อึ้ง ชายแปรพักตร์หวังกลับเกาหลีเหนือ ขโมยบัสขับชนด่านก่อนโดนจับ

Loading

ชายเกาหลีเหนือที่หนีมาอยู่เกาหลีใต้ ขโมยรถบัสและพยายามขับฝ่าด่านข้ามสะพานรวมชาติ เพื่อกลับสู่เกาหลีเหนือ แต่ถูกจับกุมตัวเอาไว้ได้

เกาหลีเหนือ สั่งประหาร-คุกตลอดชีวิต เด็ก 17 ปี 30 คน ฐานดูซีรีส์เกาหลีใต้

Loading

อ้างจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้ เคเบิลทีวีท้องถิ่น โชซอน รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ทางการเกาหลีเหนือยิงนักเรียนมัธยมต้นต่อสาธารณะ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าดูละครเกาหลีใต้ ที่เก็บไว้ในยูเอสบี

เปิดใจเจ้าหน้าที่ความมั่นคงรัสเซีย ผู้แปรพักตร์และหนีออกนอกประเทศ

Loading

  อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยงานป้องกันกลางเปิดเผยเรื่องราวการหลบหนีออกจากประเทศหลังทนไม่ไหวกับสงครามยูเครน พร้อมเรื่องเล่าเกี่ยวกับปูติน   นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเดือน ก.พ. 2022 มีชาวรัสเซียหลายคนที่ตัดสินใจหลบหนีออกจากประเทศตัวเอง อาจจะด้วยเหตุผลเพื่อหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร เพื่อหนีจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ หรืออาจจะลี้ภัยเพื่อความปลอดภัย โดยจากการประเมินเชื่อว่ามีชาวรัสเซียมากถึง 900,000 คนที่หนีออกจากประเทศตัวเอง   ที่น่าสนใจคือ ในจำนวนชาวรัสเซียที่หลบหนีออกมา มีส่วนเล็ก ๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐด้วย หนึ่งในนั้นคือ “เกล็บ คาราคูลอฟ” วิศวกรผู้ตัดสินใจหอบภรรยาและลูกหลบหนีไปยังตุรกี     แต่คาราคูลอฟไม่ใช่ผู้แปรพักตร์ธรรมดา เพราะเขายังมีสถานะเป็นถึง “เจ้าหน้าที่หน่วยงานป้องกันกลาง (FSO)” ของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานย่อยของหน่วยความมั่นคงกลางรัสเซีย โดยเป็นผู้รับผิดชอบด้านการสื่อสาร ซึ่งรู้รายละเอียดในชีวิตของปูตินและข้อมูลที่อาจเป็นความลับ   คาราคูลอฟหนีไปยังตุรกีเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2022 พร้อมกับภรรยาและลูกสาว เขาปิดโทรศัพท์เพื่อปิดกั้นข้อความที่ส่งมาหาเขาด้วยความเกรี้ยวกราด   คาราคูลอฟเล่าว่า เขาตัดสินใจออกมา เพราะเขาต่อต้านการรุกรานยูเครน รวมกับความกลัวที่จะตาย ทำให้เขาต้องออกมา และเลือกที่จะออกมาพูดแม้ว่าจะมีความเสี่ยงต่อตัวเขาเองและครอบครัวก็ตาม   เขาบอกว่า เขาหวังว่าตัวเองจะเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวรัสเซียคนอื่น ๆ ออกมาพูดเช่นกัน…

เกาหลีเหนือ : อดีตพันเอกผู้แปรพักตร์เผยความลับอันดำมืดใต้การปกครองของตระกูลคิม

Loading

  คิม กุก-ซอง ยังคงไม่ทิ้งนิสัยเดิมที่มักทำตัวลึกลับซับซ้อน   ทีมข่าวบีบีซีต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการหารือเพื่อขอสัมภาษณ์อดีตเจ้าที่ระดับสูงของหน่วยสายลับเกาหลีเหนือผู้นี้ ซึ่งเขายังคงมีท่าทางกังวลว่าจะมีคนแอบดักฟัง เขาสวมแว่นตาดำเมื่ออยู่หน้ากล้อง และมีเพียงทีมงานของบีบีซีเพียง 2 คนเท่านั้น ที่รู้ชื่อจริงของเขา   นายคิม ใช้เวลา 30 ปีในการไต่เต้าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในหน่วยงานสายลับอันทรงอิทธิพลของเกาหลีเหนือ เขากล่าวว่า หน่วยงานเหล่านี้ถือเป็น “ตา หู และสมองของท่านผู้นำสูงสุด“ เขาอ้างว่าตัวเองคือผู้กุมความลับของหน่วยงานเหล่านี้ เป็นผู้ส่งนักฆ่าไปลอบสังหารนักวิจารณ์ฝ่ายตรงข้าม และแม้แต่สร้างห้องแล็บผลิตยาเสพติดเพื่อช่วยหาเงินทุน “เพื่อการปฏิวัติ“ ตอนนี้ อดีตพันเอกชาวเกาหลีเหนือได้ตัดสินใจบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองกับบีบีซี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่นายทหารระดับสูงจากกรุงเปียงยางให้สัมภาษณ์กับสื่อรายใหญ่ของโลก   ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับบีบีซี นายทหารผู้แปรพักตร์คนนี้บอกว่าตนเองเป็นคน “แดงเข้มที่สุดในบรรดาสีแดงทั้งปวง” เป็นผู้รับใช้ที่จงรักภักดีต่อลัทธิคอมมิวนิสต์ ทว่ายศตำแหน่งและความจงรักภักดีก็ไม่อาจรับประกันความปลอดภัยในเกาหลีเหนือได้   เขาหลบหนีออกมาในปี 2014 และนับแต่นั้นก็อาศัยอยู่ในกรุงโซล โดยทำงานให้หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ นายคิมเล่าว่า คณะผู้นำเกาหลีเหนือพยายามที่จะหาเงินเข้าประเทศด้วยสารพัดวิธี ตั้งแต่ค้ายาเสพติดไปจนถึงอาวุธให้ชาติในตะวันออกกลางและแอฟริกา เขายังเผยกับบีบีซีถึงยุทธศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจต่าง ๆ ของรัฐบาลเกาหลีเหนือ รวมทั้งการโจมตีเกาหลีใต้ และคำกล่าวอ้างว่าสายลับและเครือข่ายทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือได้ปฏิบัติภารกิจไปทั่วทุกมุมโลก   แม้บีบีซีจะไม่สามารถหาแหล่งข้อมูลอิสระในการยืนยันคำกล่าวอ้างเหล่านี้ได้แน่ชัด แต่ก็สามารถยืนยันตัวตนของนายคิม และพบหลักฐานสนับสนุนคำกล่าวอ้างต่าง ๆ ของเขา บีบีซีได้ติดต่อไปยังสถานทูตเกาหลีเหนือในกรุงลอนดอน…