตรวจสอบจุดเสี่ยงอันตรายจากกระแสไฟฟ้ารั่ว   รวมทั้งเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าที่ติดตั้งบนเสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ และต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้เสาไฟฟ้า โดยเฉพาะในบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง และให้เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือด้านระบบไฟฟ้าแก่ประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง หากตรวจสอบพบมีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลหรือประเมินว่าจะเกิดอันตรายต่อประชาชนให้รีบตัดกระแสไฟฟ้าทันที พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย ทั้งนี้ ให้อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนและสร้างการรับรู้ในการระมัดระวังตนเองจากไฟฟ้าที่มักความเสี่ยงเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงที่มีฝนตกและมีน้ำท่วมขัง   พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สำหรับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ขอให้ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า ปลั๊กไฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และย้ายขึ้นที่สูงให้พ้นจากระดับน้ำท่วมถึง หากมีน้ำท่วมบ้าน ให้สับคัตเอาท์เพื่อตัดกระแสไฟฟ้า โดยสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหรือช่างไฟฟ้าที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านระบบไฟฟ้า มาดำเนินการปลดสวิตช์ เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่ว และเพื่อความปลอดภัยไม่ควรใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าขณะที่ร่างกายเปียกชื้นหรือยืนแช่น้ำ รวมถึงไม่ควรลุยน้ำเข้าใกล้แนวสายไฟ เสาไฟฟ้า หรือสัมผัสวัตถุที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เพราะหากมีกระแสไฟฟ้ารั่ว อาจจะทำให้ถูกไฟฟ้าดูดเป็นอันตรายถึงชีวิตได้   ทั้งนี้ ประชาชนที่พบเห็นเหตุการณ์ไฟฟ้ารั่ว สามารถแจ้งเหตุได้สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางสายด่วนนิรภัย…