บริษัทเจ้าของ TikTok ถูกกล่าวหาช่วยรัฐบาลจีนสอดแนมข้อมูลนักเคลื่อนไหว

Loading

  China: ByteDance บริษัทเจ้าของ TikTok ถูกกล่าวหาว่า เปิดช่องให้สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน เข้าถึงข้อมูลของนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิพลเมือง และผู้ประท้วงชาวฮ่องกง   หยู หยินเทา อดีตผู้บริหาร ByteDance บริษัทเจ้าของ TikTok ระบุในการยื่นฟ้องต่อศาลของสหรัฐฯ ว่า ByteDance ถูกกล่าวหาว่าเปิดช่องให้สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน เข้าถึงข้อมูลของนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิพลเมือง และผู้ประท้วงชาวฮ่องกง รวมถึงยังสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ TikTok ของสหรัฐฯ ได้ด้วย   ขณะที่ ผู้ใช้ที่อัปโหลดเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการประท้วง ยังถูกระบุตัวและตรวจสอบได้อีกเช่นเดียวกัน   ด้านโฆษกของ ByteDance ปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว โดยอธิบายว่าไม่มีมูลความจริง   ข้อกล่าวหาดังกล่าว อยู่ในการยื่นฟ้องของศาลสูงซานฟรานซิสโกในสัปดาห์นี้ เป็นส่วนหนึ่งของการฟ้องร้องโดยหยู ที่อ้างว่าสมาชิกของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ สามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชีผู้ใช้พิเศษ ซึ่งอนุญาตให้พวกเขาดูข้อมูลทั้งหมดที่ ByteDance รวบรวมได้ นอกจากนี้ เขายังกล่าวหาว่า สมาชิกคณะกรรมการไม่ใช่พนักงานของ ByteDance แต่อยู่ที่สำนักงานของบริษัทในกรุงปักกิ่ง   หยู ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของ ByteDance ในสหรัฐฯ ประมาณ…

เฟสบุ๊ค สั่งถอดระบบจดจำใบหน้าในบัญชีผู้ใช้ 1 พันล้านคนทั่วโลก

Loading

  เฟสบุ๊ค ประกาศปิดระบบจดจำใบหน้าที่ใช้ในสื่อสังคมออนไลน์ภายในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะมีผลกับผู้ใช้ในเฟสบุ๊คกว่า 1 พันล้านบัญชี ท่ามกลางความกังวลด้านสังคมเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าว ตามรายงานของรอยเตอร์ เจอโรม เพเซนที รองประธานฝ่ายระบบปัญญาประดิษฐ์ของเฟสบุ๊ค ระบุในบล็อกโพสต์เมื่อวันอังคาร (2 พฤศจิกายน) ว่า ในช่วงที่หน่วยงานกำกับดูแลยังอยู่ระหว่างการจัดทำกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้งาน และด้วยสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในระยะนี้ ทางเฟสบุ๊คเชื่อว่า การจำกัดการใช้ระบบจดจำใบหน้าเป็นมาตรการที่เหมาะสม เฟสบุ๊ค ระบุว่า มาตรการนี้จะมุ่งไปที่การปิดระบบเทมเพลตจดจำใบหน้าของบัญชีผู้ใช้กว่า 1 พันล้านราย ซึ่งทุกๆวัน จะมีผู้ใช้ระบบดังกล่าวราว 1 ใน 3 ของบัญชีผู้ใช้เฟสบุ๊ค และบริษัทคาดว่าจะถอดระบบดังกล่าวได้เสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคมนี้ อย่างไรก็ตาม ทางเฟสบุ๊ค ที่เพิ่งประกาศรีแบรนด์เป็น เมตา (Meta) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังไม่ได้ปิดประตูแห่งโอกาสสำหรับระบบจดจำใบหน้าไปอย่างถาวร โดยทางบริษัท ระบุในแถลงการณ์ว่า ยังคงเห็นว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง อย่างเช่น กับผู้คนที่ต้องการยืนยันตัวตนหรือผู้ที่ต้องการป้องกันการฉ้อโกงและการแอบอ้างเป็นบุคคลอื่นบนโลกออนไลน์ ซึ่งทางบริษัทจะยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีนี้ต่อไป   (มีเนื้อหาบางส่วนจากรอยเตอร์)   ————————————————————————————————————————————————– ที่มา : VOA Thai / วันที่เผยแพร่ 3…